ค่ำคืนในกรุงเทพฯ เปล่งประกายราวกับอัญมณีต้องแสง โรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาถูกเนรมิตให้กลายเป็นปราสาทในเทพนิยาย ด้วยแชนเดอเลียคริสตัลนับร้อยที่แขวนจากเพดานสูง กลิ่นดอกไม้สดจากเนเธอร์แลนด์ลอยอวล ผสมกับเสียงเปียโนบรรเลงสดที่แผ่วเบา แขกในงานสวมชุดราตรีหรูหรา บรรยากาศเต็มไปด้วยการพูดคุย เสียงหัวเราะ การชนแก้ว และสายตาที่จับจ้องทุกความเคลื่อนไหว
เจ้าสาวยี่หวาในชุดแต่งงานที่ตัดพิเศษจากปารีส กำลังยืนเคียงข้างเจ้าบ่าวชาวรัสเซียที่ดูดีราวนายแบบบนหน้าปก GQ เธอสวยจนเหมือนหลุดมาจากฝันและนั่นเอง…เสียงหนึ่งกระซิบในหมู่แขก
“ใครน่ะ…”
ประตูห้องจัดเลี้ยงเปิดออก น้ำผึ้งก้าวเข้าสู่งานราวกับเทพีแห่งความเย้ายวน แสงจากคริสตัลเหนือศีรษะสะท้อนเข้ากับเนื้อผ้าชุดเดรสยาวเกาะอกสีแดงไวน์เนื้อผ้ากำมะหยี่เนื้อเงาสะท้อนแสงพอดีกับสัดส่วน ช่วงอกเว้าโชว์เนินเนื้อที่ล้นพอดีอย่างจงใจ กระโปรงแนบลู่ตามลำตัวแล้วแหวกข้างสูงเกือบถึงบั้นเอว เผยเรียวขาขาวเนียนยามย่างก้าว ผมยาวถูกรวบครึ่งศีรษะแบบหลวม ๆ เครื่องประดับเป็นเพียงต่างหูเพชรคู่เล็กกับรองเท้าส้นสูงสีเงิน เธอไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องพูดแม้แต่คำเดียว แต่เธอกลับกลายเป็นจุดศูนย์กลางของงานอย่างง่ายดาย
ผู้ชายในงานหันมามอง ผู้หญิงในงานหันไปซุบซิบ เพื่อนเก่า เพื่อนใหม่ และคนที่ไม่รู้จักต่างพยายามทบทวนว่าเธอคือใคร เพราะเธอไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่มาในงานนี้บ่อยนัก
“น้ำผึ้ง!” ยี่หวายิ้มกว้าง เดินฝ่าผู้คนเข้ามากอดเธอ “เธอสวยมาก…ฉันดีใจที่เธอมานะ เธอสวยกว่าฉันอีก” เจ้าสาวกระซิบเบาๆ อย่างขำๆ ขณะมองชุดของเพื่อนสาว
น้ำผึ้งยิ้มบาง
“ไม่หรอก…แค่พอจะให้คนที่เคยลืมฉัน หันกลับมามองนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
วินาทีนั้น…แววตาของเธอเฉียบคมขึ้นนิดหนึ่ง เหมือนนางพญาที่รู้ว่าตัวเองมีอำนาจ ไม่ใช่เพราะแค่รูปร่างหรือใบหน้า แต่เพราะเธอผ่านความเจ็บปวด จนรู้ว่าความแข็งแกร่งคือสิ่งที่ไม่มีใครใส่ให้กันได้
และในค่ำคืนนั้น…ยังมีใครอีกคน ที่ยืนอยู่ไม่ไกล ท่ามกลางกลุ่มชายชุดทักซิโด้ สูงใหญ่ เย็นชา ดวงตาเรียบเฉยแต่แฝงแสงบางอย่างเมื่อมองมายังเธอ