ตอนที่16

1431 คำ
“โชคเข้าข้างเราแล้ว”หญิงสาวโผเข้ากอดชายหนุ่มด้วยความดีใจเมื่อเรือลำเล็กสามารถพาพวกเขาข้ามฝั่งมาได้อย่างปลอดภัย “คุณพ่อคุณแม่คะ ทำไมหนูไม่เห็นใครเลย”เมื่อเด็กหญิงมองไปรอบๆแล้วไม่พบใครจึงถามพ่อแม่ด้วยความสงสัย ส่วนหญิงสาวที่ได้ยินดังนั้นจึงได้คืนสติ “คือฉันดีใจไปหน่อย”หญิงสาวเผยท่าทีเขินอายเมื่อรู้ตัวว่าเผลอทำเรื่องน่าอาย จากนั้นเธอก็เดินไปหาลูกสาว “ดูจากสภาพเกาะแล้ว ที่นี่น่าจะร้าง”ชายหนุ่มกล่าวกับหญิงสาวและลูกด้วยใบหน้าสิ้นหวัง “แล้วเราจะทำยังไงกันดี?” “ตอนนี้เริ่มค่ำแล้ว เราต้องรีบทำที่หลบภัยแล้วก็หาฝืนสำหรับก่อไฟในคืนนี้” “ก่อไฟงั้นหรอ คือเราจะใช้อะไรก่อไฟ?” “หลักๆก็ก้อนหินไง ผมเคยดูในสารคดีมันมีหลายวิธีอยู่มันต้องสำเร็จสักวิธีแหละ” “แล้วฉันพอช่วยอะไรคุณได้บ้าง?” “คุณไปหาก้านมะพร้าวมา ส่วนผมจะก่อไฟแล้วก็ทำที่หลบภัย” ในขณะที่หญิงสาวไปหาก้านมะพร้าว ชายหนุ่มก็หาทางก่อไฟด้วยวิธีต่างๆที่เขาเคยดูผ่านวิดีโอ แต่ทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาคิดเพราะไฟไม่ติดแม้ว่าเขาจะลองแล้วทุกวิธี “สงสัยคืนนี้เราคงต้องนอนแบบหนาวๆ”ชายหนุ่มเผยสีหน้าผิดหวังเมื่อไม่สามารถก่อไฟได้ “ไม่เป็นไร พรุ่งนี้เช้าคงมีคนออกตามหาเรา”หญิงสาวปลอบชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง “คุณแม่คะน้องปิ่นหิวข้าว”เด็กหญิงเข้าไปหาผู้เป็นแม่แล้วขอข้าวกินโดยที่ไม่รู้เลยว่าบนเกาะที่พวกเขาอยู่นั้นไม่มีแม้แต่น้ำดื่ม “ทนหิวอีกหน่อยได้มั้ยคะ พอดีตอนนี้เราไม่มีอาหารติดตัวเลย”ผู้เป็นแม่ปลอบลูกสาวด้วยความรู้สึกผิด เพราะตั้งแต่เด็กหญิงเกิดเธอไม่เคยปล่อยให้ลูกน้อยต้องทนหิว “พรุ่งนี้เช้าพ่อจะไปหาของกินมาให้นะ”คนเป็นพ่อใจแทบสลายเมื่อต้องทนดูลูกหิวแล้วไม่มีอะไรกินแม้แต่น้อย “ค่ะ”เด็กหญิงไม่มีการงอแง เพียงแต่แสดงสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย “ค่ำแล้วเราไปนอนกันเถอะ”ผู้เป็นแม่พาลูกสาวเข้านอน “คุณแม่คะ น้องปิ่นหนาวจังเลย”เมื่อผิวเบาะบางของเด็กหญิงสัมผัสกับใบไม้เย็นบวกกับบรรกาศบริเวณชายหาดที่มีลมพัดตลอดเวลาทำให้ร่างเล็กนอนหนาวสั่นอย่างน่าเวทนา “นั่นคุณจะทำอะไร”หญิงสาวแสดงท่าทีตกใจเมื่อเห็นชายหนุ่มถอดเสื้อออกแล้วเดินมาที่เธอกับลูก “ก็ปูที่นอนให้ลูกไง คิดว่าผมจะปล้ำคุณต่อหน้าลูกหรอ?”