แม้ตะวันจะเคยมาที่คฤหาสน์ของเจ้านายป้าดาหลายครั้งแต่ทว่าเธอก็ไม่เคยเข้ามาภายในเลยสักครั้ง อย่างมากก็แค่ครัวด้านหลังตอนไปเอาไวน์ที่ห้องใต้ดิน
แต่ครั้งนี้เธอกำลังเดินเข้าไปในคฤหาสน์เดินผ่านห้องรับแขกสุดหรูหรา ห้องอาหารที่มีโต๊ะทานข้าวขนาดใหญ่ แชนเดอร์เลียสุดอลังการตรงบันไดวนเพื่อขึ้นไปยังชั้นสอง ของตกแต่งภายในนั้นเต็มไปด้วยของสะสมที่ประเมินค่าไม่ได้
ตะวันเคยถามป้าดาว่าคฤหาสน์หลังนี้อยู่กันกี่คน ป้าดาบอกว่ามีคนเดียวก็คือคุณจางส่วนลูกน้องทั้งหมดจะอยู่บ้านพักอีกหลัง เธอเคยนึกสงสัยว่าการอยู่คนเดียวในคฤหาสน์นั้นจะรู้สึกอย่างไรแต่ก็ได้แค่คิดเพราะคงไม่มีโอกาสได้สัมผัส
เพียงตะวันเดินตามหลังลูกน้องของมาเฟียหนุ่มมาจนมาถึงหน้าห้องที่มีประตูโค้งขนาดใหญ่ทำด้วยไม้สักแกะสลักอย่างประณีต
“คุณเพียงตะวันรอสักครู่นะครับ” ชายหนุ่มหันมาบอกก่อนจะเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไปในห้อง เพียงแค่ไม่อึดใจเขาก็ออกมา
“เชิญคุณเพียงตะวันเข้าไปข้างในครับ”
เขาผายมือให้เธออย่างสุภาพ ตะวันจำได้ดีว่าชายหนุ่มคนนี้คือคนที่ไปขอปิดร้านของเมตตาวันนั้น
“ค่ะ” ตะวันก้มหัวให้เขาเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไป ภายในห้องนั้นมีอากาศที่หนาวเย็นกว่าข้างนอกอย่างรู้สึกได้ชัด ไม่มีแสงจากภายนอกลอดผ่านเพราะม่านขนาดใหญ่บดบังไว้ ภายในห้องมีเพียงแสงไฟสีส้มสลัวจากโคมไฟคบเพลิงที่ติดอยู่รอบห้อง ถ้าเธอไม่ได้มาจากข้างนอกคงนึกว่าตอนนี้เป็นช่วงกลางคืน
เพียงตะวันมองไปยังเก้าอี้ตัวใหญ่ที่หันหลังให้เธอ เธอเดาว่าเจ้าของบ้านหลังนี้คงนั่งอยู่ตรงนั้น
“สวัสดีค่ะ” ตะวันเอ่ยทักทาย เธอพยายามคุมน้ำเสียงให้ปกติซ่อนความประหม่าไว้ให้มิด
“เพียงตะวันค่ะ ที่ป้าดาแนะนำมา”
“เธอยังบริสุทธิ์ใช่ไหม” เสียงเย็นถูกเอ่ยออกมาจากหลังเก้าอี้ คำถามของเขาเหมือนคำถามธรรมดาแต่ทว่าไม่ใช่
“คะ”
“ได้ยินแล้วนิ ตอบมาสิ”
“ค…ค่ะ”
“ถอดเสื้อผ้าออก”
“คะ”
คราวนี้เขาไม่พูดเปล่า มาเฟียหนุ่มหมุนเก้าอี้หันมาจ้องตากับเธอ เพียงตะวันจำใบหน้านั้นได้ดี ใบหน้าอันหล่อเหลาไร้ที่ติ คิ้วหนา ดวงตาคมเฉี่ยวดั่งพญาอินทรีที่ไม่มีแววของความเมตตาปรานีใดๆ ตะวันคิดว่าเขาเหมือนซาตานมากกว่าเทพบุตร
“ถอดออก เดี๋ยวนี้!”
ทุกคำที่ออกจากปากเขานั้นมีแต่คำสั่งเต็มไปหมด เพียงตะวันจ้องตากลับเพราะอยากรู้ว่าเขาจะให้เธอทำแบบนั้นจริงๆ ใช่ไหม
“ทำไมหรือคะ”
“ชั้นต้องการเช็คของ ว่าจะคุ้มกับการลงทุนไหม จะถอดไหม ไม่ถอดก็ไสหัวไป”
“ค คะ”
หญิงสาวตัวสั่นเทิ้ม ชายคนนี้เอาเรื่องมากแต่เธอมาถึงจุดนี้แล้วคงต้องไปต่อ ตะวันเริ่มปลดกระดุมออกด้วยมือที่สั่นเทา ก่อนจะถอดเสื้อเชิ้ตออก แล้วก็ต่อด้วยกางเกงขายาว ภายในห้องเงียบๆ นั้นมีเพียงเสียงหายใจจากความประหม่าของหญิงสาว มาเฟียหนุ่มนั้นเพียงแค่จ้องมองเธอเท่านั้น สายตาของเขามองเธออย่างพิจารณาราวกับว่าเป็นสิ่งของชิ้นหนึ่ง
หญิงสาวถอดเสื้อผ้าออกไปจนหมดเหลือเพียงชุดชั้นใน
“ถอดออกให้หมด”
“คะ”
มาเฟียหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ตรงไปยังหญิงสาวที่กำลังยกมือขึ้นปกปิดเรือนร่าง เขาเดินมาหยุดตรงหน้าของเธอ สายตาที่จริงจังทำให้ตะวันต้องยอมปลดชุดชั้นในออกทั้งหมด
มาเฟียหนุ่มจ้องมองสัดส่วนของสาวแรกแย้มอย่างถนัดตา หน้าอกขาวเนียนขนาดกำลังดี ผิวพรรณเนียนละเอียด เอวคอดกำลังดีขณะที่สะโพกผายใหญ่เหมาะแก่การคลอดลูก ส่วนสูง หน้าตา ผิวพรรณนั้นสวยงามไร้ที่ติน่าจะทำให้ลูกที่เกิดมาไร้ที่ติเช่นกัน
“เคยทำศัลยกรรมมาก่อนไหม”
“ไม่เคยค่ะ” ตะวันก้มหน้าตอบขณะพยายามใช้มือปิดบังสิ่งสำคัญให้พ้นจากสายตาคู่คมนั้น
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นก่อนที่ลูกน้องของเขาจะเปิดประตูเข้ามา มาเฟียหนุ่มที่เห็นแบบนั้นก็รีบเอาตัวเข้าไปบดบังร่างเปลือยเอาไว้
“ข..ขอโทษครับ”
เมื่อลูกน้องเห็นแบบนั้นจึงรีบปิดประตูลง
“ใส่เสื้อผ้าซะ”
มาเฟียหนุ่มเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินไปนั่งยังเก้าอี้ตัวเดิม
ตะวันรีบก้มลงไปคว้าเสื้อผ้าของตัวเองแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ เธอรู้สึกอับอายมากที่ต้องมาแก้ผ้าต่อหน้าผู้ชายคนนั้น สายตาที่เขามองมามันช่างเย็นชาราวกับว่าเธอเป็นเพียงสินค้าชิ้นหนึ่งเท่านั้น
“นี่แกกำลังทำอะไรอยู่ฮะตะวัน”
หญิงสาวยืนสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำอยู่นานสองนานก่อนจะใส่เสื้อผ้าแล้วรวบรวมความกล้าเดินออกมาเผชิญหน้ากับมาเฟียหนุ่มที่ตอนนี้มีลูกน้องของเขายืนอยู่ด้วย
“นี่คือสัญญาจ้างครับ” หลี่เฟยยื่นแฟ้มเอกสารให้ตะวันอ่าน
“คุณจะได้ค่าจ้างเดือนละสองแสนบาท โดยคุณจางจะจ่ายให้คุณทันทีที่เซนต์สัญญา และถ้าคุณตะวันท้องคุณจางจะเพิ่มให้เป็นเดือนละสี่แสนบาท จนกว่าจะคลอด หลังจากคลอดคุณจางจะมอบเงินสิบล้านบาทให้คุณไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ คุณจะต้องไม่มาเจอทารก และทารกจะต้องไม่รู้ว่าคุณเป็นผู้ให้กำเนิด และอีกเรื่องคือคุณจางจะออกค่าใช้จ่ายในการรักษาแม่ของคุณตะวันทุกบาททุกสตางค์ครับ”
ตะวันเหลือบไปมองมาเฟียหนุ่มที่นั่งไขว่ห้างพิงพนักฟังลูกน้องพูดด้วยท่าทีที่เรียบเฉย เฉยจนตะวันคิดว่ามีเธอคนเดียวหรือเปล่าที่คิดว่าเรื่องนี้มันไม่ปกติ
“คุณตะวันพอใจไหมครับ”
“แล้วจะเริ่มฝังตัวอ่อนเมื่อไหร่คะ”
“ตัวอ่อน” หลี่เฟยเองก็ไม่แน่ใจในข้อคำถามนี้จึงหันไปหามาเฟียหนุ่มเพื่อขอความเห็น
“ค่ะ”
“ฝังได้ทันที วันนี้ก็ได้” มาเฟียหนุ่มเอ่ย
“ไม่ต้องไปโรงพยาบาลเหรอคะ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นมาเฟียหนุ่มก็ขำออกมาแต่ทว่าเสียงหัวเราะช่างไม่รื่นรมย์เอาเสียเลย
“เธอคิดว่าที่ชั้นยอมจ่ายแพงขนาดนี้เพราะอะไรล่ะ…ก็เพราะ…ชั้นจะฝังน้ำเชื้อของชั้นเข้าไปในตัวเธอด้วยตัวของชั้นเองไงล่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นตะวันก็เข้าใจได้ในทันทีว่าชายหนุ่มหมายความว่าอย่างไร
“ชั้นไม่ได้ขายตัว”
หญิงสาวโพล่งออกมา ขณะที่จ้องหน้าเขาตาไม่กะพริบ
“ขอโทษด้วยค่ะ”
ว่าแล้วเธอก็หันหลังเดินออกไป แต่ทว่ามาเฟียหนุ่มก็เอ่ยขึ้นมาซะก่อน
“ถ้าเธอก้าวออกจากประตูไป ไม่ใช่แค่แม่ของเธอจะหมดโอกาสได้รับการรักษาที่ดี แต่จะไม่มีที่ไหนให้การรักษาเลยต่างหาก”
ตะวันที่ได้ยินดังนั้นก็หันขวับมาเผชิญหน้ากับเขาอย่างไม่เกรงกลัว
“คุณกำลังขู่ชั้นเหรอคะ”
“คุณจางไม่ได้ขู่ครับ” หลี่เฟยเอ่ยออกมาอย่างรู้งาน
“เธอเข้าใจการทำธุรกิจไหมตะวัน เธอก็แค่ทำงานของตนเอง แล้วก็รับค่าจ้างไป แค่นั้นแหละ”
หญิงสาวจ้องไปยังเทพบุตรซาตานตรงหน้า เขาไม่มีหัวใจบ้างเลยหรือไงนะ หรือเธอควรจะลองไร้หัวใจแบบเขาดูบ้าง หญิงสาวใช้เวลาคิดเพียงไม่นานก่อนจะตอบออกไป
“คุณโอนเงินให้ชั้นได้เลยค่ะ และก็จองโรงพยาบาลที่ดีที่สุดให้แม่ชั้นด้วย รับรองว่าคุณจะได้รับบริการอย่างมืออาชีพ”
“สิ้นเดือนนี้เธอต้องเริ่มงานทันที”
“แต่ชั้นไม่รู้ว่าแม่จะหายดีหรือยัง”
“ไม่ใช่ธุระของชั้น มันเป็นเรื่องของเธอ ธุระของชั้นคือสิ้นเดือนนี้เธอต้องมานอนรอชั้นที่เตียง”