บทที่ 3 ข่าวลือแพร่สะบัด

1691 คำ
บทที่ 3 ข่าวลือแพร่สะบัด ดวงตาเรียวคมแสนเย็นชา จ้องมองอิสตรีตรงหน้าด้วยแววตาอ่านยาก สำรวจฟางจื่อลู่ตั้งแต่หัวจรดเท้าแม้จะรู้ว่าเป็นการเสียมารยาทก็ตาม หากแต่อันเนี่ยนเจินผู้นี้หากมิใช่ราชวงศ์ หรือผู้ที่สมควรค่าแก่มารยาท บุรุษแทบไม่เคยรักษามารยาทต่อผู้ใด ในคราแรกนึกคิดว่าเป็นมืองสังหารจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือผู้ร้ายที่จ้องลักทรัพย์ผู้เดินทางในยามวิกาล หากแต่เมื่อได้จ้องมองดวงตาคู่งาม คล้ายกับรับรู้ทุกสิ่งอย่าง …ไม่มีทางที่นางจะเป็นมือสังหาร แค่เอาตัวรอดยังทำมิได้เลย… “พานางไปรักษา” เอ่ยจบก็เดินออกไปทันที ผู้ที่เป็นดั่งคนสนิทเข้ามาชักชวนนางอย่างเป็นมิตร “มาเถิดคุณหนู ท่านแม่ทัพรู้สึกผิดที่คุณหนูบาดเจ็บ ทำแผลเสร็จแล้วข้าจะไปส่งท่านถึงจวนอย่างปลอดภัยแน่นอน” ฟางจื่อลู่พยักหน้าตอบรับโดยง่าย จะมีผู้ใดน่าเชื่อถือไปกว่าอันเนี่ยนเจินกัน นางจึงเดินตามบุรุษไปยังขบวน ได้รับการทำแผลเบื้องต้นก่อนที่องครักษ์ผู้นั้นจะพานางไปส่งงถึงจวนอย่างปลอดภัยตามที่ได้เอ่ย โดยที่นางไม่มีโอกาสได้ขอบคุณอันเนี่ยนเจินเลย ทันทีที่มาถึงจวนสกุลฟาง บริวารจำนางได้จึงรีบรับตัวนางเข้าจวนไป ส่วนองครักษ์ผู้นั้นเมื่อเห็นว่าฟางจื่อลู่ปลอดภัยก็รีบควบม้าออกไปทันที โดยไม่มีผู้ใดรับรู้เลยว่าเหตุการณ์เหล่านั้นจะนำพามาซึ่งข่าวลือเสียหายในชั่วข้ามคืน! “ลูลู่! เหตุใดเจ้าจึง…!!” ฟางหวงลู่เอ่ยถามน้องสาวด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าสตรีตัวน้อยได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งสีหน้ายังดูเศร้าสร้อยถึงเพียงนี้ “เกิดอันใดขึ้น!?” ผู้ที่ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นกันจึงทำให้นางดูเจ็บปวดถึงเพียงนี้ ไม่นานฟางลู่เหวินก็เดินออกมาสมทบ ใบหน้าคร่ำเครียดเสียยิ่งกว่าฟางหวงลู่เสียอีก “เกิดอันใดขึ้น เหตุใดเจ้าจึง…!” เมื่อเห็นพี่สาวและพี่ชายแสดงท่าทีเป็นห่วงตนเช่นนี้ ความเข้มแข็งทั้งหมด สิ่งที่อดทนอดกลั้นมานั้นพังทลายลงในทันที “ท่านพี่ ฮือ!!” ฟางจื่อลู่เล่าเรื่องราวที่พบเจอให้กับพี่ชายและพี่สาว ไม่มีการใส่ร้ายป้ายสี และยังเอ่ยอีกว่าไม่ต้องการเอาผิดในเรื่องราวครั้งนี้ หางลู่เหวินและฟางหวงลู่ได้แต่ทำตามความต้องการของฟางจื่อลู่ไปก่อน หากแต่ในใจคิดเคียดแค้น เนื่องจากรู้ดีว่าสกุลหลันนั้นขึ้นชื่อสิ่งใด หลันหลี่น่าเป็นเพื่อนสนิทของน้องสาว แล้วก็คบกันดีมาจนถึงยามนี้ อีกทั้งยังไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น แต่เมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้วจะทำเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้นมิได้!! หากมีเรื่องเสื่อมเสียใด ไม่เสียดายทองคำหากสิ่งเหล่านั้นอุดความอัปยศมิให้ผู้อื่นล่วงรู้ได้! และแล้ววันต่อมาก็มาถึง มีข่าวลือมาว่าฟางจื่อลู่แอบได้เสียกับบุรุษไร้หัวนอนปลายเท้า!! ไม่รู้ว่าเขาหรือนี้เป็นมาอย่างไร แต่ทันทีที่ได้รับรู้ข่าวผู้นำสกุลรีบสืบหาต้นตอทันที พบว่าเมื่อคืนบุตรสาวของตนซึ่งตั้งใจว่าจะไปค้างแรมจวนสกุลหลัน หากแต่กลับมาด้วยสภาพน่าอดสู โดยมีชายหนุ่มสวมชุดดำทั้งตัวควบม้ามาส่งถึงหน้าจวน ฟางจื่อลู่ถูกเรียกมาถามความ นางเล่าไปตามความจริง หากแต่สิ่งที่บิดารับรู้มานั้นแตกต่างจากเรื่องที่ไปสืบมา “ตอนนี้ข่าวลือเรื่องเจ้าเป็นเช่นไร? รู้หรือไม่!?” “รู้เจ้าค่ะ แต่ลูกมิได้กระทำตามข่าวลือ ลูกไม่อับอายหรอกเจ้าค่ะ” สตรีตัวน้อยเอ่ยด้วยแววตาแน่วแน่ไม่แปรผัน มองแล้วก็คล้ายตนเองอยู่หลายส่วน “พ่อเชื่อลูก รู้ใช่ไหม?” “…เจ้าค่ะ” “ช่วงนี้เก็บตัวไปก่อน อย่าได้ออกไปข้างนอกเลย” พยักหน้ารับแทนคำตอบ ก่อนจะเดินออกมาด้วยความเศร้าสร้อย… ภายในจิตใจรู้สึกถึงความไม่ยุติธรรม หากแต่มิสามารถกระทำสิ่งใดได้ อีกทั้งเป็นตัวนางเองที่ไม่อยากเอาเรื่องอันใด และในช่วงเวลานั้นมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ในอีกทางด้านหนึ่ง ณ จวนสกุลอัน ข่าวลือของคุณหนูน้อยฟางจื่อลู่ดังมาถึงที่นี่ แม้มิได้ห่างไกลกันมากนัก หากแต่ข่าวลือของนางกลับแพร่สะบัดมาถึงที่นี่ ราวกับมีผู้ใดจงใจกระพือข่าวทั่วทั้งแคว้น อันเนี่ยนเจินมิได้รู้สึกรู้สาสิ่งใด ฟางจื่อลู่มิได้อยู่ในความทรงจำของแม่ทัพผู้นี้เสียด้วยซ้ำ จำได้แค่เพียงว่าเมื่อคืนนี้ได้เกือบสังหารสตรีนางหนึ่ง และให้คนพานางไปส่งถึงจวนเพียงเท่านั้น ยามนี้แม้แต่ดวงหน้าของนางก็คาดว่าจะเลือนหายไปจากความทรงจำแล้ว หากทว่าคนสนิทอย่างหมินจิ้นไฉนั้นรู้สึกผิดเหลือเกินที่เป็นต้นเหตุทำให้อิสตรีเกิดความเสียหาย จึงมาหาอันเนี่ยนเจินเพื่อขอลางาน แล้วหมายมั่นจะไปแก้ไขความเข้าใจผิดนี้ หากแต่คนของพระราชวังกลับมาส่งจดหมายด้วยตนเอง ดูก็รู้ว่าเป็นจดหมายจากผู้ใดและเรื่องใด บุรุษรับจดหมายไป แต่มิได้เปิดอ่าน กลับเอามันไปรนไฟจนเหลือแต่เถ้าถ่าน “ดื้อด้านสิ้นดี เป็นถึงองค์หญิง ใยไม่มียางอายบ้าง” เอ่ยด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดอย่างเช่นทุกที แม้ท่าทางจะดูสงบนิ่ง แต่แท้จริงแล้วภายในใจนั้นเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว องค์หญิงผู้นี้หรือที่รู้จักกันในชื่อขององค์หญิงสาม เป็นราชธิดาที่ฮองเต้ทรงโปรดปรานมาก ไม่ว่านางจะกระทำสิ่งใดล้วนให้ท้ายอยู่เสมอ กระทั่งการส่งจดหมายของบุรุษแต่งงานก็ยังส่งเสริม และพยายามจับคู่อันเนี่ยนเจินให้กับราชธิดาของตนอย่างไม่ลดละ “เอ่อ ท่านแม่ทัพขอรับ” อันเนี่ยนเจินปรายตามองหมินจิ้นไฉ ด้วยความไม่พอใจ แต่หมินจิ้นไฉก็ทำใจกล้าเอ่ยความต้องการของตนเองออกไป “วันนี้ข้าขอลาครึ่งวันขอรับ” แม้ไม่มีคำถาม แต่สายตาของอันเนี่นเจินนั้นเป็นการถามคำถามแทนคำพูดไปเสียแล้ว และหมินจิ้นไฉก็อ่านสายตาของบุรุษผู้ที่ตนติดตามมาตลอดหลายปีมานี้ได้อย่างรวดเร็ว “ท่านแม่ทัพจำคุณหนูสกุลฟางได้หรือไม่ขอรับ นางคือสตรีที่ท่านแม่ทัพได้ช่วยเอาไว้เมื่อคืนนี้” บุรุษมิใช่คนความจำสั้นจึงจำได้ หากแต่มิได้เอ่ยออกไป ดูจากสายตาก็รู้ถึงคำถามจึงเอ่ยออกไปต่อว่า... “เพราะข้าไปส่งนางยามวิกาลเช่นนั้น จึงมีข่าวลือเสียหายว่านางแอบลักลอบได้เสียกับข้าขอรับ” “เจ้าเนี่ยนะ?” “ขอรับ นั่นเป็นเรื่องเข้าใจผิดที่ส่งผลเสียต่อคุณหนูสกุลฟาง ข้าจึงอยากขอลาเพื่อไปช่วยคลี่คลายความเข้าใจผิดนี้ขอรับ” “ไปเถิด” อันเนี่ยนเจินโบกมือไล่ ก่อนจะกลับไปนั่งยังโต๊ะทำงานของตน หมินจิ้นไฉก็รีบควบม้าเดินทางมายังจวนสกุลฟางทันที หากช้าไปมากกว่านี้มีแต่จะทำให้ข่าวลือแพร่สะบัด บานปลายจนอาจแก้ข่าวมิได้อีก ทันทีที่มาถึงจวนสกุลฟาน หมินจิ้นไฉก็ขอเข้าพบผู้นำสกุลเพื่อเอ่ยเล่าถึงเรื่องราวครั้งนี้โดยเร็ว การทำให้อิสตรีเสื่อมเสียเกียรตินั้นมิใช้วิถีนักรบเช่นเขา อีกทั้งยังเป็นผู้เอ่ยเพื่อคลี่คลายข้อเข้าใจผิดทั้งหมดด้วยตนเอง หากทว่าข่าวนี้กลับยิ่งเลวร้ายมากขึ้นและส่งผลกระทบไปยังอันเนี่ยนเจิน เนื่องจากไม่มีผู้ใดไม่รู้จักหมินจิ้นไฉ ผู้เป็นองครักษ์พ่วงตำแหน่งสหายคนสนิทของอันเนี่ยนเจินผู้ที่เข้าถึงยากผู้นี้ การที่หมินจิ้นไฉออกตัวช่วยฟางจื่อลู่ก็ด้วยความมีจิตสำนึก มิอาจให้อิสตรีมีข่าวลือเสียหายโดยที่ตนเองก็มีส่วนผิดได้ หากทว่าผู้คนกลับตั้งคำถามกันว่าเหตุใดรองแม่ทัพผู้นี้จึงออกตัวช่วยเหลือนาง ข่าวลือนั้นถูกบอกต่อกันปากต่อปากจนแทบไม่เหลือเค้าของความจริง กระทั่งข่าวนั้นมาถึงหูของอันเนี่ยนเจินว่าตนใช้ลูกน้องเป็นสะพานเข้าหาคุณหนูสกุลฟาง ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเหตุใดข่าวลือจึงกลายเป็นเช่นนี้ได้ ในวันนั้นเองอันเนี่ยนเจินถูกฮ่องเต้เรียกเข้าพบกะทันหัน บุรุษอารมณ์เสียจนเก็บสีหน้าไม่อยู่ เนื่องจากมิอาจขัดคำสั่งของฮ่องเต้ได้ และทันทีที่มาถึงก็พบกับองค์หญิงสามนั่งรออยู่ก่อนแล้ว อันเนี่ยนเจินยอบกายคำนับตามมารยาทแล้วเตรียมจะเดินออกไป หากแต่อีกฝ่ายเรียกรั้งเอาไว้เสียก่อน “มาคุยกันหน่อยเถิด” “กระหม่อมมาเข้าเฝ้าฮ่องเต้ มิอาจชักช้าได้พ่ะย่ะค่ะ” “ท่านพ่อไม่มาหรอก ข้าขอร้องให้ท่านพ่อเรียกเจ้ามาน่ะ เพราะหากข้าเรียกเองเจ้าคงไม่มี...” สายตาขององค์หญิงสามจ้องมองอันเนี่ยนเจินไม่ละสายตา และนั่นทำให้บุรุษไม่พอใจเป็นอย่างมาก “นั่งก่อนสิ ข้ามีเรื่องจะคุยด้วย” “หากเป็นเรื่องการแต่งงาน กระหม่อมขอปฏิเสธพ่ะย่ะค่ะ” “อ่า เรื่องนั้นก็ด้วย หากแต่มีอีกเรื่องหนึ่ง...” “ทรงเอ่ยมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ” บุรุษไม่ปกปิกความไม่พอใจของตนเองเลยสักนิด แม้ว่าตนจะแสดงท่าทีหยาบคายเช่นไร หากแต่องค์หญิงสามผู้นี้กลับยิ้มรับและพยายามเข้าหาตลอด ซึ่งการใกล้ชิดกันระหว่างบุรุษและสตรี หรือแม้แต่บุรุษด้วยกันเองบางครั้งอันเนี่ยนเจินก็รู้สึกขยะแขยงเหลือเกิน “เป็นเพราะสตรีนางนั้นหรือ เจ้าจึงปฏิเสธข้ามาตลอด?”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม