วันต่อมา..
เจ้าของใบหน้าสวยที่อยู่ในชุดเดรสสีหวาน ซึ่งเป็นคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดของแบรนด์เสื้อผ้าของเจ้าขาเองและกำลังจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ มันเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เธอตั้งใจสร้างมันขึ้นมาเพราะความชอบในเรื่องของแฟชั่น ไม่งั้นเธอไม่ดันด้นขอพ่อกับแม่ไปเรียกออกแบบถึงฝรั่งเศสละกลับมาสร้างแบรนด์ของตัวเอง
ซึ่งการออกแบบเสื้อผ้าของเธอนั้นก็เป็นที่ชื่นชอบของสาว ๆ สมัยใหม่ในยุคนี้ และทุกการดีไซด์ออกแบบเสื้อผ้าของเธอก็เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แถมเสื้อผ้าทุกคอลเลกชั่นของเธอนั้นก็สามารถบ่งบอกความเป็นตัวตนของเจ้าของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน
“โอ๊ยยย คิดไม่ออกเลย” ร่างบางบ่นพึมพำกับตัวเอง ผมสีน้ำตาลอ่อนถูกรวบขึ้นเอาไว้บนศรีษะใบหน้าสวยแสดงออกถึงความหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด ที่เธอดูหงุดหงิดตลอดเวลาแบบนี้เป็นเพราะคำพูดของเฟลิกซ์ยังตามหลอนอยู่ในหูของเธอ ทั้งน้ำเสียง สีหน้า แววตาที่เขาใช้แสดงออกกับเธอมันยังคงชัดเจนอยู่อย่างนั้น
“ผู้หญิงอย่างฉันมันทำไมนะ มันแย่มากขนาดนั้นเลยเหรอไง”
“ทำไมพี่เฟลิกซ์ต้องทำท่าทำทางเหมือนรังเกียจเราขนาดนั้นด้วยเล่า...”ร่างบางพึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความไม่เข้าใจและมีคำถามมากมายว่าเพราะอะไรเขาถึงต้องว่าเธอแบบนั้น ที่เธอดูเสียความมั่นใจได้ขนาดนี้ก็เป็นเพราะว่าตั้งแต่เกิดมานี่คือครั้งแรกที่เธอถูกด่าจนหน้าสั่นไปหมด แถมออกมาจากปากผู้ชายด้วยมันยิ่งทำให้เธอรู้สึกเสียหน้ามาก ๆ
แอดดด ปึก!
บานประตูห้องทำงานของเจ้าขาถูกเปิดออกตามมาด้วยเพื่อน ๆ ของเธอที่พากันตบเท้าเรียงแถวกันเข้ามาด้วยสีหน้าระรื่นอารมณ์ดี ต่างจากคุณหนูคนสวยที่นั่งหน้าบูดบึ้งเพราะกำลังหงุดหงิดกับเรื่องเมื่อคืน
“มีโทรศัพท์ไว้ประดับโต๊ะทำงานเหรอคะเพื่อนรัก ปีใหม่แล้วจะไม่เลิกนิสัยดองแชทเพื่อนกับไม่ค่อยรับโทรศัพท์เพื่อนหน่อยเหรอ” ทิชา สาวสวยที่เป็นเพื่อนสนิทของเจ้าขาดีกรีดารานางแบบชื่อดังที่กำลังรันวงการบันเทิงอยู่ในตอนนี้เอ่ยขึ้นหลังจากที่เป็นคนแรกที่เดินเข้ามาในห้อง แถมก่อนหน้าจะมาถึงที่ห้องเสื้อของเจ้าขาเธอก็โทรหาเจ้าขาเป็นสิบสายแต่คุณหนูคนสวยไม่รับเลยสักสายเดียว
“ซอรี่นะ ไม่ได้เปิดเสียงอ่ะ”
“ตลอดดด ข้ออ้างนี้ใช้ตลอดไปเลยมั้ง เปลี่ยนบ้างค่ะสาว เพื่อนรู้ทันหมดละ”น้ำฟ้า เพื่อนสนิทสาวสวยอีกคนเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ทิชา เจ้าขาไหวไหล่ตัวเองน้อย ๆ ก่อนจะทำหน้าเป็นไม่รู้ไม่ชี้ตามแบบของเธอ
“งั้นเพื่อนก็ควรจะชินกันได้แล้วป่ะ”
“พวกกูก็ชินกันจริง ๆ นั่นแหละค่า เป็นเพื่อนกันมาเป็น 10 ปี มึงก็ยังไม่เลิกนิสัยดองแชทสักที!”
“แล้วประเด็นคืออะไร ถ้าคุณหนูเจ้าขาต้องการคุยกับใครนางไม่ทักแชทด้วยนะ โทรตามจิกแทน หัวจะปวด!”อีกหนึ่งสาวที่พูดขึ้นก็คือ ณิริน เพื่อนสนิทอีกคนของเจ้าขา เธอเป็นลูกสาวนอกสมรสของรัฐมนตรีกระทรวงการคลังที่ไม่มีใครรู้เลยว่าเธอเป็นลูกสาวคนเล็กของท่านที่เกิดจากผู้หญิงอีกคน
“ดองแชทคนอื่นได้ แต่คนอื่นห้ามดองแชทนางค่า”
“นางไม่รับสายคนอื่นได้ คนอื่นห้ามไม่รับสายนางค่ะ โทรสายแรกต้องรับเลย”
“กูจะบ้าา”
“โอ๊ยยย พวกมึงหยุดเลยนะ นี่มารุมกูกันป่ะเนี้ย!”ร่างบางโวยขึ้นพร้อมกับยกมือห้ามเพื่อน ๆ ที่กำลังรุมใส่เธอกันไม่หยุด แล้วเธอก็เถียงไม่ได้ซะด้วยเพราะสิ่งที่เพื่อน ๆ พูดออกมาแต่ละอย่างมันคือความจริงทั้งหมด เธอเป็นแบบนั้นจริง ๆ พยายามเปลี่ยนแล้วนะนิสัยดองแชทแต่ทำได้ไม่เกิน 3 วันก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
“รุมค่า แต่รุมไปก็เท่านั้นมึงไม่เปลี่ยนนิสัยดองแชทเพื่อนอยู่ดี...”
“ก็บอกว่ามีอะไรให้โทรมาเลยไม่ต้องแชทมา บางทีมันไม่ว่างตอบอ่า”
“แล้วพอกูโทรมึงรับไหมคะเพื่อนรัก มึงไม่รับอยู่ดีค่า นี่ถ้าเกิดว่ากูมีเรื่องเดือดร้อนจะเป็นจะตายกูจะไม่โทรขอความช่วยเหลือมึงนะ เพราะโทรไปมึงไม่รับอ่ะ”
“แรงอ่าา เพื่อนอย่าวีนได้ป่ะสำนึกผิดไม่ทันแล้วนะ”
“สำนึกแบบไหน สำนึกกี่โมงคะ”
“ก็สำนึกทุกครั้งที่เพื่อน ๆ ด่าอ่ะ หลังจากนั้นก็ลืมไง”ร่างบางเอ่ยตอบออกไปแบบอ้อม ๆ แอ้ม ๆ ก่อนจะส่งสายตาวิ้งวับให้เพื่อน ๆ
“กูหมดคำจะด่าคุณหนูเจ้าขาละจริง ๆ วีนจนเหนื่อยแต่เพื่อนก็ยังไม่รู้สึก” ทิชาเลื่อนมือขึ้นมากอดอกก่อนจะมองหน้าเจ้าขาด้วยแววตาเอือม ๆ เจ้าขายิ้มเจื่อนก่อนจะยอมแพ้แล้วผุดลุกออกไปจากเก้าอี้ทำงานพร้อมกับเดินไปนั่งข้างทิชาแล้วซบหน้าลงที่ไหล่ของเพื่อนอย่างต้องการจะอ้อนให้เพื่อนหายอารมณ์เสีย
“สำนึกผิดแล้วค่ะคุณแม่ ต่อไปหนูจะเลิกทำนิสัยไม่น่ารักแบบนี้ จะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น คุณแม่ให้โอกาสหนูได้พิสูจน์ตัวเองนะคะ”เจ้าขาแสร้งพูดกระเซ้าเย้าแหย่เพื่อนรัก ทำเหมือนว่าเธอกำลังขอโทษขอโพยคุณแม่ของตัวเองอยู่
“ไม่ต้องมาอ้อนเลย นี่ถ้าฉันเป็นแม่แกจริง ๆ นะ ฉันปวดหัวตายเลยอ่ะ”ทิชาพูดก่อนจะยิ้มขำออกมา
“เดี๋ยว ๆ ฉันก็มีเรื่องดี ๆ เรื่องน่ารัก ๆ อยู่บ้างป่ะ”
“ทิชาเรื่องน่ารักของเจ้าขามันก็มีนะ แต่กูว่าน้อยกว่าเรื่องความร้ายกาจ...”น้ำฟ้าเอ่ยแซวก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วเดินไปดูแบบเสื้อผ้าคอลเลกชั่นใหม่ที่เจ้าขาออกแบบเอาไว้ แล้วยังมีบางภาพที่ถูกขยำทิ้งไปก็ตั้งเยอะ
“นี่ออกแบบชุดคอลเลกชั่นใหม่อยู่เหรอแล้วทำไมมึงขย้ำทิ้งไปเยอะแบบนั้นอ่ะ ไม่ถูกใจแบบเหรอ”
“อืม มันคิดแบบเท่าไรก็คิดไม่ออกอ่ะ พอออกแบบมาก็ไม่สวย มันยังดูขาดกิมมิคอะไรไปเยอะเลยอ่ะ”
“มีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเปล่า มึงดูไม่ค่อยมีสมาธินะ”ณิรินเอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกได้ว่าเจ้าขาดูแปลก ๆ ไป เพื่อนรักของเธอดูไม่มีสมาธิและมีเรื่องหงุดหงิดแปลก ๆ
“มีเต็มหัวไปหมด กูคิดงานไม่ออกเลยตั้งแต่เช้า...”
“เรื่องอะไรอ่ะ มันจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้คุณหนูเจ้าขาหงุดหงิดจนคิดงานไม่ออกได้ขนาดนี้”ทิชาเอ่ยออกไปด้วยความแปลกใจเพราะร้อยวันพันปีตั้งแต่เป็นเพื่อนกับเจ้าขามา เธอไม่เคยเห็นเจ้าขาเป็นแบบนี้เวลาเพื่อนมีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็ไม่เคยกระทบกับผลงานของตัวเองเลยสักครั้ง
“เมื่อคืนแกไปเจอพี่เฟลิกซ์ขาของแกมา แกควรจะอิ่มความสุขจนล้นออกปากเลยไม่ใช่เหรอ จะมาหงุดหงิดอะไรอ่ะ ”
“อิ่มความสุขจนล้นออกปากอะไรอ่ะ อิ่มคำด่าจนทะลักออกปากทะลุออกหูมากกว่าดิ”
“หื้มมม ใครด่าแกอ่ะ ใครช่างกล้ามาด่าคุณหนูเจ้าขาที่ไม่เคยโดนใครด่ามาก่อนในชีวิต” น้ำฟ้าแสร้งพูดด้วยสีหน้าตกใจ ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงเธออยากรู้จริงเชียวว่าใครกันช่างกล้าหาญมาด่าคุณหนูเจ้าขาซึ่งไม่เคยโดนด่ามาก่อนในชีวิต
เจ้าขาตวัดสายตามองเพื่อนก่อนจะทำหน้าบูดบึ้งอย่างไม่สบอารมณ์
“มึงปลอมมากเลยนะน้ำฟ้า เดี๋ยวจะโดน”ร่างบางพูดออกไปอย่างรู้ทันก่อนจะเลื่อนมือขึ้นมากอดอกพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด คิดแล้วก็ยังโมโหพี่เฟลิกซ์คนหล่อไม่หาย
ด่าเธอจนหน้าสั่นแล้วยังทำหน้าทำตารังเกียจเธออย่างกับเธอเป็นสิ่งปฏิกูลเหม็นเน่า
“จะเล่าได้ยังว่าใครด่าแก ฉันอยากรู้แล้วเนี้ยว่าใครที่กล้ามาด่าเพื่อนรักของฉัน”
“จะใครละ ก็พี่เฟลิกซ์ไง ด่าฉันจนหน้าสั่นไปหมด ตั้งแต่เกิดมานะฉันยังไม่เคยโดนใครด่าแบบนี้มาก่อน แล้วยิ่งเป็นผู้ชายยิ่งไม่เคย = =’ ” พูดแล้วก็รู้สึกอับอายขายขี้หน้า แต่จะอดทนไม่เล่าให้เพื่อน ๆ ฟังก็ทำไม่ได้ไม่งั้นอกเธอได้ระเบิดแตกตายแน่นอน
“พี่เฟลิกซ์เนี้ยนะด่าแก พี่เฟลิกซ์เนี้ยนะ”ทิชาพูดออกไปอย่างไม่เชื่อหู เพราะใคร ๆ ต่างก็รู้ดีว่าเฟลิกซ์เป็นคนพูดน้อยเงียบขรึมจะตายไป พวกเธอเคยโอกาสได้เจอกับเฟลิกซ์อยู่บ่อย ๆ เพราะต้องออกงานสังคมกับที่บ้าน จะมีก็แต่ณิรินที่ยังไม่ได้เจอตัวจริงของเฟลิกซ์เพราะต้องเก็บตัวไม่สามารถออกงานสังคมกับผู้เป็นพ่อได้