“วันนี้แกกลับบ้านหรอ”
พะพิงถามฉันขึ้นขณะที่สายตามองมาที่ฉัน
“อืม”
ฉัยพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะนึกขึ้นว่าป๊ามีอะไรหรือปล่าว
“งั้นเหลือสองคนฉันกลับคอนโดก็ได้ ตอนแรกตั้งใจว่าจะชวนไปแรดซะหน่อย”
ณิชาพูดพร้อมทำหน้าเซ็งขึ้นเบา ๆ
“แกยังไม่เข็ดอีกหรอ ดูสภาพแกดิเนี่ยอวกจนไม่เหลืออะไรอยู่ในใส้แล้วมัง”
ฉันพูดพร้อมยกมือขึ้นไปจับ ที่หน้าท้องอันแบนราบของณิชาเพื่อนรักของฉัน
“ไม่มีวันนั้นค่ะ เข็ดคืออะไรไม่รู้จัก”
ณิชาที่ยังไม่ยอมพ่ายแพ้ให้กับ ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ พูดขึ้นพร้อมยิ้มให้ฉันและพะพิง ที่ยิ้มขำ ๆ ให้เช่นเดียวกัน
“เอาละน้อง ๆ ทุกคนรู้แล้วนะว่าใครเป็นพี่รหัสของตัวเอง หลังจากนี้ถ้าเรียนตรงไหนไม่เข้าใจวิชาอะไร ให้เดินมาถามรุ่นพี่กันได้เลยนะครับ พี่ ๆ ทุกคนรอให้คำตอบในทุกคำถามที่น้อง ๆ มาปรึกษานะครับ ส่วนวันนี้กิจกรรมรับน้องของเรา ก็ขอปิดจบแต่เพียงเท่านี้ ขอให้น้อง ๆทุกคนตั้งใจเรียน และจบไปพร้อม ๆ กันทุกคนนะครับสวัสดีครับ“
เสียงของรุ่นพี่กล่าวปิดงานดังขึ้น พร้อมทั้งสายตาของรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ด้านหน้าแทบจะทั้งหมด มองลงมาหารุ่นน้อง และสายตาของรุ่นน้องที่สาดสายตาไปหารุ่นพี่ และพี่รหัสของตัวเอง ไม่เว้นแม้แต่ฉันที่มองไปยังพี่ราเชน ในขณะเดียวกันฉันก็เห็นพี่ราเชน เหลือบตามองมาที่ฉันเช่นเดียวกัน ก่อนฉันจะยิ้มบาง ๆให้คนที่ยืนหน้านิ่ง ที่ทำเป็นเหมือนมองไม่เห็นฉัน จนฉันต้องแอบขำ ก่อนจะรีบเก็บ รอยยิ้มของตัวเองลงอย่างเขิน ๆ
”ขอบคุณครับ / ขอบคุณค่ะ“
ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน
“แกฉันกลับก่อนนะ ฉันรีบกลับบ้านก่อนเดี๋ยวป๊ากับแม่รอนานบ๊ายบาย“
ฉันบอกเพื่อนทั้งสองคน แล้วรีบเดินแยกตัวออกมาเพื่อนกลับบ้าน
“เครแกไว้เจอกันพรุ่งนี่บ๊าย”
“บ๊ายแก”
“ไอ้ราเชนน้องรหัสมึงเขาน่ารักจริง ๆ นะเว้ย มึงเห็นตอนที่น้องเขายิ้มให้มึงไหมวะ แม่งโครตหน้ารักเลย ถ้ามึงไม่สนกูเอานะเว้ยไอ้เชน”
ฮายยังคงมองยูมิ พร้อมชื่นชมในความสวยความน่ารักไม่หยุด ก่อนจะยกแขนขึ้นมาวางที่ไหล่ของราเชนเบา ๆ พร้อมสายตาเจ้าเล่ห์
“อืมเรื่องของมึงดิวะเกี่ยวอะไรกับกู”
เขาตอบไปด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“น้องเขาชื่ออะไรวะไอ้ราเชน กูอยากรู้จักน้องเขาวะ”
พร้อมขยับเข้ามาใกล้ ก่อนจะยกไหล่ให้ชนเข้ากับไหล่ของราเชนเบา ๆ
”มึงไม่ไปจีบน้องรหัสมึงวะไอ้ฮาย“
เสียงของคนหน้าวีนดังขึ้น มองหน้าฮายอย่างไม่สบอารมย์
”ไม่เอาเว้ย น้องรหัสกูไม่แจ่มเท่าน้องรหัสมึงนี่หว่า“
ฮายพูดพรางชะเง้อคอมองตามยูมิ ที่กำลังเดินไปยังลานจอดรถของมหาลัย
“มึงจะจีบมึงก็จีบดิวะไอ้เหี้ยฮาย”
เดนจิพูดขึ้นเพราะวันนี้ทั้งวัน เขาเห็นฮายสนใจแต่น้องคนนี้ทั้งวัน แทบจะไม่เป็นอันกินข้าว ก่อนจะมองมาดูใบหน้านิ่งของราเชนที่ นั่งขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
“แต่น้องพะพิงจีบไม่ได้นะห้ามจีบ เพราะเธอเป็นน้องรหัสกู และกูก็มีสิทธิ์ห้าม”
ฟางพูดขึ้นพร้อมนั่งลงที่เก้าอีก พูดท่าทางหวง ๆ น้องรหัสพร้อมยิ้มให้เพื่อน ๆ
รถคันหรูสีขาววิ่งผ่านประตูเหล็ก ที่ถูกเปิดปิดออกอัตโนมัติวิ่งเข้ามาภายในบ้านหลังใหญ่ ก่อนจะจอดลงที่ลานจอดหน้าบ้าน ที่มีรั้วรอบขอบชิด ทันทีที่รถถูกจอดลงที่ลานจอดหน้าบ้านก็มีผู้ชาย ที่เป็นลูกน้องของผู้เป็นป๊าของเธอ เดินเข้ามาเปิดประตูรถให้ร่างเล็กในชุดนักศึกษาก้าวขาลงจากรถ ก่อนจะเดินผ่านลูกน้องของป๊าที่ยืนเฝ้าหน้าบ้านปนะมาน 5 คนรวมทั้งคนขับรถประจำให้ป๊าด้วย
“แม่คะ ป๊าคะ หนูกลับมาแล้วค่ะ“
ร่างบางเดินตรงมาที่ประตูบ้าน พร้อมตะโกนบอกป๊ากับแม่ให้รู้ทันทีที่มาถึง เธอก้าวขาเดินเข้ามาภายในบ้านหลังใหญ่ของตัวเอง ที่ตอนนี้เงียบราวกับไม่มีใครอยู่ในบ้าน ทั้ง ๆ ที่รถของป๊ากับรถของแม่ก็ยังถูกจอดอยู่ที่ลานจอดรถ ฉันเดินเข้ามาภายในบ้านพร้อมสาดสายตาหาป๊ากับแม่ตามห้องรับแขก และมุมต่าง ๆ ภายในบ้าน แต่เธอก็ยังไม่เห็นใครเลยซักคนนึง
”คุณยูมิคะคุณท่านทั้งสอง อยู่ที่ห้องทำงานของคุณท่านค่ะ“
เสียงของป้าหวายดังขึ้น จากประตูห้องครัวพร้อมก้าวขาเดินเข้ามาหาฉัน ก่อนจะบอกให้ฉันเดินไปหาป๊ากับแม่ที่อยู่ในห้องทำงานของป๊า ฉันมองหน้าป้าหวายก่อนจะถามป้าหวาย
“ทำไมวันนี้ป๊ากับแม่ไปอยู่ห้องทำงานหมดละคะป้า”
“ป้าเองก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะคุณหนู”
ป้าหวายส่ายหัวไปมาให้กับฉัน ฉันหมุนตัวหันหน้ามองไปที่ประตูห้องทำงานป๊า ด้วยความสงใส
ก็อก ก็อก ก็อก
ฉันลงที่หน้าห้องพร้อมเคาะประตูห้องทำงานป๊า ทั้งที่ในใจก็ยังคิดไม่ตก ว่าที่ป๊าโทรเรียกฉันให้กลับมาบ้าน เพราะเรื่องอะไร ฉันบิดลูกบิดประตูห้อง พบว่าห้องไม่ได้ล็อกฉันจึงเปิดประตู ก้าวขาเข้าไปในห้องทำงานของป๊าทันที ก่อนจะหันหลังไปปิดประตูลงอย่างเบา ๆ ฉันเห็นแม่นั่งขมวดคิ้วที่โซฟาตัวใหญ่มองมาที่ฉัน ฉันรีบสาดสายตามองไปหาป๊า ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ เพราะฉันสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ ของบุคคลที่อยู่ภายในห้องนี้ได้ดีเลยทีเดียว เมื่อฉันมองเห็นสีหน้าของป๊ากับแม่ดูเครียดกว่าปกติมาก พร้อมมองมาที่ฉันราวกับกำลังตั้งตารอฉันอยู่
“ป๊ากับแม่มีเป็นอะไรหรือปล่าวคะ ทำไมดูท่าทางเครียด ๆ กันจังเลยค่ะ”
ฉันรีบถามขึ้นทันที เพราะฉันไม่อาจเดาได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ท้าวเล็กค่อย ๆ ก้าวเข้ามาภายในห้อง เธอจ้องมองดูป๊ากับแม่อีกครั้ง ก่อนฉันจะทิ้งน้ำหนักตัวลงนั่งที่ โซฟาตัวใหญ่ข้าง ๆ แม่อย่างไม่เบานัก
“ยูมิพ่อมีเรื่องจะคุยกับลูก พร้อมทั้งแม่ด้วย”
เสียงพูดของป๊าที่ดูจริงจัง ทำเอาฉันเริ่มใจคอไม่ค่อยดี แต่ฉันก็ยังคาดเดาไม่ได้อยู่ดีว่านั่นเรื่องอะไร ฉันเริ่มรู้สึกอึดอัดภายในใจ แต่ก็ต้องนิ่งเงียบรอฟังสิ่งที่ป๊ากำลังจะพูด ด้วยหัวใจที่แต้นรัว ๆ เพราะด้วยท่าทางที่ดูจริงจังของป๊า ทำเอาฉันเริ่มคิดไปต่าง ๆ นา ๆ ทั้งที่ยังไม่ทันได้รู้
“ค่ะป๊า”
ฉันตอบป๊าพร้อมยิ้มหันไปมองแม่ ที่หน้าตาดูกังวนฉันเริ่มหวันใจเล็กน้อย พร้อมหันกลับไปมองหน้าป๊าอีกครั้ง
“คือลูกฟังป๊านะทางตระกูลศุภเตชะกูล ที่ใหญ่ที่สุดในหลาย ๆ ตระกูลมาเฟีย เขาต้องการที่จะให้ลูกกับลูกชายของเขาแต่งงานกัน เพื่อธุรกิจที่จะไปได้ดีในอนาคตข้างหน้า ตระกูลเรากับตระกูลของเขาจึงจำเป็นที่จะต้องปองดองกัน ซึ่งทางตระกูลนั้นเขาคุยกับป๊ามาแล้ว ว่าลูกชายของเค้าต้องการแบบนั้น ซึ่งลูกผู้หญิงคนเดียวในสามตระกูลที่ยังไม่มีแฟน เพราะฉะนั้นตระกูลศุภเตชะกูล จึงเลือกตระกูลของเราเพื่อไปปองดองกัน ในอีกไม่ช้านี้ “
ป๊าพูดเสียงเข้ม
“อะไรนะคะป๊า”
ฉันตกใจในสิ่งนี้มาก ป๊าพูดขึ้นด้วยความลำบากใจ ฉันเองพอจะดูออก แต่ถ้าจะให้ฉันยินยอมก็คงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะฉันเองอายุเพียงแค่ 19 ปี จะให้ฉันไปแต่งงานเพื่อรักษาธุรกิจของตระกูล แล้ววันข้างหน้าฉันจะมีความสุขในชีวิตคู่ได้ยังไงกัน
“ยูมิ”
แม่ยื่นมือมาจับที่แขนของฉัน ด้วยสายตาที่สงสารฉัน นั่นคือสิ่งที่แม่ของฉัน พอจะทำได้ เพราะถ้าเป็นเรื่องแบบนี้แล้วป๊ามีสิทธิ์ ที่จะเป็นคนตัดสิ่นใจเพียงคนเดียว
“ป๊าจะให้หนูไปแต่งงานกับคนที่หนูไม่ได้รัก ไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้าเนี่ยหรอคะป๊า”
ฉันจ้องมองหน้าป๊า พร้อมถามออกไปด้วยความไม่เข้าใจ
“ยูมิฟังป๊าก่อนนะลูก นี่มันเป็นทางเดียวที่ตะโกนของเราจะอยู่รอดต่อไปได้นะลูก เพราะตระกูลรอบ ๆ ข้างเขาปองดองกันหมดแล้ว มีเพียงตระกูลของเราที่ยังไม่ได้ปองดองกับตระกูลไหนเลย”
ป๊าพูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย