“โชคเข้าข้างเราแล้ว”หญิงสาวโผเข้ากอดชายหนุ่มด้วยความดีใจเมื่อเรือลำเล็กสามารถพาพวกเขาข้ามฝั่งมาได้อย่างปลอดภัย
“คุณพ่อคุณแม่คะ ทำไมหนูไม่เห็นใครเลย”เมื่อเด็กหญิงมองไปรอบๆแล้วไม่พบใครจึงถามพ่อแม่ด้วยความสงสัย ส่วนหญิงสาวที่ได้ยินดังนั้นจึงได้คืนสติ
“คือฉันดีใจไปหน่อย”หญิงสาวเผยท่าทีเขินอายเมื่อรู้ตัวว่าเผลอทำเรื่องน่าอาย จากนั้นเธอก็เดินไปหาลูกสาว
“ดูจากสภาพเกาะแล้ว ที่นี่น่าจะร้าง”ชายหนุ่มกล่าวกับหญิงสาวและลูกด้วยใบหน้าสิ้นหวัง
“แล้วเราจะทำยังไงกันดี?”
“ตอนนี้เริ่มค่ำแล้ว เราต้องรีบทำที่หลบภัยแล้วก็หาฝืนสำหรับก่อไฟในคืนนี้”
“ก่อไฟงั้นหรอ คือเราจะใช้อะไรก่อไฟ?”
“หลักๆก็ก้อนหินไง ผมเคยดูในสารคดีมันมีหลายวิธีอยู่มันต้องสำเร็จสักวิธีแหละ”
“แล้วฉันพอช่วยอะไรคุณได้บ้าง?”
“คุณไปหาก้านมะพร้าวมา ส่วนผมจะก่อไฟแล้วก็ทำที่หลบภัย”
ในขณะที่หญิงสาวไปหาก้านมะพร้าว ชายหนุ่มก็หาทางก่อไฟด้วยวิธีต่างๆที่เขาเคยดูผ่านวิดีโอ แต่ทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาคิดเพราะไฟไม่ติดแม้ว่าเขาจะลองแล้วทุกวิธี
“สงสัยคืนนี้เราคงต้องนอนแบบหนาวๆ”ชายหนุ่มเผยสีหน้าผิดหวังเมื่อไม่สามารถก่อไฟได้
“ไม่เป็นไร พรุ่งนี้เช้าคงมีคนออกตามหาเรา”หญิงสาวปลอบชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง
“คุณแม่คะน้องปิ่นหิวข้าว”เด็กหญิงเข้าไปหาผู้เป็นแม่แล้วขอข้าวกินโดยที่ไม่รู้เลยว่าบนเกาะที่พวกเขาอยู่นั้นไม่มีแม้แต่น้ำดื่ม
“ทนหิวอีกหน่อยได้มั้ยคะ พอดีตอนนี้เราไม่มีอาหารติดตัวเลย”ผู้เป็นแม่ปลอบลูกสาวด้วยความรู้สึกผิด เพราะตั้งแต่เด็กหญิงเกิดเธอไม่เคยปล่อยให้ลูกน้อยต้องทนหิว
“พรุ่งนี้เช้าพ่อจะไปหาของกินมาให้นะ”คนเป็นพ่อใจแทบสลายเมื่อต้องทนดูลูกหิวแล้วไม่มีอะไรกินแม้แต่น้อย
“ค่ะ”เด็กหญิงไม่มีการงอแง เพียงแต่แสดงสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย
“ค่ำแล้วเราไปนอนกันเถอะ”ผู้เป็นแม่พาลูกสาวเข้านอน
“คุณแม่คะ น้องปิ่นหนาวจังเลย”เมื่อผิวเบาะบางของเด็กหญิงสัมผัสกับใบไม้เย็นบวกกับบรรกาศบริเวณชายหาดที่มีลมพัดตลอดเวลาทำให้ร่างเล็กนอนหนาวสั่นอย่างน่าเวทนา
“นั่นคุณจะทำอะไร”หญิงสาวแสดงท่าทีตกใจเมื่อเห็นชายหนุ่มถอดเสื้อออกแล้วเดินมาที่เธอกับลูก
“ก็ปูที่นอนให้ลูกไง คิดว่าผมจะปล้ำคุณต่อหน้าลูกหรอ?”ชายหนุ่มกระซิบข้างหูหญิงสาวจนเธอขนลุกซู่
“ทำแบบนี้แล้วตัวคุณจะไม่หนาวตายหรอ”
“ผมยอมตายแลกกับได้ปกป้องลูก แล้วคุณหล่าไม่อยากปกป้องลูกบ้างหรอ”ชายหนุ่มส่งสายตาหื่นให้หญิงสาวท่ามกลางแสงสว่างที่ได้จากคืนพระจันทร์เต็มดวง
“จะบ้ารึไงฉันเป็นผู้หญิงนะ ถอดออกเดี๋ยวก็โป๊สิ”
“อ้าว! ก็ยังเหลือชุดฉันใน อีกอย่างบนเกาะนี้ก็ไม่มีคนอยู่”
“ก็มีคุณไง”
“ผมเนี่ยนะ”
“ใช่ คุณนั่นแหละตัวอันตราย”
“แหม ทำเป็นมากลัวผม ทีเมื่อก่อนคุณเป็นคนไปอ่อยผมถึงที่ทำงาน”
“คุณหยุดนะ! หยุดพูดเดี๋ยวนี้”หญิงสาวใช้มือทั้งสองข้างอุดหูตัวเองเพราะไม่อาจทนฟังชายหนุ่มพูดเรื่องน่าอายที่เธอเคยทำไว้ในอดีต
“คุณพ่อหนาวมั้ยคะ?”
“นิดหน่อยค่ะ”
“เรามานอนกอดกันนะคะจะได้ไม่หนาว”
“ค่ะ“พูดจบชายหนุ่มก็ล้มตัวนอนข้างลูกสาว
“นอนได้แล้วนะคะ พรุ่งนี้เราจะออกจากเกาะนี้กัน”ผู้เป็นแม่กล่อมลูกสาวนอนด้วยการตบก้นร่างเล็กที่นอนตะแคงเบาๆเหมือนกับที่เคยทำในทุกๆคืน
“คุณแม่เล่านิทานให้หนูฟังหน่อยได้มั้ยคะ”
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว…..”หญิงสาวเริ่มเล่านิทานและเธอเล่าต่อเรื่อยๆจนกระทั่งเด็กหญิงหลับ
“หลับเถอะเดี๋ยวผมเฝ้าคุณกับลูกเอง”
“จะเฝ้าทำไมก็หลับด้วยกันหมดนี่แหละ”
“ไม่ได้ บนเกาะนี้อาจจะมีสัตว์อันตรายและสัตว์มีพิษโดยเฉพาะงู เกิดลูกโดนงูฉกตายจะทำยังไง”ชายหนุ่มมองดูลูกสาวที่นอนขดตัวอยู่ในอ้อมกอดผู้เป็นแม่ด้วยความหวงแหน
“จริงด้วย งั้นฉันไม่หลับละกลัวคุณเผลอหลับ”
“ผมไม่เผลอหลับหรอก คุณวางใจได้”
“ไม่หลับแน่นะ”
“ไม่หลับแน่นอน”ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ
“งั้นฉันขอหลับก่อนนะ”
ในขณะที่เธอเตรียมจะหลับจู่ๆร่างของลูกสาวก็กระตุกผู้เป็นแม่ที่เห็นดังนั้นก็ตื่นตระหนก
“ลูกน่าจะหนาว”ชายหนุ่มก็คว้าตัวหญิงสาวเข้ามากอดในขณะที่ร่างเล็กของลูกสาวนอนอยู่ตรงกลาง
“คุณจะทำอะไร”
“ก็ให้ความอบอุ่นให้ลูกไง หรืออยากเห็นลูกนอนหนาวตาย”
หญิงสาวที่ได้ยินดังนั้นก็เข้าใจจากนั้นธอก็กอดชายหนุ่มคืน ทั้งสองนอนกอดกันจนเด็กหญิงหายกระตุกแล้วหลับสนิทเมื่อได้รับความอบอุ่นที่ได้จากผู้เป็นพ่อและแม่
“คุณแม่คะหนูหิว”เด็กหญิงตื่นขึ้นมากลางดึกเนื่องจากถูกความหิวรบกวน ส่วนคนเป็นพ่อแม่ที่เห็นดังนั้นก็แทบใจสลาย
“เราจะทำยังไงกันดี”หญิงสาวปรึกษาชายหนุ่มเพราะไม่อาจทนเห็นลูกสาวทนหิวได้อีกต่อไป
“ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเพราะจนปัญญาแล้วเหมือนกัน”ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวด้วยสายตาสิ้นหวัง
“คุณแม่ น้องปิ่นกินนมได้มั้ยคะ”
คำขอของเด็กหญิงทำให้คนเป็นพ่อแม่เผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีความหวัง
“คุณยังพอมีน้ำนมให้ลูกอยู่มั้ย?”ชายหนุ่มถามหญิงสาวด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปไปด้วยความหวัง
“น่าจะมีอยู่เพราะน้องปิ่นเลิกนมตอนสามขวบ จากนั้นแกก็ขอกินอีกเป็นครั้งคราว”หญิงสาวไม่รอช้ารีบถลกเสื้อขึ้น และนั่นจึงเผยให้เห็นเต้าที่ขยายใหญ่จากเมื่อก่อนอยู่ภายใต้บราที่เธอสวมใส่
“ก็ให้เลยสิ”ชายหนุ่มนั่งจ้องหญิงสาวตาไม่กระพริบ
“คุณก็หันหน้าไปที่อื่นก่อนสิ จ้องขนาดนี้ใครมันจะกล้าให้นมลูก”
“โอเคๆผมไม่มองก็ได้”เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาชายหนุ่มรีบหันหน้าไปทางอื่นเพื่อเปิดทางให้หญิงสาวป้อนนมลูกอย่างสบายใจ
“แม่ไม่แน่ใจนะว่าน้ำนมยังจะออกอยู่หรือเปล่่า”หญิงสาวกล่าวในขณะที่เด็กหญิงเริ่มดูดนมแม่ด้วยความหิวโหย
“เป็นไงบ้าง สรุปน้ำนมยังออกอยู่มั้ย”ชายหนุ่มถามหญิงสาวในขณะที่ยังคงหันหน้าไปทางอื่น
“น้ำนมยังพอมีอยู่”เมื่อผู้เป็นแม่เห็นว่าลูกสาวดูดนมไม่หยุดจึงทราบในทันทีว่าน้ำนมของเธอยังคงมีอยู่ ส่วนชายหนุ่มที่ได้ยินดังนั้นก็เผลอร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ
“คุณแม่คะ หนูขอดูดอีกข้าง”เป็นเรื่องปกติที่เด็กหญิงมักจะกินนมสลับข้างไปมา
“กินให้อิ่มเลยนะ กินได้นานเท่าที่อยากกิน”โดยปกตินับตั้งแต่เด็กหญิงหันไปกินนมกล่อง เธอจะให้นมจากเต้าป้อนลูกสาวแบบจำกัดเวลา เพื่อควบคุมไม่ให้เด็กหญิงกลับมาติดเต้าอีกครั้ง แต่ในสถานการณ์เช่นนี้เธอละทิ้งกฎเกณฑ์ทั้งหมดเพื่อปากท้องของลูกสาว
“คุณแม่ หนูอิ่มแล้วค่ะ”เด็กหญิงดูดนมจากผู้เป็นแม่อยู่นานสองนานกว่าจะยอมละจะเต้า
“อิ่มแล้วก็นอนนะ”
“หนูปวดเข้าห้องน้ำ”เมื่อเด็กหญิงกินนมจนอิ่มแล้วก็มีอาการปวดฉี่ขึ้นมาทันที
“มาเดี๋ยวแม่พาไป”ผู้เป็นแม่พาลูกสาวออกไปปัสสาวะตรงบริเวณซึ่งอยู่ห่างไกลจากที่ที่พวกเขาอาศัยโดยมีชายหนุ่มคอยเฝ้าดูอยู่ห่างๆ