ตอนที่ 1 เจ้าของหัวใจเฟลิกซ์

3703 คำ
คฤหาสน์ตระกูล RIZZO ในขณะที่อีกด้านร่างสูงกำยำที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแล็คสีเข้ม เสื้อสูทสีดำยังคงแขวนอยู่บนไม้แขวนแค่รอเวลาที่เขาจะหยิบมันขึ้นมาสวมใส่ก็เท่านั้น เรือนผมสีดำสนิทของชายหนุ่มก็ถูกเซ็ตทรงให้เข้ากับรูปหน้าหล่อเหลา ความสมบูรณ์แบบทั้งหมดมันมากองรวมกันอยู่ที่ใบหน้าของเฟลิกซ์เช่นเดียวกับร่างกายกำยำของเขาที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม เฟลิกซ์ ในวัย 28 ปี เขาเป็นลูกชายคนโตของมาเฟียอย่างเฮลและภรรยาคนสวยอย่างริชา ซึ่งเฟลิกซ์ได้กลายเป็นผู้บริหารหนุ่มใหม่ไฟแรงเป็นทายาทที่ถูกวางตัวเอาไว้ให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลต่อจากผู้เป็นพ่ออย่างเฮล และก็ดูเหมือนว่าเขาจะถอดแบบความเป็นผู้นำจากพ่อมาทุกกระเบียดนิ้ว “พี่เฟลิกซ์แม่ให้มาตามลงไปข้างล่างได้แล้ว...” บานประตูห้องนอนของชายหนุ่มถูกเปิดออกและตามมาด้วยเสียงหวานเจื้อยแจ้วของน้องสาวคนรองอย่าง เมเบล ที่อยู่ในชุดเดรสกระโปรงสีฟ้าแต่งระบายให้อารมณ์คล้ายกับชุดเจ้าหญิงนิด ๆ ร่างสูงที่ยืนมองภาพบรรยากาศเบื้องล่างอยู่ในตอนแรกหันไปมองน้องสาวก่อนที่เขาจะพยักหน้าน้อย ๆ สีหน้าของเขาไม่ได้บ่งบอกถึงความรู้สึกอะไรมากมายนักนอกจากความเรียบเฉย... “ประตูพี่มันเคาะได้นะ ไม่ต้องกลัวมันจะเจ็บ...” “ลองเคาะดูบ้าง”ร่างสูงเอ่ยออกไปเสียงเรียบพลางมองน้องสาวคนรองที่มักจะชอบถือวิสาสะเข้าห้องนอนเขาโดยที่ไม่ได้เคาะหรือขออนุญาตก่อน เมเบลที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มขำออกมาน้อย ๆ เพราะงานถนัดของเธอคือทำยังไงก็ได้ให้พี่ชายจอมเย็นชาของเธอนั้นขยับปากโต้ตอบกับเธอ “ก็มันลืมนี่น่า เดี๋ยวรอบหน้าจะเคาะให้นะคะพี่ชาย” “มารยาทเป็นสิ่งที่ควรจะมีเองหรือคิดได้เองโดยที่ไม่ต้องให้มาสอนนะครับน้องสาว” “หู้ยยยย จะบอกว่าน้องไม่มีมารยาทเหรอไงคะ” “ก็แล้วแต่จะคิด แต่ถ้าเบลจะคิดแบบนั้นพี่ก็ไม่ได้ห้าม”เสียงทุ้มเอ่ยออกไปนิ่ง ๆ เมเบลที่เห็นพี่ชายโต้ตอบออกมาแบบนั้นก็ยิ่งชอบใจ เธอชอบมากจริง ๆ เวลาได้ยินคำพูดที่แอบแฝงไปด้วยควาเหน็บแนมของพี่ชายตัวเอง มันทำให้เธอรู้ว่าพี่ชายของเธอก็ยังมีอารมณ์อื่น ๆ อยู่บ้างที่ไม่ด้มีแค่ความเฉยชาอย่างเดียว “สบายใจล่ะ ได้เห็นพี่เฟลิกซ์ขยับปากเถียงเบลกลับแบบนี้แปลว่าอารมณ์ยังไม่ตายด้านขนาดนั้น” “เดี๋ยวนี้เราชักจะเลอะเทอะใหญ่แล้วนะ พูดไปเรื่อย” เจ้าของใบหน้าคมคายเอ่ยออกไปพร้อมกับส่ายหน้าไปมาด้วยความเอือมระอาในนิสัยของน้องสาวตัวเองที่ชอบต่อปากต่อคำกับเขา แถมยังขยันหาเรื่องมากวนประสาทเขาไม่เว้นแต่ละวันที่ได้เจอกัน ถ้านับในบรรดาพี่น้องสามคน เฟลิกซ์ เมเบล โนอาร์ นิสัยเมเบลจะแตกแยกไปจากพวกเขาโดยสิ้นเชิง อาจจะเพราะเธอเกิดมาเป็นลูกผู้หญิงคนเดียวด้วย การเซ้าซี้หรือความกวนประสาทก็เลยมีมากกว่าพวกเขา... แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมเบลคือสีสันของเขากับโนอาร์ เพราะถ้าไม่มีเมเบลคอยเป็นเสียงหัวเราะหรือความสดใสให้แบบนี้ พวกเขาก็คงอยู่แต่กับความเฉยชาจนเป็นเรื่องปกติ “ก็พวกพี่เล่นไม่มีใครมีอารมณ์ขันกับเบลเลยอ่ะ ยิ่งโนอาร์ยิ่งแล้วใหญ่ นั่นก็เหมือนหมีจำศิลไม่มีปากไม่มีเสียง ทำหน้าเบื่อโลกไปวัน ๆ” “ถามจริงนะ ทำงานเครียดกันเหรอ ทำไมถึงทำหน้าตึงหน้าเครียดกันตลอดเวลา”เมเบลที่อดเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ได้ ประกอบกับนิสัยช่างสังเกตและช่างเจรจาของเธอทำให้เธอมักจะอดถามเฟลิกซ์ซ้ำ ๆ ไม่ได้ว่าชีวิตนี้จะเครียดอะไรกันนักหนา เฟลิกซ์ที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับต้องหัวเราะออกมาเพราะไม่ใช่แค่น้ำเสียงที่น้องสาวคุยกับเขาด้วยความจริงจัง สีหน้าของเธอก็จริงจังแบบออกอรรถรสมากเช่นกัน “คุณหนูเมเบลลองเข้าไปทำงานที่บริษัทฯ กับพวกพี่เล่น ๆ ดูสักครั้งครับ แล้วจะรู้ว่ามันเป็นยังไง” “ไม่ค่ะ คุณหนูเมเบลขอไปตามทางของตัวเองดีกว่า ไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในโอวาทของพ่อกับแม่มากเดี๋ยวจะหน้าตึงหน้าเครียดแบบพวกพี่...” “ไปละ รีบ ๆ ตามลงมา เดี๋ยวแม่บ่นนะ”เมเบลพูดพร้อมกับยกมือโบกสะบัดกระดิกปลายนิ้วไปมาเล็กน้อยแล้วก็เดินออกจากห้องนอนส่วนตัวของพี่ชายไป เฟลิกซ์มองตามก่อนจะส่ายหน้าไปมาอย่างไม่รู้จะพูดยังไงกับน้องสาวคนนี้ เขาไม่ได้รู้สึกเอือมระอาอะไรกับน้องสาวคนกลางมากมายนักหรอกแอบรู้สึกอิจฉาเมเบลด้วยซ้ำที่สามารถใช้ชีวิตได้อิสระแถมไม่ต้องเครียดอะไรมากมาย เจ้าของนัยน์ตาคู่คมเดินไปหยิบเสื้อสูทที่แขวนอยู่มาสวมใส่ เขาจัดระเบียบเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะเดินลงไปยังชั้นล่างของคฤหาสน์เพื่อออกไปดูความพร้อมของสถานที่จัดงานเลี้ยงสำคัญของปู่เขา ซึ่งอันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องลงมาดูก็ได้เพราะลำพังแค่แม่ของเขากับคุณอาฮันน่าก็เอาอยู่แล้ว “มาแล้วเหรอลูก...”เสียงของคนเป็นแม่อย่างริชาเอ่ยขึ้น หญิงสาววัยกลางคนหันไปมองหน้าลูกชายคนโตด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน ก่อนจะเดินมาจับแขนลูกชายเอาไว้ ลูกชายของเธอนานวันเขายิ่งดูภูมิฐานและหล่อเหลามากจริง ๆ “งานเตรียมไปถึงไหนแล้วครับแม่ ใกล้เสร็จหรือยังครับ” “เสร็จหมดแล้วลูก ที่เหลือก็แค่เช็คความเรียบร้อยกันเฉย ๆ อาฮันน่าก็มาช่วยแม่ดูอยู่...ว่าแต่ว่าวันนี้เพื่อน ๆ ลูกมากันครับหรือเปล่า” “พวกมันว่าจะมากันครบทุกคนนะครับ ว่าแต่แม่ถามถึงเพื่อนผมทำไม”ร่างสูงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ คิ้วเข้มขยับเข้าหากันเล็กน้อยเพราะปกติแม่ของเขาไม่ค่อยจะถามอะไรแบบนี้ ริชาอมยิ้มก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปกระซิบถามลูกชายใกล้ ๆ อย่างอยากรู้ “แล้วหนูบีน่ามาด้วยหรือเปล่า เพื่อนคนสำคัญของเราน่ะ”คนเป็นแม่เอ่ยแซวอย่างรู้ทันความรู้สึกของลูกชายคนโต ถึงแม้ว่าเฟลิกซ์จะไม่ค่อยพูดถึงเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ไม่เคยบอกเธอว่าเขานั้นชอบใคร แต่เธอก็พอจะเดาเอาเองได้ว่าเฟลิกซ์นั้นน่าจะรู้สึกพิเศษกับหนูบีน่า ไม่งั้นก็คงจะไม่พามาร่วมโต๊ะอาหารที่บ้านบ่อย ๆ แถมในทุกวันสำคัญของครอบครัวเธอมักจะได้เห็นหนูบีน่ามาร่วมงานสำคัญด้วยเสมอ เฟลิกซ์ที่ได้ยินแบบนั้นก็นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย เขามองผู้เป็นแม่อย่างไม่คาดคิดว่าแม่ของเขาจะมองออก “ดูออกเหรอครับว่าผมกับบีน่า ?”เฟลิกซ์เอ่ยเว้นจังหวะพร้อมเลิกคิ้วมองใบหน้าของผู้เป็นแม่ “นี่แม่นะเฟลิกซ์ แม่จะดูไม่ออกได้ยังไงว่าลูกชายแม่กำลังตกหลุมรักเด็กสาวหน้าตาน่ารักคนนั้นที่ชอบพามากินข้าวที่บ้านเราบ่อย ๆ”ริชาได้ทีก็เอ่ยแซวทันที เฟลิกซ์มองใบหน้าผู้เป็นแม่อึ้ง ๆ ก่อนจะหลุดยิ้มออกมา เขารู้แล้วว่าเมเบลเหมือนใคร แรก ๆ ไม่แน่ใจตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าเมเบลได้นิสัยของแม่มาเต็ม ๆ “ผมรู้แล้วเบลเหมือนใคร เบลเหมือนแม่นี่เอง” “อ้าวเราเพิ่งรู้เหรอไงว่าน้องเหมือนแม่ ส่วนเราน่ะนิสัยได้พ่อมาเป๊ะ!”ริชาเอ่ยออกไปด้วยสีหน้าขบขันก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ “แล้วแม่โอเคไหมครับ ถ้าผมจะขอบีน่าคบแบบจริงจัง” “แม่จะไม่โอเคเรื่องอะไรล่ะลูก ถามตัวเฟลิกซ์เถอะว่ารักเขาไหม ถามตัวเองให้แน่ใจว่าพร้อมจะดูแลความรู้สึกของหนูบีน่าเขาหรือเปล่า”ริชาเอ่ยออกไปพร้อมกับมองหน้าลูกชายคนโตที่เธอเชื่อเหลือเกินว่าถ้าลูกชายของเธอนั้นรักใครแล้ว เขาก็คงรักได้หมดหัวใจและพร้อมจะดูแลคนที่ตัวเองรักอย่างดี “รักครับ ผมรักบีน่า...และผมก็แน่ใจมาก ๆ ว่าความรู้สึกที่ผมมีให้เธอมันคือความรักจริง ๆ ผมอยากดูแลเธอ” ชายหนุ่มวัย 28 ปีเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหนักแน่นเช่นเดียวกับแววตาของเขาเมื่อคิดไปถึงความรู้สึกที่เขามีให้บีน่าเพื่อนสาวคนสนิทที่เขารู้สึกพิเศษมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย... “แล้วหนูตะวันล่ะ ถามเขาหรือยังว่าเขารู้สึกแบบเดียวกันกับลูกหรือเปล่า เรื่องของความรักเราจะตัดสินใจจากความรู้สึกของเราฝ่ายเดียวไม่ได้นะลูก” “ต้องถามความรู้สึกของหนูบีน่าด้วยว่าเขารู้สึกแบบเดียวกับเราหรือเปล่า”เฟลิกซ์มองหน้าผู้เป็นแม่ที่มักจะเป็นที่ปรึกษาที่ดีที่สุดให้กับเขาไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม “ผมจะถามเธอคืนนี้ครับ และผมเชื่อว่าเธอน่าจะรู้สึกแบบเดียวกับผม”เฟลิกซ์เอ่ยออกไปด้วยความมั่นใจว่าบีน่าอาจจะรู้สึกแบบเดียวกับเขา เพราะที่ผ่านมาเวลาที่เขาและเธออยู่ใกล้ชิดกันมันมีความรู้สึกบางอย่างที่บอกเขาว่าเธอเองก็รู้สึกแบบเดียวกันกับเขา... “แม่เอาใจช่วยนะ ขอให้ลูกสมหวังกับความรักที่ลูกรอคอยนะลูกรัก” “และแม่ก็เชื่อว่าเฟลิกซ์จะรักแล้วก็ดูแลหนูบีน่าได้เป็นอย่างดี”ริชาเอ่ยพร้อมกับเลื่อนมือไปลูบแก้มของลูกชายแผ่วเบาด้วยสัมผัสที่อ่อนโยน เฟลิกซ์ส่งยิ้มให้ผู้เป็นแม่อย่างรู้สึกมีกำลังใจ “ในที่สุดเบลก็จะได้มีพี่สะใภ้กับเขาแล้วสินะ”เมเบลเอ่ยแซวจากทางด้านหลังพร้อมกับวิ่งมาคล้องแขนพี่ชายคนโตเอาไว้แล้วซบหน้าลงพลางถูไถใบหน้าไปมาที่แขนของพี่ชายคล้ายกับต้องการจะอ้อน เฟลิกซ์หันไปมองน้องสาวก่อนจะดันหน้าเมเบลให้ออกไปให้ห่างเพราะดูเหมือนว่าเครื่องสำอางที่เธอแต่งแต้มจะเลอะแขนเสื้อเขา “ออกไปห่าง ๆ พี่เลยเบล เสื้อพี่จะเลอะเครื่องสำอางบนหน้าเธอนะ” “โห้ยยย มันไม่เลอะหรอกหน่า เครื่องสำอางเบลแพงจะตายแค่นี้มันไม่เลอะเสื้อพี่หรอก!” “ผมว่าจริง ๆ แล้วแม่ควรจะให้พี่เบลเกิดเป็นน้องคนสุดท้องนะ ไม่น่าให้เกิดแซงผมขึ้นมาได้เลย”ในขณะที่เมเบลกำลังตั้งท่าจะเอาเรื่องเอาราวพี่ชายคนโตอย่างเฟลิกซ์ที่มาหาว่าเครื่องสำอางค์ของเธอกำลังจะหลุดจากหน้าไปเลอะเสื้อของเขา เสียงของน้องชายคนเล็กก็เอ่ยขึ้นพร้อมกับร่างสูงโปร่งที่เดินมาหยุดอยู่ข้างกายพี่สาวและพี่ชาย “พูดแบบนี้หมายความว่าไงโนอาร์ แกจะบอกว่าพี่ควรเกิดเป็นน้องชายแกเหรอไง” “ก็ใช่อ่ะดิ ก็พี่เล่นทำตัวเหมือนเด็กไม่เลิกสักที ไม่อายพี่เฟลิกซ์ก็อายผมหน่อย...”น้องชายคนเล็กที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาไม่ต่างอะไรกับพี่ชายแต่ทว่าใบหน้าของเขานั้นจะออกไปทางที่คมเข้มมากกว่า ซึ่งใบหน้าของโนอาร์จะคล้ายกับคุณปู่ของเขาอย่างฮันเตอร์สมัยหนุ่ม ๆ มากกว่าพ่อและแม่ “นี่ให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะ ฉันก็ทำตัวเป็นเด็กแค่ตอนอยู่ที่บ้านนี่แหละ จะให้ไปทำตัวแบบนี้ตอนอยู่ข้างนอกก็คงไม่ใช่เรื่องป่ะ” “ทีเรายังทำตัวเป็นหมีจำศีล ทำหน้าเบื่อโลก อมน้ำลายจนน้ำลายบูดอยู่ในปากพี่ยังไม่ว่าอะไรเลย” “นี่ขนาดไม่ว่านะพี่เบล”โนอาร์ยิ้มขำออกมาน้อย ๆ ให้กับความปากจัดปากไวของพี่สาวคนกลางที่ไม่เคยยอมแพ้กับอะไรง่าย ๆ โดยเฉพาะการตีฝีปากใส่เขากับพี่ชายอย่างเฟลิกซ์ “โนอาร์ก็เลิกแกล้งพี่เขาได้แล้ว นาน ๆ จะมารวมตัวกันทีอย่าทำให้แม่ประสาทเสียนะลูกนะ”ริชาเอ่ยปรามเพราะเธอเริ่มรู้สึกเวียนหัวกับการรวมตัวของลูก ๆ นี่ขนาดลูกชายลูกสาวของเธอนั้นโตเป็นหนุ่มเป็นสาวเป็นนักธุรกิจกันหมดแล้ว แต่พอรวมตัวกันทีไรเหมือนมันย้อนกลับไปยังช่วงเวลาที่พวกเขายังเป็นเด็กกันอยู่เลย “ก็ได้ค่ะเบลยอมเพราะแม่เลยนะ...ว่าแต่เรารู้ยังว่าวันนี้พี่เฟลิกซ์จะพาสาวมาเปิดตัวที่บ้านเราล่ะนะ ว่าที่สะใภ้ใหญ่ของเรา”เมเบลเอ่ยออกไปด้วยสีหน้าอารมณ์ดีพร้อมกับชำเรืองมองไปที่เฟลิกซ์ที่ยืนหน้านิ่งไม่แสดงความรู้สึกหรืออาการใด ๆ ออกมา “รู้แล้ว ผมกับพี่เฟลิกซ์คุยกันตลอด...มีแต่พี่อ่ะที่ตกข่าว”โนอาร์เอ่ยออกไปพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปาก เมเบลที่ได้ยินแบบนั้นก็กรอกตามองบนให้กับความยียวนกวนประสาทของน้องชาย “ฉันไม่ได้ตกข่าวย่ะ! แค่รู้ทีหลัง” “ไปหาอาฮันน่ากันเถอะค่ะแม่ อยู่กับพวกนี้อ่ะปวดหัว!”เมเบลพูดพร้อมกับเดินไปคล้องแขนผู้เป็นแม่พร้อมกับรั้งให้เดินไปหาคุณอาคนสวยของเธอที่ยืนดูแลความเรียบร้อยของงานอีกด้าน “ก็ชอบไปแหย่ให้เบลมันหัวร้อนอยู่เรื่อย”เฟลิกซ์พูดพร้อมกับหันไปมองหน้าน้องชายคนเล็กอย่างโนอาร์ที่ดูจะสนุกกับการแกล้งพี่สาวคนกลางมากที่สุด “ก็พี่เบลมันน่าแกล้งอ่ะ ดูดิแหย่นิดแหย่หน้าทำหน้าบูดหน้าบึ้ง” “ก็จริง...”เฟลิกซ์เอ่ยออกไปอย่างเห็นด้วยก่อนที่เขาจะเลื่อนมือขึ้นมาล้วงกระเป๋าพร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบ ๆ งานก่อนที่สายตาของเขาจะไปสะดุดเข้าไปรถคันหรูของงพื่อนสนิทที่กำลังวิ่งแล่นเข้ามาภายในอณาเขตคฤหาสน์หลังใหญ่... “เจ้าของหัวใจของคุณชายเฟลิกซ์มาแล้ว คุณชายโนอาร์คงต้องขอตัวก่อน...”โนอาร์เอ่ยแซวเพียงสั้น ๆ ก่อนที่จะแยกตัวออกไปอีกทางทันทีเพื่อเปิดโอกาสให้พี่ชายคนโตได้ใช้เวลากับคนที่อยากจะใช้ เฟลิกซ์หลุดขำออกมาน้อย ๆ แต่ทว่าสายตาของเขาก็ยังคงจับจ้องไปที่รถคันหรูของเพื่อนสนิทอย่างขุนพลที่รับหน้าที่พลขับแทนเขาไปรับบีน่าที่คอนโดของเธอ ชายหนุ่มยืนรออยู่ที่เดิมด้วยหัวใจที่เริ่มเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ และมันยิ่งเต้นแรงเมื่อดวงตาของเขาเห็นร่างอรชรที่เขาเฝ้ารอ บีน่า หญิงสาวที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและผู้หญิงที่กุมหัวใจของเขาก้าวเท้าเดินลงมาจากรถคันหรูของขุนพล ก่อนที่เธอจะเดินมาพร้อมกับเพื่อน ๆ แล้วมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา สิ่งที่เขาไม่อาจจะปฏิเสธหรือโกหกได้เลยก็คือเธอสวยมาก สวยเกินกว่าที่เขาคิดภาพเอาไว้ซะอีก “มึงมองบีน่าตาไม่กระพริบเลยนะ”ขุนพลที่เห็นเพื่อนรักมองหญิงสาวตาไม่กระพริบเขาก็อดที่จะแซวไม่ได้ และแน่นอนว่าเพื่อนชายอีกสองคนก็ไม่พลาดที่จะช่วยกันผสมโรงให้กับความรักของเพื่อนชายและเพื่อนสาวที่พวกเขาพากันดูออกว่าทั้งบีน่าและเฟลิกซ์ต่างก็มีความรู้สึกดี ๆ ให้กัน แต่ไม่รู้ว่าติดที่อะไรสองคนถึงไม่ยอมสารภาพรักกันสักที จะว่าด้วยฐานะที่ต่างกันก็คงไม่ใช่เพราะครอบครัวของเฟลิกซ์ไม่เคยตั้งแง่ในเรื่องนี้ ยิ่งได้ริชามาเป็นนายหญิงประจำตระกูลยิ่งตัดเรื่องพวกนี้ไปได้เลย เพราะก่อนที่ริชาจะได้มาเป็นนายหญิงของตระกูลนี้เธอก็ผ่านเรื่องราวมาตั้งมากมายพร้อม ๆ กับเฮลกว่าจะได้รักกันมันช่างหนักหนา เพราะฉะนั้นเธอเลยตั้งใจว่าถ้าลูกชายและลูกสาวของเธอจะรักใครเธอจะไม่เอาเรื่องฐานะของครอบครัวมาตัดสินความรักของลูก ๆ เด็ดขาด “มองกันขนาดนี้มึงไม่ตกลงคบกันให้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลยวะ ?” “รักกันก็บอกว่ารักกัน พวกกูไม่แซวหรอกน่า” “พูดอะไรของพวกนาย เลอะเทอะไปใหญ่แล้วนะ!”บีน่าที่แก้เขินด้วยการฟาดมือไปตีที่หลังของคอปเปอร์และดีน แต่ทว่าเพื่อน ๆ กลับยิ่งรู้สึกชอบใจที่เห็นบีน่ามีอาการเคอะเขินแบบนี้ “เลอะเทอะตรงไหน เธอกับไอ้เฟลิกซ์ต่างหากที่ปากแข็งกันทั้งคู่” “หยุดพูดเลยนะขุนพล! ถ้ายังไม่หยุดแซวแบบนี้ฉันจะไม่คุยด้วยแล้วนะ”บีน่าที่รู้สึกเขินจนเริ่มทำตัวไม่ถูกเธอรีบห้ามขุนพลให้หยุดพูดหยุดแซวแต่ดูเหมือนยิ่งห้ามก็ยิ่งเหมือนเธอไปยุเขา “ยิ่งเธอมีอาการแบบนี้พวกมันไม่หยุดหรอก...”เฟลิกซ์เอื้อมมือไปรั้งแขนของบีน่าให้มายืนอยู่ข้างกายเขาพร้อมกับกระซิบที่ข้างใบหูของเธอ บีน่านิ่งอึ้งไปเล็กน้อยใบหน้าสวยเริ่มเห่อร้อนไปด้วยความเขินอายที่ชายหนุ่มพูดกระซิบใกล้ใบหูของเธอขนาดนี้... “ก็พวกนี้มันชอบแซวเล่นอะไรไม่รู้เรื่องอ่ะ มันชอบพูดเล่นอะไรแบบนี้อยู่เรื่อยเลย” “ก็ปล่อยให้พวกมันพูดไป มันไม่ได้มีอะไรเสียหายอยู่แล้ว” “ไม่เสียหายตรงไหน ถ้าใครมาได้ยินเข้าก็จะเข้าใจผิดคิดว่าเราเป็นอะไรกันนะเฟลิกซ์” “ก็ดีสิ เพราะฉันก็อยากให้คนคิดแบบนั้นอยู่แล้ว” ร่างสูงเอ่ยขึ้นนิ่ง ๆ ก่อนที่เขาจะเลื่อนสายตาไปมองใบหน้าสวยที่ยืนอยู่ข้างกายเขา บีน่านิ่งอึ้งนัยน์ตาคู่สวยแอบขยายกว้างด้วยความคาดไม่ถึงว่าเขาจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา... “นายก็อีกคนอยู่กับพวกนั้นเลยไป”หญิงสาวพูดแก้เขินด้วยการไล่ชายหนุ่มไปกองรวมกับกลุ่มเพื่อน เฟลิกซ์ที่เห็นอาการของบีน่าเขาก็เอายิ้มออกมาไม่ได้... “ไปสวัสดีแม่ฉันกัน...” ชายหนุ่มเอ่ยออกไปพร้อมกับจับมือหญิงสาวให้เดินตามเขาไปหยุดอยู่ที่ด้านหลังของผู้เป็นแม่ที่กำลังยืนคุยกับคุณอาฮันน่าของพวกเขา “แม่ครับ ผมพาเพื่อนมาสวัสดี” ริชาที่กำลังยืนคุยอยู่กับฮันน่าในตอนแรกชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหันมามองตามเสียงของลูกชาย “สวัสดีค่ะ/สวัสดีครับ” ทั้งบีน่าและเพื่อนผู้ชายอีกสามคนต่างยกมือไหว้ริชาและฮันน่าด้วยท่าทีนอบน้อมเหมือนทุกครั้งที่ได้เจอกัน “สวัสดีค่ะลูก ๆ นี่ทานอะไรกันมาหรือยัง” “พวกผมทานอะไรกันมาบ้างแล้วครับแม่”ดีนเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มออกมาตามมารยาท “ถ้าเดาไม่ผิดนี่น่าจะเป็นหนูบีน่าใช่ไหมคะ”ฮันน่าเอ่ยแซวพร้อมกับพินิจใบหน้าของหญิงสาวที่หลานชายหลงรักเต็มหัวใจ และเธอก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเฟลิกซ์ถึงหลงรักเด็กสาวคนนี้เพราะบีน่ามีความสวยหวานที่คล้ายกับแม่ของเขาอย่างริชามากจริง ๆ “ชะ ใช่ค่ะ สวัสดีค่ะ”บีน่าเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อยเพราะเธออยู่ในอาการประหม่า และเธอก็คิดไม่ถึงว่าเธอจะได้มาเจอฮันน่าในวันนี้ด้วยเพราะเธอแอบรู้มาว่าฮันน่ามีบินไปรัซเซียกับสามี “อาอยากเจอหนูมานานมากแล้ว...เห็นริชาพูดให้ฟังบ่อย ๆ ว่าหนูบีน่าน่ารัก” “วันนี้ได้เจอก็ไม่แปลกใจแล้ว เพราะหนูน่ารักมากจริง ๆ” “ดีใจที่ได้เจอกันนะคะ...”ฮันน่าเอ่ยออกไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน ความใจดีนั้นแผ่ซ่านออกมาจากตัวของผู้ใหญ่ทั้งสองจนทำให้บีน่าคลายความประหม่าลงไปได้เล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็มีความรู้สึกบางอย่างที่มันอัดอั้นอยู่ภายในใจแต่พูดออกไปไม่ได้ “ขอบคุณนะคะ...”บีน่าเอ่ยออกไปด้วยรอยยิ้มรับรู้ได้ถึงความโอบอ้อมอารีย์จากผู้ใหญ่ทั้งสองที่ดูจะต้อนรับเธอเป็นอย่างดี ไม่เหมือนที่แม่ของเธอนั้นเคยพูดเอาไว้... “เดี๋ยวเฟลิกซ์พาเพื่อน ๆ ไปนั่งเล่นที่ห้องรับแขกก่อนนะลูกนะ แล้วใกล้ ๆ ถึงเวลางานก็พาเพื่อน ๆ ออกมา...” “ครับแม่...”ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับพยักหน้ารับคำเล็กน้อยก่อนจะพาเพื่อน ๆ ไปนั่งเล่นที่ห้องรับแขกภายในคฤหาสน์ทันที “คนนี้ผ่านนะ ดูเรียบร้อย อ่อนหวาน เหมือนเธอดี...”ฮันน่าเอ่ยแซวเพื่อนรักอย่างอารมณ์ดีที่ดูเหมือนว่าเพื่อนสนิทของเธอคนนี้จะได้ลูกสะใภ้คนแรกแล้ว “แน่นอน ว่าที่ลูกสะใภ้ก็ต้องน่ารักเหมือนฉันอยู่แล้วค่ะเพื่อนรัก” “แหมมม....ปฏิเสธบ้างก็ได้ค่ะสาว”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม