หลังเพื่อนสนิททั้งสองเดินจากไป เมฆาก็หันไปมองเนตรดาวที่นั่งร้องไห้เงียบๆ ตั้งแต่มาถึงโรงพยาบาล ชายหนุ่มขยับไปนั่งข้างๆ แล้วเรียกอีกฝ่าย
“พี่เนตร” เนตรดาวรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาแล้วหันมาตามเสียงเรียก
“คะ”
“ทางบ้านคุณพลอยเขาทราบเรื่องหรือยังครับ” เนตรดาวหันมามองเมฆาอย่างแปลกใจที่อีกฝ่ายรู้จักชื่อเพื่อนของตัวเอง เมฆาเห็นสายตาแทนคำถามที่มองมาก็รีบตอบข้อสงสัย
“ผมได้ยินพี่เนตรเรียกเขาตอนอยู่ในผับน่ะครับ”
“อ้อ ยังไม่ทราบหรอกค่ะ พี่ไม่กล้าบอก”
“ถ้าอย่างนั้นรอให้คุณหมอออกมาแจ้งอาการคุณพลอยก่อน แล้วเราค่อยโทรไปบอกพวกท่านดีไหมครับ” เมฆาเสนอความคิดเห็น เพราะถ้าหากโทรไปบอกว่าลูกสาวถูกยิง ทางบ้านของพลอยขวัญอาจจะตกใจได้ อย่างน้อยให้พวกท่านรู้ตอนที่หญิงสาวปลอดภัยแล้วคงจะดีกว่า
“อย่างนั้นก็ได้ค่ะ หวังว่าพลอยจะไม่เป็นอะไรมาก”
“ผมก็หวังอย่างนั้นครับ”
“โชคดีนะคะ ที่กระสุนโดนแค่ถากๆ ถ้าโดนจุดสำคัญไม่อยากจะคิดเลย”
“แค่นี้ผมก็เป็นหนี้ชีวิตคุณพลอยแบบที่ชดใช้ไม่หมดแล้วล่ะครับ”
“พลอยคงไม่คิดแบบนั้นหรอกค่ะ คุณมาร์คช่วยพลอยไม่ให้ถูกลวนลาม พลอยเองก็ช่วยเตือนคุณมาร์คตอนที่เห็นไอ้เลวนั่นจะยิงคุณ ถือว่าหายกันนะคะ” ทั้งสองผุดลุกจากเก้าอี้ทันทีเมื่อประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกและเตียงของพลอยขวัญถูกเข็นออกมา นายแพทย์สูงอายุท่าทางใจดีทำหน้าที่แจ้งอาการพลอยขวัญให้กับเมฆาและเนตรดาวทราบ ทั้งสองถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่ออาการของหญิงสาวปลอดภัยแล้ว คุณหมอให้นอนดูอาการหนึ่งคืนก็กลับบ้านได้ ส่วนคนป่วยที่นอนหลับอยู่บนเตียงเพราะเสียเลือดบวกกับตกใจไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
“คุณมาร์คกลับไปก่อนก็ได้นะคะ เนตรจะอยู่เฝ้าพลอยเอง” ขณะที่เมฆากำลังคิดหนักว่าจะหาเหตุผลอะไรให้ได้อยู่เฝ้าคนที่นอนหลับอยู่บนเตียง เพราะเขาอยากให้เธอตื่นมาเจอเขาเป็นคนแรก ทั้งอยากขอบคุณที่เธอเสี่ยงชีวิตช่วยเขาเอาไว้ ดูเหมือนสวรรค์จะเข้าข้างเขาอยู่บ้าง เพราะคนบนเตียงขยับตัวและตื่นขึ้นในที่สุด
“พลอย เป็นยังไงบ้าง” เนตรดาวรีบเข้าไปกุมมือเพื่อนด้วยความเป็นห่วง พลอยขวัญมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้างงๆ ก่อนจะนิ่วหน้าเพราะรู้สึกเจ็บที่ต้นแขน แล้วเหตุการณ์ต่างๆ ก็ไหลเข้ามาในความทรงจำ เธอจำได้ว่าตัวเองร้องตะโกนเตือนให้ชายหนุ่มที่เข้ามาช่วย ระวังกระสุนปืนจากไอ้ขี้เมาที่เข้ามาลวนลาม หลังจากนั้นก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ต้นแขนตามมาด้วยอาการชาก่อนสติจะดับวูบไป
“เจ็บที่แขนนิดหน่อย แกล่ะ ไม่ได้เจ็บตรงไหนใช่ไหม” เนตรดาวน้ำตาซึมที่เพื่อนยังมีกะจิตกะใจเป็นห่วง ทั้งที่ตัวเองนอนเจ็บอยู่
“ฉันไม่เป็นอะไร โชคดีนะที่กระสุนแค่ถากๆ ไม่งั้นคงแย่”
“แกบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่ฉันหรือเปล่า” พลอยขวัญถามอย่างเป็นกังวล เพราะเธอเพิ่งจะทำให้ท่านเลิกเป็นห่วงจากการอกหักจนเสียสูญ เธอไม่อยากให้พวกท่านต้องมากังวลใจเรื่องนี้อีก
“เปล่า ฉันไม่กล้าบอกกลัวพวกท่านจะตกใจ”
“ดีแล้วล่ะ ไม่ต้องบอกหรอก ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก บอกไปเขาจะตกใจกันเปล่าๆ”
“แต่ว่า…” ท่าทีอึกอักของเนตรดาวทำให้พลอยขวัญขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“แต่ว่าอะไรเนตร”
“ตอนนี้เรื่องยิงกันในผับเป็นข่าวว่อนในโซเชียลแล้ว พรุ่งนี้คงเป็นข่าวใหญ่ เพราะคู่กรณีของคุณมาร์คคือลูกชายนักการเมือง ที่เพิ่งมีข่าวว่าเป็นคนบงการวางเพลิงอู่ซ่อมรถของคุณมาร์ค ได้ยินดังนั้นพลอยขวัญก็มีสีหน้าเครียดขึ้นทันที เธอไม่อยากให้บิดามารดารู้เรื่องนี้ ไม่อยากให้ท่านต้องเป็นกังวลหรือทุกข์ใจเรื่องของเธออีก แต่ดูเหมือนจะห้ามไม่ได้แล้วอะไรจะเกิดก็คงต้องเกิด สีหน้าเป็นกังวลของเพื่อนทำให้เนตรดาวต้องรีบปลอบ
“ไม่เป็นไรนะพลอย แกอย่าคิดมาก เดี๋ยวพรุ่งนี้เรารีบโทรไปแจ้งข่าวที่บ้านแกก่อนที่พวกเขาจะเห็นข่าว บอกพวกเขาว่าแกไม่เป็นอะไรมาก หมอแค่ให้นอนดูอาการก็กลับบ้านได้แล้ว พวกเขาจะได้ไม่ต้องกังวล” พลอยขวัญพยักหน้าและเพิ่งจะเห็นว่าตอนนนี้ไม่ได้มีเพียงเธอและเพื่อนในห้องเท่านั้น
“คุณ…” พลอยขวัญมองคนที่ช่วยเธอเอาไว้ถึงสองครั้งสองหน เขายืนกอดอกมองมายังเธอ ราวกับว่ากำลังไม่พอใจอะไรบางอย่าง
“ทำไมคุณถึงทำอะไรเสี่ยงอันตรายแบบนั้น ถ้ากระสุนมันถูกจุดสำคัญจะทำยังไง” พลอยขวัญอึ้งกิมกี่เมื่อถูกดุด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ของคนที่เธอช่วยให้เขารอดพ้นจากคมกระสุน จนตัวเองต้องเจ็บแทน เมื่อความอึ้งและตกใจผ่านไปอารมณ์โกรธก็เข้ามาแทนที่ ใบหน้าสวยงอง้ำและเผลอเม้มริมฝีปากอย่างคนแสนงอน แบบที่มักจะทำยามถูกบิดาและพี่ชายขัดใจ ซึ่งเป็นนิสัยที่ติดมาตั้งแต่เด็ก เนตรดาวเองก็ทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าน้องมาร์คของเธอจะตำหนิเพื่อนรักของตัวเอง หญิงสาวมองเมฆาที่กอดอกทำหน้านิ่ง แต่จ้องเพื่อนเธอตาไม่กระพริบ สลับกับมองหน้าเพื่อนสนิทที่บูดบึ้งและเม้มปากแน่นอย่างแสดงออกว่าไม่พอใจ
“เนตร ส่งแขกเถอะ ฉันอยากพักผ่อน” พลอยขวัญสั่งด้วยน้ำเสียงห้วนสนิท และเผลอกระแทกกายลงนอนจนทำให้กระทบกระเทือนถึงแผล
“โอ๊ย” ยังไม่ทันที่เนตรดาวจะขยับ คนตัวโตที่ยืนกอดอกนิ่งอยู่ในตอนแรกก็โผเข้าไปถึงตัวคนป่วยบนเตียงแล้ว
“ระวังหน่อยสิ เดี๋ยวแผลก็อักเสบหรอก” แม้จะดุแต่เนตรดาวเริ่มรู้สึกได้ถึงความห่วงใยที่ส่งผ่านมาในน้ำเสียงนั้น และเมื่อคิดไตร่ตรองดูอีกที เธอก็คิดว่าที่น้องมาร์คของเธอดุพลอยขวัญนั้น คงเพราะเป็นห่วงกับการกระทำกล้าบ้าบิ่นจนตัวเองต้องเจ็บนั่นเอง
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า จะให้ผมเรียกหมอไหม” เงียบ! ไม่มีเสียงตอบกลับมา เมฆาแอบถอนหายใจเพราะนอกจากจะไม่สร้างความประทับใจให้หญิงสาวที่เขารู้สึกถูกใจแล้ว ยังทำให้เธองอนเขาอีกต่างหาก เมื่อคิดว่ากำลังถูกงอนชายหนุ่มก็เผลอยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู ‘แสนงอนจริงแฮะ อายุเท่าไหร่กันเนี่ย ที่เขาเผลอดุก็เพราะเป็นห่วงแท้ๆ เขาไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้ากระสุนโดนเข้ากับจุดสำคัญจะเป็นยังไง แต่ดูเหมือนความห่วงใยของเขาจะแสดงออกมาผิดที่ผิดทางไปหน่อย’ คิดได้ดังนั้นชายหนุ่มก็ก้มหน้าลงไปกระซิบกับคนป่วยบนเตียงเพื่อปรับความเข้าใจ
“ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจะดุพลอยนะครับ แต่เพราะว่าผมเป็นห่วงและไม่อยากให้พลอยทำอะไรเสี่ยงๆ แบบนั้นอีก อย่างอนเลยนะ”
“ใครงอนคุณไม่ทราบ” เมฆายิ้มเมื่อคนป่วยตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด
“ก็คนบนเตียงนี่แหละงอน เอาเป็นว่าเราดีกันนะครับ แล้วก็ต้องขอบคุณมากที่ช่วยผม แต่สัญญานะว่าต่อไปนี้พลอยจะไม่ทำอะไรเสี่ยงๆ แบบนั้นอีก”
“เอ่อ…อะแฮ่ม” เนตรดาวที่ยืนเป็นอากาศธาตุอยู่มุมห้องทำเสียงกระแอมขึ้น เมื่อเห็นว่าเมฆาก้มลงกระซิบคุยกับเพื่อนตัวเองเหมือนรู้จักสนิทสนมกันมานาน ถ้ามองจากมุมที่เธอยืนอยู่ ก็ไม่ต่างจากคู่รักกำลังง้องอนกันเลยทีเดียว
“พรุ่งนี้ผมจะมาเยี่ยมใหม่นะครับคุณเนตร วันนี้คุณพลอยคงอยากพักผ่อน” เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เนตรดาวและพลอยขวัญหันไปมองอย่างแปลกใจ แต่เมฆาเป็นฝ่ายเดินไปเปิดและรับถุงบางอย่างมาจากคนที่พวกเธอไม่รู้จัก
“นี่ของคุณเนตรครับ”
“อะไรเหรอคะ”
“คืนนี้คุณเนตรต้องอยู่เฝ้าพลอยใช่ไหมครับ คุณเนตรคงยังไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน ผมก็เลยให้คนเตรียมมาให้”
“โอ้ ไม่น่าจะต้องลำบากเลยค่ะ แค่คืนเดียวเอง”
“ไม่ลำบากหรอกครับ ผมต้องดูแลพลอยกับคุณเนตรให้ดีที่สุด ถ้างั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ พรุ่งนี้จะมาเยี่ยมใหม่” เมฆาค้อมศีรษะให้คนบนเตียงเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“น้องมาร์คของฉันนี่รอบคอบสุดๆ ไปเลย ว่าแต่เอ๊ะ…เมื่อกี้แกได้ยินเหมือนฉันไหมพลอย น้องมาร์คเรียกฉันว่าคุณเนตรไม่ได้เรียกพี่เหมือนเดิม แถมยังเรียกแกว่าพลอยเฉยๆ อีกใช่ไหม” เนตรดาวเพิ่งจะนึกขึ้นได้ตอนที่หนุ่มในฝันเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยไปแล้ว
“นิสัยไม่ดี อายุน้อยกว่าฉันตั้งสามปีมาเรียกชื่อเฉยๆ ได้ไง เป็นรุ่นน้องแท้ๆ ไม่เคารพรุ่นพี่” พลอยขวัญบ่นแต่ เนตรดาวยิ้มและแกล้งกระซิบ
“เขาอาจจะไม่ได้อยากเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกับแกไง ฉันว่าฉันได้กลิ่นแปลกๆ เพราะเขาก็เปลี่ยนสรรพนามเรียกฉันจากพี่เนตรเป็นคุณเนตรเหมือนกัน”
“กลิ่นอะไรของแก”
“กลิ่นความฮอตของเพื่อนฉันที่ทำหนุ่มๆ มาหลงเสน่ห์ไง”
“บ้า พูดอะไรเพ้อเจ้อ ฉันไม่สนใจผู้ชายเด็กกว่าหรอกนะ”
“เหรอ จะคอยดู เด็กกว่าแต่หล่อลากดินแถมรวยล้นฟ้าขนาดนี้ จะใจแข็งไหวอยู่เหรอเพื่อน ถ้าน้องมาร์คของฉันเขาสนใจแกจริงๆ แล้วยังตะกี้นี้อีก ซีนพ่อแง่แม่งอนอะไรกันจ๊ะ”
“พ่อแง่แม่งอนอะไรเล่า มันน่าโมโหไหมล่ะ ฉันอุตส่าห์ช่วยเขาแท้ๆ แต่เจอหน้าปุ๊บกลับมาว่าฉันทำตัวเสี่ยงอันตราย”
“ฉันว่าเขาดุเพราะเป็นห่วงแกมากกว่า แต่แกก็บ้าดีเดือดจริงๆ นะ นึกยังไงถึงพุ่งเข้าไปหาลูกปืนแบบนั้น”
“ตอนนั้นมันคิดอะไรไม่ออกนี่ เขามาช่วยฉันตั้งสองครั้ง แล้วฉันก็เห็นเต็มๆ ตาว่าไอ้เลวนั่นจ่อกระบอกปืนไปทางเขา แกจะให้ฉันยืนดูเฉยๆ หรือไง ฉันไม่ทันได้คิดอะไร รู้ตัวอีกทีขาฉันมันก็พุ่งไปแล้ว”
“โชคดีนะแกที่กระสุนไม่โดนจุดสำคัญ ถือว่าฟาดเคราะห์ไปก็แล้วกัน หรือคิดอีกทางก็อาจเป็นพรหมลิขิต”
“พรหมลิขิตท่ามกลางลูกปืนแบบนี้อะนะ เชิญแกฝันหวานไปคนเดียวเถอะ ฉันไม่เอาด้วยหรอก”
“โอเค ไม่เอาก็ไม่เอา ฉันไปอาบน้ำก่อนละกัน แกก็นอนพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เผื่อจะได้ตื่นแต่เช้าโทรแจ้งข่าวที่บ้านแก” เนตรดาวก้าวเข้าไปดึงผ้าห่มห่มให้คนเจ็บบนเตียง แล้วหยิบถุงเสื้อผ้าที่เมฆาสั่งคนเตรียมมาให้เข้าห้องน้ำไป