กว่าที่เจ้าขาจะเดินทางมาถึงคฤหาสน์ตระกูล RIZZO ก็ใช้เวลานานพอสมควรเพราะระหว่างทางที่ไปรับพ่อและพี่สาวของเธอนั้นรถค่อนข้างติด และจากระยะทางบริษัทฯ มาสถานที่จัดงานก็ใช้เวลาเกือบ 40 นาที สรุปก็คือพวกเธอมาถึงงานตอนตะวันตกดินพอดีเลย
“พี่เชอรีน พี่ไคอา สวัสดีค่ะ” ริชาที่หันไปเห็นเชอรีนกับไคอาที่เดินเข้ามาภายในงานก็รีบเดินเข้าไปต้อนรับทันที เชอรีนระบายยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะหยิบถุงของขวัญที่ลูกสาวคนเล็กอย่างเจ้าขาเป็นคนอาสาถือมาให้
“คิดถึงจังเลยยย ไม่ได้เจอกันตั้งนานแหนะ”เชอรีนพูดจบก็ขยับตัวเข้าไปสวมกอดริชาเอาแน่นด้วยความคิดถึง เจ้าขามองภาพตรงหน้าก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความหวังว่าตัวเองมีแต้มต่อ เพราะเข้าทางแม่ของเฟลิกซ์น่าจะดูเข้าท่าที่สุด
“คุณริชาสบายดีนะครับ”
“สบายดีค่ะพี่ไคอา แล้วขอร้องเลิกเรียกริชาว่าคุณได้แล้ว ทีกับพี่เฮลพี่ไคอายังเรียกพี่เฮลว่าเฮลเฉย ๆ ได้แล้วเลย”ริชาบ่นอุบก่อนจะหรี่ตามองไคอาคล้ายกับต้องการจะคาดโทษที่เขาเอาแต่เรียกเธอว่าคุณแบบนี้มาตลอดหลายปี
“ขอโทษครับ พอดีพี่ลืมน่ะมันเคยชินแต่เรียกแบบนี้”ไคอาเอ่ยออกไปด้วยรอยยิ้มสุขุมเช่นเดิม เขายังคงเคยชินกับการเรียกทุกคนในตระกูลนี้ว่าคุณเหมือนตอนที่เขายังเป็นบอดีการ์ดส่วนตัวให้กับเฮลก่อนที่เขาจะแต่งงานกับเชอรีน
“ลืมบ่อย ๆ ไม่ได้นะคะ ไม่งั้นริชาจะให้พี่เฮลจัดการ”
“น้อย ๆ หน่อยค่ะน้องรักนี่สามีพี่ ละเว้นบ้าง”เชอรีนเอ่ยแซวก่อนจะยิ้มขำออกมา
“ว่าแต่สาวสวยสองคนนี้ใช่หนูชิลินกับหนูเจ้าขารึเปล่าคะเนี้ย สวยจนอาจำกันไม่ได้เลย”ริชาเอ่ยออกไปด้วยความเอ็นดูเด็กสาวทั้งสองที่ยืนอมยิ้มกันอยู่เงียบ ๆ
“ดีใจจังเลยค่ะที่คุณอาจำเจ้าขากับพี่ชิลินได้”เจ้าขาที่รอโอกาสพูดอยู่นานพอได้จังหวะก็รีบพูดอ้อนใส่ว่าที่คุณแม่สามีในอนาคตทันที ถึงแม้จะไม่รู้ว่าอนาคตจะได้แต่งเข้าบ้านนี้หรือเปล่าแต่ทำคะแนนเอาไว้ตั้งแต่ตอนนี้ก็ไม่เสียหายอะไร
“จำได้สิลูก อาจะจำไม่ได้ได้ยังไงกันคะ...จะจำไม่ได้ก็ตรงที่พวกหนูสวยขึ้นกันมาก ๆ เนี้ยแหละ”ริชาเอ่ยออกไปด้วยความเอ็นดูก่อนจะเอื้อมมือไปจับแขนของเจ้าขาและชิลินเบา ๆ เจ้าขาที่ได้รับสัมผัสและรอยยิ้มที่เป็นมิตรจากผู้หญิงตรงหน้า เธอก็รู้สึกฮึกเหิมมีกำลังใจขึ้นทันทีเพราะเข้าทางแม่นี่แหละเหมาะสมที่สุดแล้ว....หญิงสาวแอบคิดอยู่ภายในใจก่อนจะอดยิ้มออกมาไม่ได้เพราะวาดฝันภาพเอาไว้เต็มที่เลย
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะคุณอา”คราวนี้เป็นพี่สาวคนโตอย่างชิลินที่พูดขึ้นด้วยนอบน้อม โดยนิสัยของชิลินแล้วเธอเป็นคนขี้เขินและเป็นคนพูดน้อยมาก ๆ ฉายาในวงการธุรกิจมักจะเรียกเธอกันว่าเจ้าหญิงน้ำแข็งเพราะเธอค่อนข้างเย็นชา และเป็นคนพูดน้อยเอามาก ๆ นิสัยจะต่างกับเจ้าขาแบบสุดขั่ว
“ไม่ขนาดนั้นอะไรกัน พวกหนูสวยกันมากจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยที่พี่ไคอาจะหวงลูกสาวกันขนาดนี้”
“เธอก็ชมเกินไป ลูกพี่มันจะยืนไม่ติดพื้นแล้วโดยเฉพาะยัยเจ้าขา”
“โธ่ แม่คะ หนูก็เขินเป็นเหมือนกันนะ”เจ้าขาแสร้งพูดขึ้นด้วยความเขินอายทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงเธอไม่ได้รู้สึกเขินอายอะไรนักหรอก เธอออกจะชอบด้วยซ้ำเวลาที่มีคนมาชมเธอว่าสวยแต่ก็นะเวลาอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่เธอก็จะต้องวางตัวเองไว้อีกแบบหนึ่ง เรียกได้ว่าเธอพอจะรู้งานว่าเวลาอยู่กับใครเธอจะต้องเป็นแบบไหน
เชอรีนมองรู้สาวตัวเองอย่างรู้จักนิสัยใจคอ เธอส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยให้กับความเจ้าเล่ห์ของลูกสาวที่ขยันทำหน้าทำตาใสซื่อไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรทั้ง ๆ ที่ลูกสาวคนเล็กของเธอคนนี้แสบเสียยิ่งกว่าลิง
“ว่าแต่คุณลุงอยู่ไหนอ่ะริชาพี่อยากไปสวัสดี…ไม่ได้เจอท่านนานเลย”
“คุณพ่อยังอยู่ที่ห้องด้านบนค่ะ ท่านว่าจะลงมาที่งานตอนทุ่มหนึ่ง…เมื่อช่วงบ่ายก็ถามหาพวกพี่อยู่ว่ามาถึงกันหรือยัง งั้นเดี๋ยวริชาพาพวกพี่ขึ้นไปหาคุณพ่อเลยนะคะ”
“ดีเลย...เดี๋ยวเราสองคนตามแม่มานะ”เชอรีนหันไปบอกลูกสาวทั้งสองที่ยังคงยืนสงบเสงี่ยมด้วยความเรียบร้อย เจ้าขาและชิลินพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามผู้ใหญ่ไปอย่างว่านอนสอนง่าย...
ในขณะที่อีกด้านร่างสูงที่ยืนคุยกับกลุ่มเพื่อนของตัวเอง สายตาของเขาเหลือบไปเห็นร่างบางที่เพิ่งเดินตีคู่ไปกับแม่ของเขา นัยน์ตาคู่คมสบมองอย่างพินิจเพราะรู้สึกคุ้นหน้าก่อนจะคิดขึ้นได้ว่านั้นคือ เจ้าขา หญิงสาวก๋ากั่นที่สร้างวีรกรรมกับเขาเอาไว้เมื่อ 2 ปีก่อน ก่อนที่เธอจะบินไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส
“กลับมาแล้วงั้นเหรอ”เสียงทุ้มเอ่ยออกไปด้วยความแปลกใจพร้อมกับมองไปที่เจ้าขาอย่างลืมตัว ความสวยของเจ้าขาเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาทุกคนรวมถึงตัวเขาที่ไม่เคยปฏิเสธได้เลยว่าเธอคือผู้หญิงที่สวยมากจริง ๆ บีน่าที่ได้ยินแวว ๆ ว่าชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมาแบบนั้นเธอหันไปถามเขาด้วยความสงสัยก่อนจะเอ่ย
“ใครกลับมาเหรอเฟลิกซ์”
“ลูกเพื่อนแม่น่ะ ไม่คิดว่าจะกลับมาเร็วขนาดนี้”
“ผู้หญิงสองคนนั้นน่ะเหรอ”หญิงสาวมองตามสายตาชายหนุ่มก่อนจะเอ่ยออกไปอย่างรู้สึกแปลกใจ เพราะเธอไม่ค่อยเห็นเฟลิกซ์จะสนใจมองผู้หญิงคนไหนแบบนี้ และอีกอย่างเธอไม่คุ้นหน้าผู้หญิงสองคนนี้เลยด้วย
“นั่นมันชิลินกับเจ้าขาใช่ไหมวะ”เป็นคอปเปอร์ที่เอ่ยขึ้นนิ่ง ๆ ก่อนที่สายตาของชายหนุ่มทั้ง 4 คนจะหันไปมอง 2 สาวที่เดินหายเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่พร้อมผู้ใหญ่แล้ว
“อืม....”เฟลิกซ์ตอบเสียงเรียบพอ ๆ กับสีหน้าที่เรียบเฉยของเขา
“ฮึ น้องเจ้าขากลับมาจากฝรั่งเศสแบบนี้ กูว่าชีวิตมึงน่าจะสนุกขึ้นเป็นอีกเท่าตัวเลยว่ะ”ดีนเอ่ยพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปากน้อย ๆ แล้วเลื่อนสายตาไปมองเพื่อนรักที่ยืนหน้าบอกบุญไม่รับ
“สนุกก็เหี้ยล่ะ”
“เอาหน่า...ตอนนั้นน้องยังเด็กแล้วก็เมา ทำไปไม่รู้ตัวหรอก”ขุนพลเอ่ยพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปากให้เพื่อนรัก และที่พวกเขาพูดเหมือนรู้เรื่องระหว่างเฟลิกซ์กับเจ้าขาเมื่อสองปีก่อนมันเป็นเพราะพวกเขารู้จริง ๆ เพราะอยู่ในเหตุการณ์วันนั้น ยกเว้นก็แต่บีน่าที่ไม่รู้เรื่องอะไร
“พวกมึงหยุดพูดถึงผู้หญิงคนนั้นเลย กูไม่อยากหงุดหงิด”แค่เขาย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคลับวันนั้นเขาก็รู้สึกหัวร้อนขึ้นมาทันทีเพราะตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยรู้สึกต้องเสียท่าหรือต้องมารับมือกับผู้หญิงอย่างเจ้าขามาก่อน
“ไม่ทันแล้วมั้ง ดูเหมือนว่ามึงจะหงุดหงิดน้องเขาไปแล้ว”
“ทำไมวะ แค่เห็นว่าน้องเขากลับมาเส้นเลือดในสมองของมึงมันกระตุกเลยงั้นดิ”คอปเปอร์ที่ยืนเงียบเอ่ยผสมโรงจนเฟลิกซ์เริ่มหงุดหงิดแบบจริงจังจนบีน่าต้องเอื้อมมือไปแตะที่แขนของชายหนุ่มเอาไว้อย่างต้องการปรามให้เขาใจเย็นลงหน่อย และเธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเฟลิกซ์ถึงต้องดูหงุดหงิดเพราะผู้หญิงที่ชื่อเจ้าขาอะไรนั่นนักหนา
“ไม่เห็นต้อหงุดหงิดขนาดนั้นเลย เฟลิกซ์ไปมีเรื่องอะไรกับน้องเขางั้นเหรอ”บีน่าเอ่ยถามออกไปด้วยความอยากรู้ ตอนแรกเธอตั้งใจจะเก็บซ่อนความสงสัยเอาไว้แล้วค่อยถามชายหนุ่มทีหลัง แต่ยิ่งเห็นอาการของเขาเธอก็อดไม่ไหวจนต้องถามออกไป
