ตอนที่ 7

2364 คำ
บนชั้นสองบริเวณโต๊ะวีไอพีที่มองลงมาเห็นบรรยากาศด้านล่างอย่างชัดเจน สามหนุ่มเมฆา วรภพ และจิราวัฒน์นั่งดื่มอยู่ด้วยกัน แต่สองหนุ่มสังเกตเห็นว่าเพื่อนมองลงไปด้านล่างบ่อยๆ จึงมองตามไป แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเพื่อนกำลังมองใครอยู่ “เอ๊ะ นั่นมัน…” วรภพยังไม่ทันพูดจบจิราวัฒน์ก็พูดแทรกขึ้นมาทันที “คุณนางฟ้าจำแลงที่เราเจอที่ห้างวันนั้นนี่หว่า” “ใช่ โลกกลมจริงๆ ว่ะ” วรภพพึมพำขณะมองสายตาของเพื่อนที่ยกแก้วขึ้นจิบ ขณะที่สายตาไม่คลาดจากด้านล่างแม้แต่น้อย “เห็นสายตามึงแล้วกูกับไอ้วีคงต้องยกธงขาวสินะ” จิราวัฒน์กล่าว เพราะไม่เคยเห็นเพื่อนมองผู้หญิงคนไหน ด้วยสายตาแสดงความปรารถนาอย่างแรงกล้าขนาดนี้มาก่อน “ก็คงต้องอย่างนั้น เพราะกูไม่อยากให้มึงสองคนกลายเป็นศัตรู” เมฆาพูดนิ่งๆ แต่น้ำเสียงจริงจังจนวรภพและ จิราวัฒน์รู้ว่านี่ไม่ใช่การพูดเล่น “โอ้โห เอาจริงเว้ย ไม่ต้องทำเสียงโหดขนาดนั้นก็ได้โว้ยไอ้มาร์ค แค่มึงแสดงออกว่าเครซี่เขาขนาดนี้พวกกูสองคนก็ถอยให้แล้ว นานๆ จะเห็นมึงคลั่งรักสักที” “รักอะไร แค่อยากได้” “เออ พวกกูจะคอยดู อย่าพลาดแล้วกันมึง” วรภพและจิราวัฒน์หันไปยักคิ้วให้กัน ก่อนจะมองตามสายตาเพื่อนลงไป “ว่าแต่ผู้หญิงที่เต้นอยู่ข้างๆ เป้าหมายของมึงนี่หน้าคุ้นๆ นะ” “พี่เนตร พยาบาลพิเศษของย่ากูเอง” “เออใช่ กูเคยเจอตอนไปเยี่ยมย่ามึงที่โรงพยาบาล ถ้าเขาเป็นเพื่อนคุณเนตร งั้นก็แสดงว่าเขาเป็นรุ่นพี่เราน่ะสิ” “รุ่นพี่แล้วไง ใครแคร์” เมฆายักไหล่อย่างไม่สนใจเรื่องอายุเลยสักนิด เขาไม่เคยแคร์ว่าคนที่คบจะอายุเท่าไหร่ เพราะไม่เคยใส่ใจจริงจัง ต่างคนต่างสนุกแล้วแยกย้าย ต่อให้อนาคตต้องแต่งงานมีครอบครัว เขาก็ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะอายุมากหรือน้อยกว่า แค่คุยกันเข้าใจก็เพียงพอแล้ว “โอ้โหเว้ย คราวนี้ไอ้มาร์คมันคิดจะข้ามรุ่นเว้ยไอ้เจ” วรภพหันไปหาลูกคู่อย่างจิราวัฒน์ที่เข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย “ร้ายกาจ แต่เอาจริงอายุก็ไม่สำคัญหรอก เพราะตอนนอนบนเตียงก็เท่ากันอยู่ดี” จิราวัฒน์ตอบแล้วสามหนุ่มก็หัวเราะออกมาอย่างขบขัน “ยังไงก็ถนอมๆ เขาหน่อยนะโว้ยไอ้มาร์ค เห็นสายตามึงที่จ้องเขาแล้วกูขนลุกไงไม่รู้” “ไอ้บ้า กูไม่ใช่พวกซาดิสต์” “เออ แต่กูกลัวมึงจะคลั่งรักจนลืมตัว ก็เลยเตือนไว้ก่อน เฮ้ย! นั่นมันไอ้…” วรภพอุทานออกมาเมื่อเห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งที่เขาคุ้นตาเดินเข้าไปหาเป้าหมายของเพื่อนแล้วมีท่าทีคุกคาม ในขณะที่ฝ่ายหญิงพยายามบ่ายเบี่ยง เมฆาหันไปมองตามสายตาเพื่อนและลุกพรวดขึ้นทันที “ฉิบหายแล้วไอ้วี มึงไปเรียกการ์ดมาเลย งานนี้ยับแน่” จิราวัฒน์ที่มองเห็นชัดเจนแล้วว่าผู้ชายที่กำลังคุกคามเป้าหมายของเพื่อนเป็นศัตรูคู่อาฆาตที่กำลังมีประเด็นกันอยู่ จึงรีบสั่งให้เพื่อนไปตามการ์ดและรีบวิ่งตามลงไปทันที “กรุณาถอยไปด้วยค่ะ” พลอยขวัญถอยหนีชายหนุ่มแปลกหน้าที่เธอไม่รู้จัก ที่จู่ๆ ก็เดินเข้ามาขอเต้นด้วย เมื่อเธอปฏิเสธก็พูดจาไม่ให้เกียรติและพยายามจะถึงเนื้อถึงตัว “นี่คุณ บอกให้ถอยไปไงคะ” เนตรดาวเข้ามาช่วยเพื่อนด้วยการตะโกนบอกกับชายแปลกหน้า ท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม แต่อีกฝ่ายก็ไม่ถอยเลยสักนิด “ฉันไม่ได้พูดกับเธอ ถอยออกไป” กรวิทย์ผลักเนตรดาวทำให้พลอยขวัญผลักอีกฝ่ายคืนด้วยความโมโหที่เขาทำกิริยาไม่ดีกับเพื่อนตัวเอง “หยุดเดี๋ยวนี้นะ อย่ามาแตะต้องเพื่อนฉัน” “งั้นแตะคุณคนสวยแทนได้ใช่ไหม” กรวิทย์คว้าหมับเข้าที่ต้นแขนของพลอยขวัญและกระชากเข้าหาตัว ตอนนั้นเองที่พลอยขวัญรู้สึกว่าร่างของเขาถูกกระชากอย่างแรงออกจากเธอ รู้ตัวอีกทีเขาก็ล้มลงไปกองกับพื้นแล้ว บรรดานักเที่ยวพากันแตกฮือและขยับหนีออกห่างเพราะกลัวโดนลูกหลง “ใครวะ” กรวิทย์ฮึดฮัดและรีบลุกขึ้นยืนด้วยความอับอาย ยิ่งมองไปรอบๆ แล้วเห็นว่าบรรดานักเที่ยวพากันมองเขาแล้วหันไปซุบซิบกัน ก็ไม่ต่างจากน้ำมันที่ราดลงบนกองเพลิง “ไอ้มาร์ค มึงอีกแล้วเหรอ มึงจะจองล้างจองผลาญกูไปถึงไหน กูขอเตือนว่าอย่ามาเสือกเรื่องของกู” “มึงมากกว่ามั้งที่ตามจองล้างจองผลาญกู ทั้งๆ ที่กูอยู่ของกูเฉยๆ หมาลอบกัดอย่างมึงมันก็ทำได้เท่านั้นแหละ” “ไอ้มาร์ค” กรวิทย์ทำท่าจะกระโจนเข้ามาหาเมฆาแต่ถูกเพื่อนๆ รั้งเอาไว้ “มึงพูดเรื่องอะไร มึงอย่ามาใส่ร้ายกู” “เดี๋ยวก็รู้ว่ากูพูดจริงไหม” “มึงอย่าคิดว่าพ่อมึงใหญ่แล้วคิดจะกวนตีนใครก็ได้นะ ไอ้มาร์ค” “เรื่องนั้นมึงบอกตัวเองดีกว่ามั้ง ลูกแหง่ที่หลบอยู่ใต้ร่มเงาของพ่อให้พ่อคอยตามแก้ปัญหาให้ตลอด บอกตรงๆ กูเห็นแล้วสมเพชว่ะ ไอ้กระจอกที่ดีแต่ผลาญเงินพ่อแม่แล้วรังแกผู้หญิงไปวันๆ อย่างมึงเนี่ย มันไม่คู่ควรจะเป็นคู่ต่อสู้กับกูเลยสักนิด นี่คือเหตุผลที่กูพยายามเลี่ยงมาตลอด เพราะทะเลาะกับมึงมันเสียศักดิ์ศรีฉิบหาย แต่วันนี้กูเลี่ยงไม่ได้เพราะมึงมายุ่งกับผู้หญิงของกู” “ไอ้สัตว์มาร์ค มึง” กรวิทย์ดิ้นหลุดจากเพื่อนที่จับเอาไว้ แล้วกระโจนเข้าใส่เมฆาด้วยความโกรธสุดขีด ผสมกับอารมณ์มึนเมาทำให้บ้าดีเดือดกว่าปกติ เมื่อมือที่ถูกพันธนาการไว้เป็นอิสระ กรวิทย์ก็คว้าเอาขวดเบียร์ที่อยู่บนโต๊ะใกล้ๆ ฟาดกับขอบโต๊ะจนแตกเป็นปากฉลามแล้วพุ่งเข้าหาเป้าหมายทันที เมฆาหลบทันและเตะจนปากฉลามหลุดจากมือยิ่งทำให้กรวิทย์คลั่งหนักกว่าเดิม ทั้งสองฟัดกันชุลมุนโดยมีบรรดาเพื่อนๆ กันเชิงเพื่อนของอีกฝ่ายไว้ไม่ให้เกิดการรุม แต่ช่วงที่เมฆาเผลอเพราะพะวงห่วงคนตัวเล็กที่เขาดึงให้มาหลบด้านหลัง กรวิทย์ที่บ้าดีเดือดจนคุมสติไม่อยู่ก็ทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด ชายหนุ่มดึงปืนที่เหน็บอยู่ที่เอวออกมาแล้วเล็งไปที่เมฆาทันที “คุณ ระวัง!” ปัง ปัง ปัง! พลอยขวัญตะโกนเตือนผู้ชายที่มาช่วยเธอเอาไว้ และเมื่อเห็นว่าเขากำลังจะถูกยิงต่อหน้าต่อตา เธอก็กระโจนเข้าไปผลักเขาให้พ้นวิถีกระสุน แต่โชคร้ายทำให้เธอโดนคมกระสุนถากแขนเสียเอง “กรี๊ด!” เสียงกรีดร้องดังระงมพร้อมกับการ์ดของผับที่เข้ามาจับกรวิทย์ที่คลุ้มคลั่งถึงขีดสุดเอาไว้ ถึงตอนนี้บรรดาเพื่อนๆ ที่มากับกรวิทย์ก็พร้อมใจกันทิ้งไปทันที เพราะไม่อยากติดร่างแหไปด้วย “ปล่อยกู ปล่อย” กรวิทย์พยายามดิ้น แต่ไม่สามารถหลุดจากการเกาะกุมของการ์ดร่างยักษ์หลายคนไปได้ “กรี๊ด พลอย พลอยถูกยิง” เนตรดาวกรีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อเห็นเลือดของเพื่อนไหลออกมาจากไหล่จนเปรอะเปื้อนไปทั้งแขน “ไอ้สัตว์เอ๊ย” เมฆาโกรธจนแทบจะฆ่ากรวิทย์ให้ตายคามือ แต่เพราะห่วงคนที่ไม่ได้สติในอ้อมแขน ทำให้ต้องข่มใจเอาไว้ก่อน “ไอ้วี ไอ้เจ พวกมึงไปเอารถมา กูจะพาเขาไปโรงพยาบาล” วรภพกับจิราวัฒน์รีบทำตามคำสั่งเพื่อนทันที เมฆาช้อนร่างที่ไม่สติขึ้นแล้วเดินออกไปด้านหน้าผับ โดยมีเนตรดาวตามไปติดๆ หัวใจของเขามันร้อนรนด้วยความเป็นห่วงคนในอ้อมแขนยิ่งนัก เนตรดาวที่เรียกสติตัวเองกลับมาได้แล้ว รีบทำการปฐมพยาบาลเพื่อนเบื้องต้นด้วยการควานหาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ามากดห้ามเลือดที่ต้นแขนเพื่อนเอาไว้ “พลอย ทำใจดีๆ ไว้นะ เดี๋ยวก็ถึงโรงพยาบาลแล้วพลอย พลอย” เนตรดาวเรียกเพื่อนที่แน่นิ่งอยู่ในอ้อมกอดเมฆาทั้งน้ำตา “พลอย ได้ยินผมไหม ทำใจดีๆ ไว้นะ คุณต้องไม่เป็นไรนะ ผมจะพาคุณไปหาหมอเอง” เมฆาเรียกชื่อคนที่ไม่ได้สติในอ้อมแขนตามที่เนตรดาวเรียก และเมื่อเพื่อนนำรถมาจอดเขาก็อุ้มพลอยขวัญขึ้นไปบนรถทันที โชคดีที่มีโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังอยู่ไม่ไกล ทำให้ส่งคนเจ็บถึงมือหมอได้อย่างรวดเร็ว ทั้งหมดนั่งลงที่เก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉินเพื่อรอฟังข่าวอย่างใจจดจ่อ เนตรดาวกุมมือตัวเองแน่นพร้อมภาวนาให้เพื่อนไม่เป็นอะไร เธอไม่กล้าแม้แต่จะโทรบอกที่บ้านของพลอยขวัญ เพราะกลัวว่าพวกท่านจะตกใจ “พรุ่งนี้เป็นข่าวใหญ่แน่ คราวนี้เป็นการตอกฝาโลงไอ้กายไม่ได้ผุดได้เกิดแน่ ลำพังแค่เรื่องคดีบงการวางเพลิงที่แกกำลังจะให้ทนายจัดการ ก็ทำมันฉาวโฉ่ไปทั้งเมือง คราวนี้เจอข้อหาพยายามฆ่าอีกกระทงมันจบเห่แน่” วรภพออกความเห็น “เมื่อกี้พี่เบสโทรมาบอกว่าเตรียมหลักฐานกล้องวงจรปิดให้พร้อมแล้ว และพร้อมจะให้ความช่วยเหลือในการดำเนินคดีเต็มที่ ถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกเขาได้เลย” จิราวัฒน์กล่าวถึงรุ่นพี่ที่มีความสนิทสนมกันและเป็นเจ้าของสถานบันเทิงที่เกิดเรื่องด้วย “กูจะใช้ทุกอย่างที่กูมีเล่นงานมันให้ถึงที่สุด” เมฆากล่าวด้วยน้ำเสียงลอดไรฟัน วรภพและจิราวัฒน์รู้ดีว่าเพื่อนกำลังโกรธจัด “กูว่าคงไม่ต้องรอถึงพรุ่งนี้แล้วล่ะ” จิราวัฒน์ยื่นโทรศัพท์ให้เพื่อนทั้งสองดูว่า ขณะนี้คลิปเหตุการณ์ยิงกันในผับกำลังว่อนไปทั่วโซเชียล พร้อมคำอธิบายเหตุการณ์อย่างละเอียด รวมถึงชื่อผู้ก่อเหตุและคู่กรณีอย่างเพื่อนตัวเองด้วย พูดไม่ทันขาดคำเสียงโทรศัพท์ของเมฆาก็ดังขึ้น ไม่ต้องเดาว่าใครเพราะขึ้นว่าชื่อมีหูตาเป็นสัปปะรดย่อมไม่พ้นบิดาของเพื่อนอย่างแน่นอน “ผมไม่เป็นไรครับป๊า ครับ พี่เบสบอกว่าส่งตัวมันให้ตำรวจแล้วครับ ฝากด้วยครับป๊า ผมขออยู่ดูอาการพลอยเอ่อ…คนเจ็บที่ช่วยผมก่อนนะครับ ครับ ขอบคุณครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะแวะเข้าไปหาที่บ้านครับ” เมฆากดวางสายจากบิดาท่านอาสาจัดการเรื่องที่โรงพักให้เอง ด้วยวิธีของท่านที่จะทำให้ไอ้ชั่วนั่นไม่ได้รับการประกันตัว “ป๊าว่าไงมั่งวะ” จิราวัฒน์ถามด้วยความสงสัย “ท่านโทรมาถามว่ากูเป็นอะไรหรือเปล่า แล้วก็อาสาจัดการเรื่องที่โรงพักให้” “ป๊ามึงออกโรงเองแบบนี้ กูว่าไอ้กายชะตาขาดแน่นอน แม้แต่บารมีพ่อมันก็ช่วยไม่ได้” “ช่วยไม่ได้ บังอาจมาแตะลูกชายคนเล็กสุดหวงของตระกูลสุริยาพิทักษ์ ต่อให้ป๊ามึงไม่ออกโรงมันก็ต้องเจออิทธิฤทธิ์ของมาดามมีนาแน่นอน แค่คิดกูก็เสียวสันหลังแล้วว่ะ” วรภพทำท่าขยาดเพราะรู้จักอิทธิฤทธิ์มาดามมีนามารดาของเพื่อนดีว่าท่านรักและหวงลูกชายคนเล็กแค่ไหน และถ้าไม่ร้ายจริงคงไม่ปราบคุณมานพบิดาของเพื่อนได้อยู่หมัด เพราะก่อนหน้าที่จะแต่งงาน ท่านเคยเป็นคนที่เจ้าชู้มากมาก่อน แต่พอแต่งงานก็อยู่ในโอวาทไม่เคยวอกแวกไปยุ่งกับผู้หญิงคนไหนอีกเลย เรื่องนี้เขาทราบมาจากบิดามารดาของตัวเอง ที่เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันกับบิดาของเพื่อน และรู้จักสนิทสนมกันมาตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น “คราวนี้กูจะฝังกลบมันให้จมดินไม่ให้มันมากวนใจได้อีก” วรภพและจิราวัฒน์ลอบสบตากันและเป็นวรภพที่เอนกายเข้ามากระซิบถามเพื่อน เพราะเกรงว่าเนตรดาวที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ห่างออกไปจะได้ยิน “ถามจริง ที่โกรธขนาดนี้ เพราะมันคิดจะยิงมึง หรือเพราะว่ามันมาลวนลามคุณคนสวยวะ” “ทั้งสองอย่าง แต่มึงเลิกเรียกเขาแบบนั้นสักทีเถอะ เขาชื่อพลอย” “เออ พลอยก็พลอย แหม…แค่เรียกคุณคนสวยแค่นี้ก็ไม่ได้ หวงเหรอ” วรภพแกล้งแหย่ แต่นอกจากจะไม่ได้คำตอบแล้ว ยังได้สายตาพิฆาตอันเป็นสัญญานเตือนว่า ขืนกวนต่อไปจะได้บาทาตอบแทน วรภพจึงเลิกแหย่ “เดี๋ยวกูกับไอ้เจไปหากาแฟกินก่อนนะ” “มึงสองคนกลับไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวกูอยู่รอดูอาการเขาเอง” “ไม่เป็นไร ให้พวกกูอยู่เป็นเพื่อนดีกว่า” “ไม่ต้องหรอก คืนนี้ไม่มีอะไรแล้ว พวกมึงกลับไปพักเหอะ” “เอางั้นเหรอ แล้วมึงจะกลับยังไง อย่าบอกนะว่ามึงจะอยู่เฝ้าคุณคนสวย เอ๊ย…คุณพลอยน่ะ” “เออ” “ใจเย็นเพื่อน เพื่อนเขาก็อยู่ เขาคงไม่ยอมให้ผู้ชายแปลกหน้ามาเฝ้าเพื่อนเขาหรอก ถึงเขาจะรู้จักมึงมาก่อนก็เถอะ” “นั่นมันเรื่องของกูน่า มึงสองคนกลับไปได้แล้ว” “เออ ไม่ต้องไล่หรอก ยังไงมึงก็ไม่ได้อยู่กับคุณพลอยสองต่อสองหรอก เพื่อนเขาอยู่ทั้งคน” วรภพอดไม่ได้ที่จะแกล้งแหย่อีกรอบ ก่อนจะหันไปชวนจิราวัฒน์กลับบ้านพร้อมกัน “ไปโว้ยไอ้เจ พวกเรามันหมดประโยชน์แล้ว” จิราวัฒน์ลุกขึ้นยืนตามคำชวนของเพื่อนก่อนจะหันไปบอกลาเมฆา “ไปก่อนนะไอ้มาร์ค มีอะไรก็โทรมานะ” “เออ ขอบใจ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม