ช่วงสายวันต่อมาหลังจากตื่นนอน นับหนึ่งก็รีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วกินข้าวให้เรียบร้อย จากนั้นก็นอนหลับช่วงกลางวันเมื่อทนต่อความง่วงไม่ไหวซึ่งคงจะเป็นผลข้างเคียงจากการตั้งครรภ์ กระทั่งเย็นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูและเสียงเรียก
“อีหนึ่งเปิดประตู” นับหนึ่งจึงลืมตาขึ้นก่อนจะดันตัวลุกขึ้นจากเตียง แล้วเดินไปเปิดประตูห้องให้มิวด้วยสภาพงัวเงีย จากนั้นก็รีบเดินกลับไปนั่งลงยังเตียงเนื่องจากเมื่อกี้ลุกเร็วไปจึงทำให้หน้ามืดนิดหน่อย
มิวเห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยถามด้วยใบหน้าเป็นห่วง
“ไหวไหมมึง?” ขณะเดินถือของกินที่ซื้อมาฝากนับหนึ่งเต็มไม้เต็มมือเข้ามาภายในห้อง
“ไหว กูเพิ่งตื่นสภาพก็เลยเป็นแบบนี้” นับหนึ่งตอบจบก็ยกมือขึ้นปิดปากหาว ขณะตาคู่สวยมองมิวที่กำลังเก็บนมและผลไม้แช่ตู้เย็นให้เธอ
“มึงซื้ออะไรมาเยอะแยะ”
“ซื้อนมมาให้มึงกินบำรุง หลานกูจะได้แข็งแรง” ได้ยินเช่นนั้นนับหนึ่งก็ขอบตาร้อนผ่าว ซาบซึ้งใจในความหวังดีของมิวมาก ๆ แม้จะไม่ได้เป็นคนทำให้เด็กในท้องเธอเกิดมา แต่ก็ยังใจดีและดูแลเธอดีกว่าคนที่ทำให้เด็กเกิดมาอีก
“ขอบใจมึงมากนะมิว”
“เออ แล้วยังไงคืนนี้มึงไหวไหม”
“ไหวสิ” พอนึกถึงหน้าคนระยำนับหนึ่งก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นจากเตียงแล้วเอ่ยบอกมิว
“เดี๋ยวกูไปอาบน้ำก่อน”
“โอเค” พูดจบมิวก็เก็บของกินแช่ในตู้เย็นต่อ ส่วนนับหนึ่งก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวก่อนจะหายเข้าไปในห้องน้ำ เวลาผ่านไปสักพักก็เดินออกมา จากนั้นก็รีบแต่งตัว กว่าจะเสร็จพระอาทิตย์ก็ใกล้ลับฟ้าพอดี
“ไปเลยไหมมึง?”
“ไปเลยก็ได้เผื่อนายนั่นมาเร็ว” สิ้นเสียงนับหนึ่งทั้งสองก็เดินออกไปข้างนอกห้องลงไปข้างล่างแล้วโบกรถแท็กซี่ไปยังบาร์ที่อยู่ใจกลางเมืองกรุงเทพทันที ซึ่งใช้เวลาไม่นานรถแท็กซี่สีเขียวเหลืองก็จอดหน้าบาร์หรู
ทั้งสองจึงนั่งรออยู่บนรถที่ดีลกับคนขับไว้แล้ว เนื่องจากไม่กล้าเข้าไปรอข้างในด้วยเครื่องดื่มราคาค่อนข้างแพง
“มึงว่าวันนี้นายนั่นจะมาที่นี่ไหมวะ?”
“กูว่ามา” ได้ยินเช่นนั้นนับหนึ่งก็อยากยกมือสาธุให้เป็นตามที่มิวบอก เพราะเธอไม่อยากมาเสียเที่ยว จากนั้นทั้งสองก็นั่งคุยกันอยู่บนรถ ขณะดวงตาสองคู่คอยมองยังทางเข้าบาร์เป็นพัก ๆ กระทั่งได้ยินมิวพูดขึ้น
“ผู้หญิงคนนั้นหุ่นโคตรดีเลยมึง” สิ้นเสียงมิวนับหนึ่งก็หันมองยังลานจอดรถที่มีผู้หญิงสวมใส่ชุดเดรสสีดำยืนอยู่ ก็ชื่นชมเธอไม่ต่างจากมิวจากนั้นก็เลือกไม่สนใจเตรียมจะหันกลับไปยังหน้าบาร์ หากไม่เห็นรถสปอร์ตสีดำคุ้นตาขับมาจอดรับผู้หญิงคนนั้นเสียก่อน นับหนึ่งหรี่ตามองป้ายทะเบียนที่จำได้ขึ้นใจเพราะเป็นป้ายประมูล ทำให้รับรู้ทันทีว่าเจ้าของรถดังกล่าวเป็นใคร นับหนึ่งจึงรีบตีแขนมิวพร้อมเอ่ยบอกด้วยท่าทีตื่นเต้น
“มึง ๆ รถนายนั่น” ขณะดวงตามองกระจกรถสีดำสนิทฝั่งคนขับที่ขับผ่าน แม้จะไม่เห็นข้างในแต่นับหนึ่งมั่นใจว่าเป็นรถของคาร์เตอร์ เนื่องจากคืนนั้นเธอนั่งรถของเขาไปโรงแรมจึงทำให้จำได้ขึ้นใจ
มิวรับรู้เช่นนั้นก็รีบเอ่ยบอกคนขับแท็กซี่ที่นั่งฟังทั้งสองคุยกันด้วยท่าทีเร่งรีบ…
“พี่รีบขับตามรถสปอร์ตสีดำไปเลย”
“ได้น้อง” เจ้าของรถแท็กซี่ท่าทีเหมือนดีดยาเอ่ยตอบพร้อมกับรีบเหยียบคันเร่งตามรถของคาร์เตอร์ไปติด ๆ
ซึ่งปกตินับหนึ่งไม่ชอบรถติดมาก ๆ แต่ในวันนี้อยากรำถวายเลย เพราะหากรถไม่ติดมีหวังพวกเธอตามคาร์เตอร์ไม่ทันแน่นอน
“พี่อย่าให้รถคันนั้นคลาดสายตานะ”
“ระดับพี่ไม่มีพลาดแน่นอน ว่าแต่พวกน้องมาตามจับผัวมีกิ๊กเหรอ” ขณะนั่งเกร็งเพราะกลัวรถของคาร์เตอร์จะคลาดสายตา พอได้ยินเช่นนั้นนับหนึ่งก็แทบสำลักน้ำลาย แต่พอนึกดี ๆ ก็ไม่ต่างจากคนขับแท็กซี่พูดเลย
ในเวลาที่นับหนึ่งกำลังจะตอบปฏิเสธทว่าก็ไม่ทันความปากเร็วของมิว
“ใช่พี่ ผัวเพื่อนหนูเอง พี่อย่าให้มันคลาดสายตานะ”
“พวกน้องหาที่เกาะไว้แน่น ๆ เลยพี่จะพาซิ่ง” จากที่จะตอบปฏิเสธพอเห็นรถของคาร์เตอร์เคลื่อนไปข้างหน้านับหนึ่งจึงเลือกไม่สนใจ ตาคู่สวยเพ่งมองรถอีกคนไม่ละไปไหน กระทั่งรถสปอร์ตเลี้ยวเข้าไปภายในหมู่บ้านหรูหราแห่งหนึ่ง แท็กซี่ที่เธอนั่งก็ขับตามเข้าไปติด ๆ ก่อนจะได้ยินมิวพูดขึ้น
“บ้านหรือคฤหาสน์วะ ใหญ่ฉิบหาย” ความรู้สึกนับหนึ่งก็ไม่ต่างแม้จะรู้ว่าอีกคนนั้นรวยมาก แต่ก็ไม่คิดว่าหมู่บ้านของเขาจะหรูหราและใหญ่ขนาดนี้ ทว่าก็ไม่มีเวลาได้สนใจเมื่อเห็นรถของคาร์เตอร์แล่นผ่านไม้กั้นเข้าไปในหมู่บ้านแล้ว
แต่รถที่เธอนั่งโดนรปภของหมู่บ้านเอาไม้กั้นขวางลงไม่ให้เข้าไปข้างใน ทำเอานับหนึ่งหัวเสียไม่น้อยเพราะกลัวตามคาร์เตอร์ไม่ทัน
จากนั้นก็มองรปภที่เดินมายังประตูฝั่งคนขับแล้วเอ่ยถามคนขับรถแท็กซี่ที่พวกเธอจ้างมา
“มาบ้านหลังไหนครับ” นับหนึ่งได้ยินเช่นนั้นจึงรีบพูดแทรกกลับไป
“หลังเดียวกับรถคันหน้าค่ะ”
“…” รปภ. มองหน้าเธอราวกับไม่เชื่อพร้อมกับมองสำรวจพวกเธอ นับหนึ่งจึงรีบหยิบนามบัตรของคาร์เตอร์ที่อยู่ในกระเป๋าแล้วบอกด้วยท่าทีเร่งรีบ
“มาบ้านคุณคาร์เตอร์ รุ่งเรืองมหาไพศาลค่ะ” พอรปภ. ได้ยินนามสกุลที่นับหนึ่งบอกก็รีบตอบกลับด้วยท่าทีนอบน้อม
“งั้นรบกวนขอแลกบัตรด้วยครับ” หลังจากคนขับแท็กซี่แลกบัตรเข้าหมู่บ้านเพื่อความปลอดภัยเรียบร้อย รปภ. ก็ให้รถแท็กซี่ที่พวกเธอนั่งขับเข้าไปในหมู่บ้าน นับหนึ่งจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะได้ยินมิวเอ่ยบอกคนขับแท็กซี่
“พี่รีบขับไปเลย”
“ได้เลย” เมื่อรถแท็กซี่เห็นไฟท้ายรถของคาร์เตอร์ในระยะไกล ๆ จึงรีบเหยียบคันเร่งตามไป โดยมีนับหนึ่งกับมิวนั่งลุ้นเพราะกลัวจะตามรถของคาร์เตอร์ไม่ทัน แต่ดีที่อีกคนนั้นขับไม่เร็ว เมื่อขับรถตามจนถึงบ้านหลังใหญ่ที่คาร์เตอร์กำลังจอดรถอยู่หน้าบ้าน ขณะดวงตามองประตูรั้วสูงลิ่วค่อย ๆ เปิดด้วยหัวใจเต้นสั่นระรัว ก็ได้ยินเสียงมิวพูดขึ้น
“ประตูบ้านหรือรั้วคุกวะสูงฉิบหาย” นับหนึ่งไม่ได้ตอบ พอเห็นคาร์เตอร์ขับรถเข้าไปในบ้าน นับหนึ่งจึงรีบบอกคนขับแท็กซี่ให้ขับไปจอดหน้าบ้าน จากนั้นก็ไม่รอช้ารีบเปิดประตูรถแล้ววิ่งตามเข้าไปในบ้าน มิวเห็นเช่นนั้นก็รีบบอกคนขับรถแท็กซี่
“พี่อย่าพึ่งไปไหนนะ รอพวกหนูก่อน” จากนั้นก็รีบลงจากรถแล้ววิ่งตามนับหนึ่งไป
เมื่อทั้งสองเข้ามาข้างในบ้านหลังใหญ่ที่มีพื้นที่ข้างในกว้างขวาง นับหนึ่งก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังหน้าบ้านที่มีชายหญิงสองคนกำลังลงจากรถแล้วเดินเข้าไปภายในบ้านพร้อมกัน โดยมีมิวทั้งวิ่งและบ่นอยู่ด้านข้าง
“ทางเข้าบ้านหรือลานบินวะใหญ่ฉิบหาย”
ซึ่งมันก็จริงอย่างที่เพื่อนเธอพูดไม่มีผิดเพี้ยน กว่าจะถึงตัวบ้านอีกคนสงสัยต้องมีหอบกันบ้าง หลังจากทั้งสองเดินกระทั่งถึงบ้านหลังใหญ่ที่มีรถสปอร์ตหรูจอดอยู่ นับหนึ่งก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ หันไปทางมิวเมื่อเห็นเพื่อนพยักหน้าพร้อมกับทำแขนสู้ เธอก็ไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปในบ้านอย่างไม่กลัวอันตรายใด ๆ
เมื่อเดินพ้นประตูบานใหญ่ตาคู่สวยก็มองภายในบ้านที่กว้างใหญ่ แถมยังหรูหราจนเธอไม่กล้าเดินต่อ แต่พอได้ยินเสียงทุ้มคุ้นหูดังมาจากฝั่งขวาของตัวบ้าน
“ผมพาผู้หญิงที่เธอบอกว่าท้องกับผมมาหา” นับหนึ่งจึงหันไปมองด้วยหัวใจเต้นระรัว ภายในอกร้อนรุ่มจนแทบระเบิดกับคำพูดที่ได้ยิน จากนั้นก็ไม่รอช้ารีบเดินไปยังต้นเสียงเห็นแม่บ้านสองคนยืนมองคาร์เตอร์ที่กำลังนั่งคุยกับพ่อแม่ของเขา โดยมีผู้หญิงที่อ้างว่าเป็นเธอนั่งอยู่ข้างกาย
ก่อนจะเอ่ยบอกคาร์เตอร์ด้วยใบหน้าเย้ยหยัน…
“ฉันไม่คิดเลยว่านายจะใจเสาะทำผู้หญิงท้องแล้วไม่กล้ารับผิดชอบ จนถึงกับจ้างผู้หญิงคนอื่นมาเป็นฉันเลย” คำพูดของนับหนึ่งทำเอาชนิตราและไพศาลผู้ซึ่งเป็นพ่อและเแม่ของคนต้นเรื่องอึ้งไม่น้อยกับเรื่องราวที่ได้ยิน ก่อนจะเบี่ยงสายมองนับหนึ่งที่ยืนกำหมัดแน่น ดวงตามองลูกชายของทั้งสองเขม็ง
ทางด้านคาร์เตอร์เมื่อเห็นนับหนึ่งอยู่ในบ้านของตนก็ตกใจไม่น้อย เพราะไม่คิดว่าเธอจะมาโผล่ที่นี่ แต่พอตั้งสติได้ก็พูดออกไปด้วยใบหน้าและน้ำเสียงไม่สบอารมณ์
“มาได้ไงวะ?”
“มาได้สิ เพราะฉันจะมาลากคอนายรับผิดชอบที่ทำฉันท้อง” สิ้นเสียงตะคอกคาร์เตอร์ก็ดุนลิ้นยังกระพุ้งแก้ม ดันตัวลุกขึ้นจากโซฟาเดินไปจับแขนนับหนึ่งแล้วกระชากเธอเพื่อพาออกไปนอกบ้าน
“ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้”
“ปล่อยนะ”
“ก็ออกไปดิ”
การกระทำของคาร์เตอร์ทำเอาไพศาลที่นั่งมองอยู่สุดจะทน จึงตะโกนบอกลูกชายตัวเองเสียงดังลั่น
“ไอ้เตอร์หยุด!” สิ้นเสียงคำรามที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน คาร์เตอร์ก็หยุดกระชากแขนนับหนึ่งแล้วหันไปทางพ่อของตน ที่นั่งกอดอกมองด้วยใบหน้าเคร่งขรึม จึงปล่อยมือจากแขนนับหนึ่ง แล้วถอนหายใจแรง ๆ พร้อมกับเสยผมด้วยท่าทีหงุดหงิด แล้วหันกลับไปมองนับหนึ่งเขม็งซึ่งไม่ต่างจากอีกคน แม้ตัวเล็กแต่ใจใหญ่มาก สู้สายตากลับอย่างไม่ยอมแพ้
“กลับมานั่งที่โซฟา”
ได้ยินคนเป็นพ่อเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงกำชับ คาร์เตอร์จึงเดินกลับไปนั่งยังโซฟาด้วยความไม่พอใจอย่างจำยอม เพราะไม่รู้จะแถอย่างไรต่อ ในเมื่อนับหนึ่งทำแผนของตนพังหมดแล้ว หลังจากคาร์เตอร์เดินกลับไปนั่งยังโซฟาเรียบร้อย ภายในบ้านก็ตกอยู่ในความเงียบโดยไม่มีใครพูดอะไร