“มันไม่ตอบเธอหรอก เดี๋ยวพวกฉันเล่าให้ฟังเอง”
“มึงหยุดเลยไอ้ดีน”ชายหนุ่มเอ่ยห้ามแต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผลเมื่อบีน่าดื้อดึงอยากรู้จนเอียงหูให้ดีนกระซิบบอก และบีน่าก็ได้รับรู้สาเหตุที่ดูเหมือนเฟลิกซ์จะไม่ค่อยชอบใจที่เห็นเจ้าขาในงานนี้
“ไม่เห็นเล่าให้ฟังเลยว่าถูกสาวสวยปล้นจูบ” บีน่าเอ่ยแซวออกด้วยรอยยิ้ม เธอเอ่ยแซวออกไปเหมือนไม่ได้คิดอะไรแต่อันที่จริงมันไม่ใช่เลย เธอรู้สึกเจ็บจี้ดในใจที่ได้รับรู้ว่ามีผู้หญิงที่ใกล้ตัวเฟลิกซ์หมายปองเขาแบบนี้ มันไม่ใช่ว่าไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเข้าหาเฟลิกซ์ ผู้ชายแบบเฟลิกซ์มีผู้หญิงเข้าหามากมายแต่ไม่มีสักคนเลยที่ได้เข้าใกล้เขานอกจากเธอ
เฟลิกซ์ไม่ใช่ผู้ชายที่ควงผู้หญิงไปเรื่อย หรือจะปล่อยตัวให้ผู้หญิงคนไหนได้เข้าใกล้ง่าย ๆ เขาค่อยข้างระวังตัวมากด้วยซ้ำ แต่จู่ ๆ เธอก็เพิ่งได้มารับรู้ว่ามีผู้หญิงที่ใกล้ชิดกับครอบครัวของเขามาขโมยจูบเขาไปแบบนี้ มันทำให้เธอแอบรู้สึกหงุดหงิดอยู่ภายในใจไม่น้อยเลยจริง ๆ
“มันเป็นเรื่องที่ฉันไม่อยากจะพูดถึงเลยด้วยซ้ำไป”
“เธอก็แค่ฟัง แล้วไม่ต้องสนใจหรือไปคิดอะไรต่อล่ะ”เฟลิกซ์เอ่ยออกไปพร้อมกับเลื่อนสายตาไปมองหญิงสาวที่เป็นเจ้าของหัวใจเขา ที่เขาไม่ได้เล่าให้บีน่าฟังเป็นเพราะเขารู้สึกว่าเรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องเล่า และเขาก็ไม่อยากไปคิดถึงมันอยากจะลืมมันไปเลยด้วยซ้ำ
จำได้ว่าในวันนั้นเขาไปสังสรรค์กับเพื่อนที่คลับหรูใจกลางเมือง แล้วในวันเดียวกันเจ้าขากับกลุ่มเพื่อนก็ไปสังสรรค์ที่คลับแห่งนั้นด้วย เดิมทีเขาก็รู้จักกับเจ้าขาประมาณหนึ่งรู้ว่าเจ้าขาเป็นลูกสาวคนเล็กของเพื่อนสนิทพ่อที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูล และเขาเองก็พูดคุยกับเจ้าขาได้ปกติเวลาเจอกัน
แต่วันนั้นเจ้าขากับนึกสนุกพนันบางอย่างกับกลุ่มเพื่อนของเธอเอาไว้ และเขาก็คือเป้าหมายกลายเป็นเขาที่กลายเป็นตัวตลกที่จู่ ๆ เจ้าขาก็มาขึ้นคร่อมตักพร้อมกับรั้งใบหน้าเข้าไปจูบ ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นเขายังจำได้ดี ถึงแม้จะรู้ว่าเธอนั้นเมาแต่เขาก็ยังอดโมโหไม่ได้ที่เธอกล้ามาทำเรื่องแบบนั้นกับเขา
“แล้วไม่ไหวหวั่นเหรอที่มีสาวสวยมาจูบแบบนั้น”
“ฉันไม่มีทางรู้สึกอะไรกับผู้หญิงแบบนั้นแน่นอน”เฟลิกซ์เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพร้อมกับมองตาบีน่าอย่างต้องการให้เธอรับรู้ได้ถึงความหนักแน่นในใจเขา บีน่าอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับรู้แล้วความรู้สึกที่ขุ่นมัวในใจก็ค่อย ๆ หายไปในทันที
ในขณะที่เจ้าขากับชิลินหลังจากที่ได้ขึ้นไปสวัสดีอดีตผู้นำตระกูลอย่างคุณปู่ฮันเตอร์ พวกเธอนั่งอยู่ในห้องนั้นกันอยู่นานพอสมควรก่อนจะถูกผู้เป็นแม่อย่างเชอรีนบอกให้ลงมาอยู่ที่งานด้านล่างแทน ซึ่งเจ้าขาเองก็รอเวลานี้มานานเช่นกันเพราะก่อนที่เธอจะขึ้นมาพบคุณปู่ฮันเตอร์ หางตาเธอแอบเห็นผู้ชายที่เธอหมายปองยืนอยู่กับกลุ่มเพื่อนข้างล่าง
“เจ้าขาจะรีบเดินไปไหนเนี้ย”ชิลินเอ่ยถามเพราะเธอแทบก้าวเท้าตามน้องสาวคนเล็กไม่ทัน ไม่รู้ว่าเจ้าขาจะรีบร้อนไปไหนนัก...
“รีบไปหาพี่เฟลิกซ์ไงพี่ชิลิน ก่อนขึ้นไปหาคุณปู่เจ้าขาเห็นพี่เขายืนอยู่กับกลุ่มเพื่อน ๆ”
“นี่ไม่ทำแบบนี้สิ วิ่งไล่หาพี่เขาแบบนี้ ถ้าคนอื่นรู้เขาเราจะถูกมองไม่ดีนะ”
“พี่ชิลินนี่มันยุคไหนแล้วคะ มันหมดยุคที่ให้ผู้หญิงยืนรอเฉย ๆ แล้วให้ผู้ชายเข้ามาหาแล้วค่ะ”
“สมัยนี้น่ะผู้หญิงเราอยากได้อะไรก็เดินหน้าใส่เต็มไปเลย ขืนชักชาเจ้าขาอดได้กินพี่เฟลิกซ์พอดี”เจ้าขาพูดออกไปตามสไตล์สาวมั่นที่พกความมั่นใจมาเกินร้อยเพราะตั้งแต่เกินมาเธอไม่เคยพลาดในสิ่งที่เธอต้องการ ไม่ว่าเธอต้องการอะไรเธอก็จะได้สิ่งนั้นมาเสมอ
“นี่! พูดให้มันดี ๆ เจ้าขา เราเป็นผู้หญิงนะให้มันเบา ๆ หน่อยได้ไหม”ชิลินแทบลมจับเมื่อได้ยินน้องสาวคนเล็กพูดออกมาแต่ล่ะอย่าง ถึงแม้จะรู้ดีว่าน้องสาวของเธอเป็นผู้หญิงหัวสมัยใหม่ เป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงกล้าได้กล้าเสียกับทุกอย่าง ส่วนเรื่องเอาแต่ใจนั้นคือที่หนึ่งของบ้านแม้แต่แม่ที่ว่าดุ ๆ ยังเอาเจ้าขาไม่ลงเลย
“ไม่ได้ค่ะ พี่ชิลินอ่ะต้องชินกับเจ้าขาได้แล้ว แล้วก็ช่วยเป็นแม่สื่อให้เจ้าขากับพี่เฟลิกซ์ด้วย”
“ขายความดีความน่ารักของน้องให้พี่เฟลิกซ์รับรู้ให้หน่อยว่าเจ้าขาน่ะ น่ารักน่าชังขนาดไหน”เจ้าขาพูดพร้อมกับยิ้มหวานให้พี่สาว คนเป็นพี่อย่างชิลินถึงกับต้องกุมขมับ
“เดี๋ยว ๆ นี่คือจริงจังแล้วใช่ไหม ไม่ใช่แค่รู้สึกเล่น ๆ นึกสนุกอยากจีบพี่เขานะ”
“คนนี้เจ้าขาหลงรักตั้งแต่แรกเห็นแล้วก็ตั้งเป้าไว้แล้วว่าคนนี้แหละพ่อของลูก”เจ้าขาพูดออกไปด้วยความหมาดมั่น คนเป็นพี่ก็ได้แต่ยืนอึ้งพูดไรไม่ออก
“พี่อยากจะรู้จริง ๆ ตอนแม่คลอดเราออกมานี่ หมอเขาแอบหยอดยาความมั่นให้เราหรือเปล่า มั่นอกมั่นใจอะไรขนาดนี้เนี้ย”
“แรงอ่า แต่ไม่เป็นไร เจ้าขาให้อภัยเพราะเจ้าขาน่ารัก”เจ้าขาพูดออกไปด้วยความอารมณ์ดี นาทีนี้คนที่ดูเหมือนจะมีความสุขที่สุดก็คงไม่พ้นคุณหนูเจ้าขาที่พกความมั่นอกมั่นใจมาเต็มร้อยไม่ได้เผื่อใจเอาไว้สำหรับการถูกชายหนุ่มดับความมั่นเลยแม้แต่นิด
“หัวจะปวด!”
“มาหัวปงหัวปวดอะไรคะพี่สาว ไปค่ะ ไปตามหารักแท้เป็นเพื่อนน้องดีกว่า”ว่าจบเจ้าขาก็เดินคล้องแขนพี่สาวไปตามทางเดิน เป้าหมายของเธอก็คือไปหาชายหนุ่มผู้เป็นรักแท้ตั้งแต่แรกพบ ที่ตอนนี้เธอก็ไม่ได้รู้เลยว่าชายหนุ่มของเธอก็คุยกับรักแรกพบของเขาอยู่เช่นกัน
ร่างบางที่มีพร้อมทั้งความงามและชาติตระกูลเดินไปตามทางเดินจนเธอเห็นเป้าหมายของเธอที่ยืนโอบเอวผู้หญิงอีกคน นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเบิกขยายกว้างขึ้นเล็กน้อย คิ้วสวยเริ่มขมวดเข้าหากันด้วยความลืมตัว ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มสดใสในตอนแรกมาตอนนี้มันเริ่มบึ้งตึงไปด้วยความไม่พอใจ
นั่นพี่เฟลิกซ์ของเธอกำลังโอบเอวผู้หญิงคนอื่นอยู่งั้นเหรอ ?! เจ้าขาครุ่นคิดอยู่ภายในใจถามตัวเองอยู่อย่างนั้นด้วยความรู้สึกที่เริ่มไม่พอใจที่ชายหนุ่มของเธอกำลังโอบเอวผู้หญิงคนอื่น ทีกับเธอน่ะตอนนั้นที่เธอไปขโมยจูบเขาแล้วอ้างว่าทำไปเพราะความเมากับพนันกับเพื่อนไว้ เขายังโกรธเธอเป็นฝืนเป็นไฟ แถมทำท่าอย่างกับจะกินหัวเธอ แล้วดูตอนนี้สิมายืนโอบเอวกับผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าเธอไม่เป็นพ่อเสือจำศิลแล้วละมั้ง
“พี่เฟลิกซ์ยืนโอบเอวใครอ่ะพี่ชิลิน!”เจ้าขาพูดออกไปด้วยความไม่พอใจ ขณะที่สายตาของเธอก็เอาแต่จ้องมองไปที่สองคนนั้นตาไม่กระพริบ
“โทษนะ พี่ก็ยืนอยู่กับเรา พี่จะเอาเวลาไหนไปรู้ว่าเฟลิกซ์โอบเอวใคร”ชิลินเอ่ยออกไปด้วยความรู้สึกงุนงงจะให้เธอเอาเวลาไหนไปรู้ว่าเฟลิกซ์ยืนโอบเอวใครเพราะเธอก็ตัวติดกับน้องสาวตลอดเวลา...
“แล้วอีกอย่างนะ เฟลิกซ์จะโอบเอวใครนั่นมันก็สิทธิ์ของเขาค่ะน้องรัก”
"เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกับเขา"
“ไม่ได้ เจ้าขาไม่ยอมอ่ะ!”ร่างบางว่าจบเท้าเรียวก็ตั้งท่าจะก้าวเดินตรงไปหาชายหนุ่มตรงหน้าแต่ทว่าแขนเรียวกับถูกรั้งเอาไว้ด้วยมือของพี่สาวที่ยื้อแขนเธอสุดฤทธิ์
“ยัยขา หยุดเลยยย อย่าทำแบบนี้เราไม่ได้เป็นอะไรกับพี่เขานะ”
“ก็ตอนนี้ไม่ได้เป็น แต่ตอนหน้าไม่รู้ไง เจ้าขาต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม”ร่างบางพูดออกไปอย่างไม่ยอมแพ้ ใบหน้าสวยบูดบึ้งอย่างคนที่กำลังรู้สึกไม่พอใจ
“เดี๋ยววว แล้วถ้าคนที่เขายืนโอบอยู่คือแฟนของเขาล่ะ เข้าไปตอนนี้คนที่เสียจะมีแต่เจ้าขานะถ้าเข้าไปทำตัวไม่น่ารักอ่ะ”ชิลินพยายามพูดเรียกสติ และเจ้าขาที่พยายามจะเดินไปหาเฟลิกซ์ในตอนแรกก็หยุดชะงักคิดขึ้นได้ในทันทีหลังจากที่ได้ยินพี่สาวพูดออกมาแบบนั้น
“แฟน ? นี่คือเจ้าขาจะกินแห้วตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยงั้นเหรอพี่ชิลิน”
“พี่ก็ไม่รู้ แต่การที่เฟลิกซ์ยืนโอบเอวผู้หญิงคนนั้นคนเดียวในกลุ่ม มันก็น่าจะชัดเจนแล้วไหมว่าผู้หญิงคนนั้นน่าจะเป็นคนพิเศษของเฟลิกซ์”
“นี่เจ้าขานกเหรอ...”ร่างบางเอ่ยออกไปพร้อมกับมองไปที่ร่างสูงที่ยังคงโอบเอวผู้หญิงตัวเล็กในชุดเดรสน่ารัก ๆ
“พี่ชิลิน เจ้าขากำลังจะนกแล้วจริง ๆ ด้วย...”
“ฮัลโหลสองสาววว คิดถึงจังเลยยย”ในขณะที่สองพี่น้องกำลังถกเถียงกันไม่หยุดนั้น เสียงของเมเบลก็เอ่ยดังขึ้นจากทางด้านหลัง เจ้าขาหันไปมองตามเสียงก่อนจะเห็นว่าเป็นเมเบลที่วิ่งเข้ามาสวมกอดเธอพร้อมกับสลับไปสวมกอดชิลินเอาไว้
“คิดถึงเหมือนกัน ไม่เจอกันเลย”ชิลินเอ่ยออกไปด้วยความสนิทสนมเพราะในบรรดาลูก ๆ ชิลินจะสนิทกับเมเบลมากที่สุด เพราะโตมาไล่ ๆ กัน...
“เบลก็คิดถึง ช่วงนี้งานยุ่งมากไม่ได้นัดเจอกับพี่ชิลินเลย”
“แล้วนี่น้องเจ้าขาสบายดีใช่ไหมคะ กลับมาจากฝรั่งเศสนานแล้วเหรอ”เมเบลเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มให้เจ้าขาอย่างเป็นกันเอง เจ้าขาที่ตอนแรกกำลังเสียอารมณ์กับเรื่องของเฟลิกซ์ก็ต้องสลัดอารมณ์ความหงุดหงิดนั้นทิ้งแล้วส่งยิ้มหวานให้กับเมเบลพร้อมกับเอ่ย
“กลับมาได้เกือบสองเดือนแล้วค่ะพี่เบล...พี่เบลสบายดีนะคะ”
“สบายดีมาก ๆ เลยค่ะ แต่งานยุ่งไปหน่อย”เมเบลเอ่ยติดตลกพร้อมกับหัวเราะออกมาเล็กน้อย ๆ เจ้าขาที่ยังคงครุ่นคิดถึงเรื่องของเฟลิกซ์ไม่หายเธอไม่รีรอที่จะถามเมเบลออกไปตรง ๆ เลยว่า
“พี่เบลคะ แล้วผู้หญิงที่พี่เฟลิกซ์ยืนโอบเอวอยู่เขาคือใครเหรอคะ แฟนของพี่เฟลิกซ์เหรอ”
“เจ้าขา…” ชิลินเอ่ยเรียกน้องสาวเสียงดุพร้อมกับเอื้อมมือไปจับแขนน้องสาวเอาไว้เป็นการห้ามให้น้องสาวหยุดถามอะไรที่ไม่ควรถาม แต่มีเหรอที่น้องสาวของเธอจะยอมหยุดและเชื่อฟังเธอได้ง่าย ๆ