ชายหนุ่มกระซิบข้างหูหญิงสาวจนเธอขนลุกซู่ “ทำแบบนี้แล้วตัวคุณจะไม่หนาวตายหรอ” “ผมยอมตายแลกกับได้ปกป้องลูก แล้วคุณหล่าไม่อยากปกป้องลูกบ้างหรอ”ชายหนุ่มส่งสายตาหื่นให้หญิงสาวท่ามกลางแสงสว่างที่ได้จากคืนพระจันทร์เต็มดวง “จะบ้ารึไงฉันเป็นผู้หญิงนะ ถอดออกเดี๋ยวก็โป๊สิ” “อ้าว! ก็ยังเหลือชุดฉันใน อีกอย่างบนเกาะนี้ก็ไม่มีคนอยู่” “ก็มีคุณไง” “ผมเนี่ยนะ” “ใช่ คุณนั่นแหละตัวอันตราย” “แหม ทำเป็นมากลัวผม ทีเมื่อก่อนคุณเป็นคนไปอ่อยผมถึงที่ทำงาน” “คุณหยุดนะ! หยุดพูดเดี๋ยวนี้”หญิงสาวใช้มือทั้งสองข้างอุดหูตัวเองเพราะไม่อาจทนฟังชายหนุ่มพูดเรื่องน่าอายที่เธอเคยทำไว้ในอดีต “คุณพ่อหนาวมั้ยคะ?” “นิดหน่อยค่ะ” “เรามานอนกอดกันนะคะจะได้ไม่หนาว” “ค่ะ“พูดจบชายหนุ่มก็ล้มตัวนอนข้างลูกสาว “นอนได้แล้วนะคะ พรุ่งนี้เราจะออกจากเกาะนี้กัน”ผู้เป็นแม่กล่อมลูกสาวนอนด้วยการตบก้นร่างเล็กที่นอนตะแคงเบาๆเหมือนกับที่เคยทำในทุกๆคืน “คุณแม่เล่านิทานให้หนูฟังหน่อยได้มั้ยคะ” “กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว…..”หญิงสาวเริ่มเล่านิทานและเธอเล่าต่อเรื่อยๆจนกระทั่งเด็กหญิงหลับ “หลับเถอะเดี๋ยวผมเฝ้าคุณกับลูกเอง” “จะเฝ้าทำไมก็หลับด้วยกันหมดนี่แหละ” “ไม่ได้ บนเกาะนี้อาจจะมีสัตว์อันตรายและสัตว์มีพิษโดยเฉพาะงู เกิดลูกโดนงูฉกตายจะทำยังไง”ชายหนุ่มมองดูลูกสาวที่นอนขดตัวอยู่ในอ้อมกอดผู้เป็นแม่ด้วยความหวงแหน “จริงด้วย งั้นฉันไม่หลับละกลัวคุณเผลอหลับ” “ผมไม่เผลอหลับหรอก คุณวางใจได้” “ไม่หลับแน่นะ” “ไม่หลับแน่นอน”ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ “งั้นฉันขอหลับก่อนนะ” ในขณะที่เธอเตรียมจะหลับจู่ๆร่างของลูกสาวก็กระตุกผู้เป็นแม่ที่เห็นดังนั้นก็ตื่นตระหนก “ลูกน่าจะหนาว”ชายหนุ่มก็คว้าตัวหญิงสาวเข้ามากอดในขณะที่ร่างเล็กของลูกสาวนอนอยู่ตรงกลาง “คุณจะทำอะไร” “ก็ให้ความอบอุ่นให้ลูกไง หรืออยากเห็นลูกนอนหนาวตาย” หญิงสาวที่ได้ยินดังนั้นก็เข้าใจจากนั้นธอก็กอดชายหนุ่มคืน ทั้งสองนอนกอดกันจนเด็กหญิงหายกระตุกแล้วหลับสนิทเมื่อได้รับความอบอุ่นที่ได้จากผู้เป็นพ่อและแม่ “คุณแม่คะหนูหิว”เด็กหญิงตื่นขึ้นมากลางดึกเนื่องจากถูกความหิวรบกวน ส่วนคนเป็นพ่อแม่ที่เห็นดังนั้นก็แทบใจสลาย “เราจะทำยังไงกันดี”หญิงสาวปรึกษาชายหนุ่มเพราะไม่อาจทนเห็นลูกสาวทนหิวได้อีกต่อไป “ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเพราะจนปัญญาแล้วเหมือนกัน”ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวด้วยสายตาสิ้นหวัง “คุณแม่ น้องปิ่นกินนมได้มั้ยคะ” คำขอของเด็กหญิงทำให้คนเป็นพ่อแม่เผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีความหวัง “คุณยังพอมีน้ำนมให้ลูกอยู่มั้ย?”ชายหนุ่มถามหญิงสาวด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปไปด้วยความหวัง “น่าจะมีอยู่เพราะน้องปิ่นเลิกนมตอนสามขวบ จากนั้นแกก็ขอกินอีกเป็นครั้งคราว”หญิงสาวไม่รอช้ารีบถลกเสื้อขึ้น และนั่นจึงเผยให้เห็นเต้าที่ขยายใหญ่จากเมื่อก่อนอยู่ภายใต้บราที่เธอสวมใส่ “ก็ให้เลยสิ”ชายหนุ่มนั่งจ้องหญิงสาวตาไม่กระพริบ “คุณก็หันหน้าไปที่อื่นก่อนสิ จ้องขนาดนี้ใครมันจะกล้าให้นมลูก” “โอเคๆผมไม่มองก็ได้”เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาชายหนุ่มรีบหันหน้าไปทางอื่นเพื่อเปิดทางให้หญิงสาวป้อนนมลูกอย่างสบายใจ “แม่ไม่แน่ใจนะว่าน้ำนมยังจะออกอยู่หรือเปล่่า”หญิงสาวกล่าวในขณะที่เด็กหญิงเริ่มดูดนมแม่ด้วยความหิวโหย “เป็นไงบ้าง สรุปน้ำนมยังออกอยู่มั้ย”ชายหนุ่มถามหญิงสาวในขณะที่ยังคงหันหน้าไปทางอื่น “น้ำนมยังพอมีอยู่”เมื่อผู้เป็นแม่เห็นว่าลูกสาวดูดนมไม่หยุดจึงทราบในทันทีว่าน้ำนมของเธอยังคงมีอยู่ ส่วนชายหนุ่มที่ได้ยินดังนั้นก็เผลอร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ “คุณแม่คะ หนูขอดูดอีกข้าง”เป็นเรื่องปกติที่เด็กหญิงมักจะกินนมสลับข้างไปมา “กินให้อิ่มเลยนะ กินได้นานเท่าที่อยากกิน”โดยปกตินับตั้งแต่เด็กหญิงหันไปกินนมกล่อง เธอจะให้นมจากเต้าป้อนลูกสาวแบบจำกัดเวลา เพื่อควบคุมไม่ให้เด็กหญิงกลับมาติดเต้าอีกครั้ง แต่ในสถานการณ์เช่นนี้เธอละทิ้งกฎเกณฑ์ทั้งหมดเพื่อปากท้องของลูกสาว “คุณแม่ หนูอิ่มแล้วค่ะ”เด็กหญิงดูดนมจากผู้เป็นแม่อยู่นานสองนานกว่าจะยอมละจะเต้า “อิ่มแล้วก็นอนนะ” “หนูปวดเข้าห้องน้ำ”เมื่อเด็กหญิงกินนมจนอิ่มแล้วก็มีอาการปวดฉี่ขึ้นมาทันที “มาเดี๋ยวแม่พาไป”ผู้เป็นแม่พาลูกสาวออกไปปัสสาวะตรงบริเวณซึ่งอยู่ห่างไกลจากที่ที่พวกเขาอาศัยโดยมีชายหนุ่มคอยเฝ้าดูอยู่ห่างๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม