บทที่ 08 คนแรก

1566 คำ
"เรนมีอะไรหรือเปล่า จ้องเค้กไม่หยุดเลยนะ" หญิงสาวที่นั่งทานข้าวชะงักกับสายตาที่จดจ้องตลอดเวลา เธอสัมผัสได้ว่ามีอะไรแปลกไป ทั้งที่รู้จักและเป็นเพื่อนกับเขามาเกือบ 6 ปี ทำไมถึงจะดูไม่ออก "ไม่มีอะไร วันนี้ตรวจคนไข้เป็นยังไงบ้างครับ" ไคเรนเผยยิ้มอ่อน ๆ แล้วก้มหน้าทานข้าวตามปกติ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผิดกับความในใจที่เหมือนจะมีอะไรคืบแคลงแต่ก็ไม่กล้าถามออกไปตามตรง "ก็ปกตินะ เคสธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ" หมอสูติพยักหน้าว่างั้น "ดีแล้วครับ" "แปลกจัง ปกติเรนไม่เคยถามแบบนี้ ต้องมีอะไรแน่นอน" หมอเค้กวางช้อนพร้อมหรี่ตามองเพื่อนสนิทอย่างจับผิด ใบหน้าที่ดูราบเรียบสำหรับคนอื่นอาจจะไม่สงสัย แต่สำหรับหมอเค้กที่ใส่ใจหมอไคเรนมากกว่าคนอื่น ๆ มองแค่แวบเดียวก็รู้ว่ามันมีอะไรมากกว่านั้นแน่นอน "พนักงานที่แกลอรี่ผมเป็นยังไงบ้างครับ มีอะไรร้ายแรงหรือเปล่า" สุดท้ายไคเรนก็ตัดสินใจที่จะถามคำถามที่ติดอยู่ในใจ "อ๋อ…คุณเฌอแตมน่ะเหรอ ก็ไม่มีอะไรนะ ไม่มีอะไรร้ายแรง" "ครับ" เท่านั้นก็ทำไคเรนพยักหน้าเข้าใจ "ขอโทษนะ เค้กบอกอะไรเรนมากกว่านี้ไม่ได้ มันเป็นข้อมูลของคนไข้ที่เค้กไม่สามารถเปิดเผยได้" หมอเค้กทำหน้าเศร้าลง "ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจจรรยาบรรณคนเป็นหมอแบบเรา" แต่ในฐานะที่เขาเองก็เป็นหมอเหมือนกัน แน่นอนว่าเขาเข้าใจมากว่าข้อมูลของคนไข้นั้นสำคัญมากแค่ไหน บอกออกไปก็เท่ากับทำผิดต่อจรรยาบรรณที่เคยให้คำมั่นก่อนเรียนจบ และเขาก็จะไม่คาดคั้นหรือกดดันเพื่อให้อีกคนต้องฝ่าฝืน หมอไคเรนเก็บความสงสัยไว้ในใจแล้วนั่งทานข้าวกับเพื่อนสนิทสมัยเรียนต่อ ก่อนจะหมดเวลาพักก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ใครหน้าที่มันจนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงเวลางานอันเป็นที่รักก็จบลง ครืดดดด ๆ คนพักสายตาในห้องตรวจเริ่มลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมา แล้วยกยิ้มพร้อมรีบกดรับสายใครบางคนที่โทรเข้าตรงเวลาพอดี "คิดถึงนาน่าจังครับ" นาน่าแม่เลี้ยงที่เขายกให้เธอเป็นมากกว่าคนสำคัญในชีวิต คนที่เลี้ยงดูเขาด้วยความรักจนเติบโตมาเป็นคนประสบความสำเร็จทุกวันนี้ (รับสายก็อ้อนเลยนะ) ปลายสายยังคงเสียงหวานปนใจดีเหมือนเดิม คนที่ทำให้ไคเรนฟังเสียงทีไรก็หายเหนื่อยทุกที "ผมไม่ได้อ้อน แต่ผมคิดถึงนาน่าจริง ๆ" (นาน่าก็คิดถึงไคเรน ช่วงนี้เห็นไคเลอร์บอกว่าลูกทำงานหนัก) ไคเลอร์น้องชายต่างแม่ที่อายุห่างกันหกปี แต่สนิทกันมากจนสามารถบอกความลับทุกอย่าง แต่ก็ไม่คิดว่าน้องชายจะบอกเรื่องนี้กับแม่จนทำให้เธอต้องเป็นห่วงไปด้วย "นิดหน่อยครับ ช่วงนี้แกลอรี่ใกล้จะจัดนิทรรศการแล้ว มีอะไรต้องจัดการหลายอย่างครับ" ช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาเข้าแกลอรี่ทุกวันเป็นการทำลายสถิติใหม่ทั้งหมด โดยใช้เหตุผลคือการไปทำงานที่ชอบอีกหนึ่งอย่าง แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่านั้นคือเหตุผลจริงแท้แค่ไหน (ตอนเย็นนาน่าส่งตัวแทนเอาอาหารเย็นไปให้นะคะ เป็นหมอนอกจากดูแลคนอื่นก็ต้องดูแลตัวเองด้วยเข้าใจไหมคะ) คนเป็นแม่ทำให้เขาเผยยิ้ม ผู้หญิงคนที่เขารักมากที่สุดในชีวิตจากวันนั้นสู่วันนี้มันก็ยังคงเป็นอย่างนั้น "เข้าใจแล้วครับ ไว้ผมมีเวลาจะรีบกลับไปกอดนะครับ ผมรักนาน่านะ" (นาน่าก็รักไคเรนครับ) หลังจากกดวางสายไคเรนก็ยังยิ้มกว้างไม่หยุด มันเป็นเรื่องปกติสำหรับครอบครับเขาที่สอนให้แสดงความรัก รู้สึกอย่างไรก็พูดอย่างนั้น มีอะไรไม่สบายใจครอบครัวเหมือนเป็นเซฟโซนให้ทุกอย่าง ไคเรนเติบโตมาอย่างดีกับการเลี้ยงดูที่ดีที่สุด ให้ความรักความอบอุ่นจนทำให้เขากลายเป็นคนเพียบพร้อมในทุก ๆ ด้าน … … เสียงออดหน้าประตูดังขึ้นให้คนที่กำลังนั่งอ่านเอกสารวางทุกอย่างลง แล้วลุกขึ้นไปดูหน้าจอที่สามารถมองเห็นคนข้างนอกจึงเห็นชายที่มีใบหน้าคล้ายกันกำลังยืนโบกมือบาย ๆ ให้กับกล้องหน้าประตูพร้อมแจกรอยยิ้มสดใส "สวัสดีพี่ชาย" ทันทีที่เปิดประตูเสียงสดใสของไคเลอร์ก็รีบทักทาย ชูสองมือที่เต็มไปด้วยของกินที่คนเป็นแม่ฝากมามากมายแล้วแทรกตัวเข้าไปในห้องอย่างที่มักจะทำ "ขอโทษที่ช้าครับ รถติดมาก เดี๋ยวผมเทใส่จานเลยนะ ตอนนี้หิวสุด ๆ" ไคเลอร์ไม่รอให้ใครอนุญาตก็รีบจัดอาหารใส่จานในทันที โดยมีไคเรนเป็นคนช่วย พี่ชายแสนดีแบบเขาไม่มีครั้งไหนที่จะขัดใจน้องชาย "แล้วทำไมไม่ทานพร้อมที่บ้าน ทานอาหารไม่ตรงเวลามันไม่ดีรู้หรือเปล่า" ไคเรนบ่นตามประสาคนเป็นหมอ แต่หารู้ไม่ว่าตนเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน "คนอย่างผมไม่เป็นอะไรง่าย ๆ หรอก เป็นห่วงตัวเองนั้นแหละ ทำงานก็เยอะ ข้าวก็ไม่ค่อยจะกิน พักผ่อนก็ไม่พอ นี่ดีนะที่ผมไม่บอกแม่ ไม่งั้นพี่โดนแม่ดุแน่" "อย่าบอกนาน่า พี่ไม่อยากให้เธอเป็นห่วง อีกอย่างพี่เป็นหมอ พี่ดูแลตัวเองได้" "ผมรู้หนา แต่มันจะดีกว่านี้ไม่ใช่เหรอถ้ามีคนที่จะมาดูแลพี่กลับบ้าง เมื่อไหร่จะมีแฟนมาดูแลให้ผมหายเป็นห่วงสักทีล่ะครับ" พี่ชายของเขามัวแต่ดูแลคนอื่นไปเรื่อย แต่กับชีวิตของตัวเองกลับไม่เคยให้ความสำคัญ เป็นสิ่งเดียวที่เขาน่าเป็นห่วง อะไรที่พอจะดูแลเขาได้ไคเลอร์จึงอาสาอยากทำ ตอบแทนที่เขาเป็นพี่ชายที่ดีตลอดมา "เลิกพูดมากแล้วรีบทานข้าวเถอะ" ไคเรนรีบเปลี่ยนเรื่องโดยการยกอาหารไปไว้ที่โต๊ะ ตักข้าวสวยสองจานพร้อมนั่งทานกันสองคนพี่น้อง แต่มีหรือที่คนอย่างไคเลอร์จะปล่อยผ่านไปง่าย ๆ "สรุปแล้วเรื่องผู้หญิงยิ้มสวยเป็นยังไงบ้างครับ" "…" ไคเรนเงยหน้ามองน้องชายแต่ไม่ยอมพูดอะไร "ก็ผู้หญิงที่ผับที่พี่เคยเล่าให้ผมฟังไง คนที่เป็นคนแรกของพี่" ใช่…ผู้หญิงที่ไคเลอร์กำลังพูดถึงคือเฌอแตม แน่นอนว่าคนที่ไม่เคยมีความลับกับน้องชายก็เล่าเรื่องนี้กับเขาเหมือนกัน "พี่ไม่เคยบอกว่าเธอยิ้มสวย รู้ได้ยังไง" "ก็…วันนั้นเพื่อนผมเป็นบาร์เทนเดอร์" ไคเลอร์ยิ้มแห้ง ๆ ยอมรับว่าเขาก็เคยคุยเรื่องนี้กับเพื่อน ไคเรนส่ายหัวเบา ๆ เรื่องสืบใครเป็นใครต้องยกให้น้องชายเลย โดยเฉพาะเรื่องของเขาที่ถึงปิดบัง น้องชายก็จะหาทางของเขาเพื่อตามหาความจริงด้วยตัวเอง "สรุปยังไงครับ หาตัวเจอหรือยัง ผมช่วยหาได้นะ" "เจอแล้ว" เพียงคำตอบสั้น ๆ ของพี่ชายก็ทำเขาตาลุกวาวอย่างตื่นเต้น "จริงเหรอครับ!?" "อือ เป็นภัณฑารักษ์คนใหม่เพิ่งเข้ามาทำงานที่แกลอรี่ WHITE COAT" "เชี้ย…พรหมลิขิตชัด ๆ" "พรหมลิขิตอะไร" "ก็พี่ชอบเธอไม่ใช่เหรอ ไม่งั้นคงไม่ยอมให้เธอเป็นคนแรกหรอก" "…" ไคเรนนิ่งเงียบ ใบหน้าราบเรียบจนไคเลอร์ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร "ไม่ใช่เหรอ หรือพี่คิดกับเธอแค่วันไนท์" "เปล่า" "แล้วทำไมไม่บุกเลยล่ะครับ" ไคเลอร์คิ้วขมวด ทั้งที่ชอบแล้วทำไมไม่จีบ "เหมือนเธอจะกลัวพี่มากกว่า พี่รู้สึกเหมือนเธอพยายามหนีพี่ตลอดเวลา" "คิดไปเองหรือเปล่าครับ ฟังจากที่เล่า เธอดูไม่ใช่ผู้หญิงที่มองเรื่องวันไนท์แสตนด์เป็นเรื่องทั่วไปนะครับ" "แค่ฟังก็รู้เลยเหรอ รู้ได้ยังไง?" อยู่ ๆ คนที่ตกเป็นประเด็นก็กลายเป็นไคเลอร์เสียอย่างนั้น พี่ชายหรี่ตามองเขาอย่างจับผิดไม่หยุด เล่นเอาเขารีบหลบสายตาแล้วหาทางปฏิเสธอย่างร้อนตัว "ปะ เปล่า ผมก็แค่ลองเดา ๆ ดู" "จริงเหรอ?" "ทะ ทานข้าวดีกว่าครับ กับข้าวชืดหมดแล้ว" แล้วอิริยาบถก็ถูกเปลี่ยนไปด้วยคนที่พยายามปกปิดความผิดของตัวเอง ส่วนเรื่องของเขาก็ถูกไคเลอร์ลืมไปเสียสนิท และมันก็ดีแล้วเพราะเขาเองก็ยังหาคำตอบที่ชัดเจนไม่ได้ มีหลายอย่างที่ยังติดอยู่ในใจและคิดว่าคงต้องหาคำตอบเรื่อย ๆ อย่างไรเสียเธอก็หนีเขาเหมือนวันนั้นไม่ได้อีกแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม