ตอนที่ 11
สัญญานบางอย่าง
การะเกด นอนกระสับกระส่ายทั้งคืนด้วยความกระวนกระวายใจ แม้พ่อกับแม่จะบอกว่าไม่ต้องกังวลในเรื่องใด แต่เธอก็อดพะวงไม่ได้ เพราะแม้จะคะยั้นคะยอ พ่อครูไกรศร ที่ติดตามจิตของจเรไป ก็ยังไม่ได้คำตอบที่กระจ่างในใจ และไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายโดนกระสุนอาคมฝังยังจิตหรือไม่
ด้วยพอทราบว่าอานุภาพของกระสุนลงอาคมนั้นรุนแรงนักหากฝังในจิตร่างเสมือนจริง อาจจะดึงให้จิตนั้นไม่ยอมกลับเข้าร่าง และวนไปยังอเวจีที่ดำมืดจนแทบจะหาทางออกไม่เจอได้ เท่าที่ทราบเหมือนจเร จะเคยโดนมาแล้วครั้งหนึ่ง
แต่ไม่อาจทราบว่าเพราะเหตุใด เขาจึงกลับมากล้าแกร่งในวิชาได้ยิ่งกว่าเดิม กระนั้นการะเกดก็อดที่จะฟุ้งซ่านไม่ได้ เธอไม่ได้ห่วงไอ้คนเลวนั้นหรอก แต่เพราะอะไรไม่รู้ทำให้เธอกระวนกระวายใจจนนอนไม่หลับทั้งคืน
.
.
ควันยาสูบที่ลอยคลุ้งในห้องโถงของเรือนอีกฝั่ง พ่อครูไกรศร กับนายฮ้อยเพลิง นั่งอยู่ตรงนั้น และยังมีชายชราผมสีดอกเลานั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เขาคือ หมอสรวง ผู้เป็นทั้งหมอยาและหมอดูเก่าแก่ประจำตระกูลของนายฮ้อยมาตั้งแต่รุ่นพ่อ ทั้งสามบุรุษต่างเพ่งสายตามองไปยังแสงไฟที่พุ่งทะยานขึ้นบนฟ้าเป็นสัญญาณบางอย่าง ที่ต่างทราบกันดีว่าเป็นการส่งสารของเครือข่ายของผรู่ข่ายลูกสมุนของหมอผีพม่า
"มันส่งสัญญาณกันแล้วซินะ เพราะอีกไม่กี่วันการะเกดก็จะอายุครบยี่สิบเอ็ดปีแล้ว"
"ใช่ เป็นดั่งที่จเรมันพูดไว้มิผิดเพี้ยน"
"แต่สิ่งที่จเรมันทำ ก็หมายความว่าตอนนี้การะเกดไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ตามที่พวกมันต้องการแล้วนี่นา เหตุใดมันถึงยังส่งสัญญาณกันเช่นนั้น"
ทั้งสองหันมามองหมอสรวงเพื่อต้องการคำตอบ มือเหี่ยวย่นของชายชราวางจอชาในมือลง
"การะเกดเป็นเชื้อสายของหญิงข้ามภพจิตบริสุทธิ์ แต่จริงๆแล้วจิตนางคือจิตอมตะตามที่จเรบอก"
พ่อครูไกรศรและนายฮ้อยเพลิงหันมามองหน้ากัน
"หมายถึงพวกมันก็ยังต้องการตัวการะเกดอยู่เช่นนั้นใช่รึไม่?"
"อืม"
"ตอนนี้ไอ้พวกนั้นมันกล้าแกร่งนัก แค่สมุนของไอ้ผรู่ข่าย นั้นไม่น่ากลัวเท่าใดดอก แต่คนที่ใหญ่กว่านั้นน่ะซิเราจะต่อกรกับมันได้รึ"
ถ้อยคำของนายฮ้อยเพลิง ทำให้ไกรศรกำมือเข้าหากันแน่น ได้รู้ดีว่าคนผู้นั้นที่เอ่ยถึงเป็นใคร เพราะมันผู้นั้นคือผู้มีวิชาแกร่งกล้าและคือคนที่เคยฆ่าพ่อครูเพลี๊ยะพ่อของเขาเอง
"คนที่จะพอสูสีกับมันได้ตอนนี้น่าจะเป็นจเร ด้วยจิตของมันถูกดึงไปยังคงรอแห่งเวลาที่ไม่สิ้นสุดและมันได้ฝึกปรือวิชามาอย่างดีเยี่ยม การะเกดจะปลอดภัยเมื่ออยู่กับมัน"
ปึก!!! นายฮ้อยเพลิงวางจอกบนโต๊ะอย่างแรง
"แต่ไอ้จเรมันเป็นพ่อมดหมอผีที่เล่นไสยเวทย์ดำ ข้าไม่อยากให้ลูกสาวข้าไปคลุกคลีกับมันแม้เพียงนิด"
"ชะตาไม่อาจฝืนได้ ต่อให้พวกเราพยายามต้านทานเท่าไหร่ก็ตาม" หมอสรวงผ่อนลมหายใจช้าๆ
"นี่คงเป็นทางเดียวที่จะทำให้การะเกดรอดพ้นจากพวกมันใช่ไหม?"
.
.
พิธีลงเสาเอกวังช้างประจำจังหวัด เป็นพิธีที่ยิ่งใหญ่เพราะเป็นการสร้างวังช้างอีกแห่งหนึ่งเพื่อรองรับโขลงช้างของอีสานใต้ และเป็นสถานที่ให้ช้างพำนักที่จะส่งไปยังพระนคร และมีเจ้าหน้าที่กับหมอช้างคอยดูแลเป็นอย่างดี วังช้างแห่งเดิมนั้นคับแคบไม่สามารถรองรับปริมาณโขลงช้างที่เพิ่มมากขึ้น ทางจังหวัดจึงจำเป็นต้องก่อสร้างวังช้างแห่งใหม่ขึ้น
ครอบครัวของการะเกดนั้นถือว่ามีบทบาทสำคัญในการก่อสร้างวังช้างเพราะทางฝั่งของนายฮ้อยเพลิงนั้นค้าขายทั้งไม้และอุปกรณ์ก่อสร้างอีกทั้งยังมีโรงเหล็ก ที่สามารถตีเหล็กกล้าและอาวุธต่างๆได้อีกด้วย
รวมถึงพิธีวางเสาเอกนั้นต้องมีพ่อครูและเหล่าพราหมณ์ต่างๆรวมทั้งหมอช้างและผู้ทรงศีลทั้งสายขาวและสายดำมาทำพิธีเป็นเวลาสิบห้าวัน เพื่อขับไล่สิ่งอัปมงคลและให้ช้างได้อยู่ในวังโดยแคล้วคลาดปลอดภัย
"เป็นไงบ้างการะเกด ดีขึ้นแล้วหรือยัง?"
เสียงทักทุ้มนุ่มหูอยู่ด้านหลัง ทำให้เธอหันไปมองแล้วปล่อยยิ้มออกมา เมื่อเห็น ภีร์ ซึ่งเป็นหลานชายของคุณภพ ลูกชายเสี่ยซ้งเศรษฐีค้าข้าวเมืองสุรินทร์ คุณภพนั้นเป็นสามีของจำปีหลานสาวของคุณยายจำปา และเป็นลูกศิษย์ลูกหาของพ่อครูไกรศรมาช้านาน
"ดีขึ้นแล้วจ้ะพ่อครูไกรศรเตรียมทำพิธีอยู่ด้านในจ๊ะ ส่วนยายจำปาน่าจะเตรียมของอยู่กับพี่กล้า"
ทาง ภีร์ น่าจะทราบข่าวถึงการหายตัวไปของเธอจากจำปี เพราะทั้งคู่เองก็แวะเวียนไปเรือนใหญ่ของพ่อครูไกรศรอยู่เป็นประจำ
"ไม่เป็นไรดอก พี่ไม่ได้มีธุระอะไรกับพ่อครู พี่ดีใจที่ได้เจอเอ็งวันนี้"
ร่าวขาวตี๋ของชายหนุ่มขยับมาใกล้ พอทราบข่าวจากพี่ชายตัวเองว่าการะเกดเลื่อนงานแต่งไปและมีแนวโน้มว่าจะยกเลิก นั่นทำให้ภีร์รู้สึกใจชื้นขึ้น ที่ผ่านมาเขาไม่เห็นด้วยเท่าใดนักกับการเตรียมแต่งงานของการะเกดกับกำนันสิงห์ ด้วยตัวเขาเองพึงพอใจกับหญิงสาวมาเนิ่นนานแล้ว
เพียงแต่พ่อแม่ของเธอนั้นค่อนข้างจะเชื่อเกี่ยวกับเรื่องราวการดูหมอประจำตระกูลที่ชื่อว่าหมอสรวง แต่ตัวเขาเองเป็นหนุ่มสมัยใหม่ทั้งยังได้ร่ำเรียนหนังสือทางฝั่งพระนคร ใยจะมาเชื่อเรื่องราวงมงายเช่นนี้
"อ้อจ้ะ ฉันก็ดีใจเช่นกันที่ได้เจอพี่ เห็นช่วงหลังมิได้แวะเวียนไปที่เรือนใหญ่ของพ่อครู ช่วงหลังฉันเองก็ยุ่งงานที่โรงค้าไม้และโรงตีเหล็ก ตอนนี้มีงานสัมปทานเกี่ยวกับการก่อสร้างรถไฟที่จะผ่านไปดงพญาเย็นเห็นว่าโครงการนี้จะทำให้การค้าขายและการคมนาคมทางแถบอีสานใต้พัฒนาขึ้น ทิพย์ค้าไม้กับโรงเหล็กของเราเองก็พลอยได้ผลประโยชน์ไปด้วย"
การะเกดเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ ด้วยการมีวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของแม่ธารทิพย์นั้น ทำให้ธุรกิจค้าไม้และโรงเหล็กของเธอเจริญรุ่งเรืองอย่างต่อเนื่อง
นี่กระมังเขาถึงว่าคนที่มองเห็นอนาคตจะเป็นคนที่ได้เปรียบคนอื่น
โชคดีที่แม่ธารทิพย์เป็นหญิงข้ามภพที่มาจากอนาคต
"เอ็งเก่ง ฉลาดและช่างเจรจา ยุคต่อไปคนที่ค้าขายเก่งจะร่ำรวยกว่าคนที่ทำนาและการเกษตรอย่างเดียว คนที่เอาข้าวเอามันและพืชผลต่างๆนั้นมาขายต่อ คนเหล่านั้นแหละจะอยู่เหนือข้าราชการที่เป็นเจ้าคนนายคนเสียอีก"
ภีร์ ขยับเข้ามาใกล้จนชิดร่างของหญิงสาว ดวงตาของเขามองเธอยังลุ่มลึกและเปิดเผยอย่างชัดแจ้งในความรู้สึกภายในใจของตน ผู้หญิงคนนี้เหมาะที่จะเกี่ยวดองกับคนตระกูลซ้งพาณิชย์ ธุรกิจของคนจีนที่มองการค้าขายด้วยต้นทุนกำไรเป็นหลัก
"ขอบใจจ้ะ ฉันยังไม่เก่งเท่าใดดอกคงต้องเรียนรู้อีกเยอะ"
หญิงสาวตอบได้น้ำเสียงอ่อนหวาน ขณะขยับกายได้ออกห่างเล็กน้อย
ทว่ามือขาวสะอาดของ ภีร์ เอื้อมมาโอบกุมมือเธอไว้
"พี่ดีใจ ที่ได้ข่าวว่าเอ็งอาจจะไม่แต่งงานกับกำนันสิงห์แล้ว"
"จ้ะ"
การะเกดชะงักเล็กน้อย กับการจู่โจมของอีกฝ่าย แม้ที่ผ่านมาจะพอทราบเจตนาของทายาทซ้งพาณิชย์อยู่พอควร แต่ก่อนหน้าเธอเองก็มีคู่หมั้นหมาอยู่แล้ว อย่างไรก็ต้องเว้นระยะห่างจากอีกฝ่ายเพื่อความเหมาะสม
ทว่าการจู่โจมในตอนนี้ของ ภีร์ และสายตาเว้าวอนของเขา ทำให้เธอรู้สึกเห็นใจอยู่ลึกๆ
แต่ความสับสนของเธอก็ชะงักอยู่เพียงแค่นั้น เมื่อมองไปอีกฝั่งของอาคารก่อสร้างเสาเอก แล้วเห็นร่างหนาของใครคนหนึ่งยืนอยู่ ใบหน้าหล่อคมเข้มนั้นจ้องมองเธออยู่ก่อนแล้ว สายตาคู่สีนิลดั่งรัตติกาลดำมืดขึ้นคล้ายดั่งกำลังร่ายมนต์สะกด ตรึงร่างของเธอไม่ขยับไปไหน
เหมือนเวลาจะหยุดหมุนอยู่เพียงแค่นั้นเมื่อเธอสบสายตากับเขา
จเร!! เขามาที่นี่ได้อย่างไร?
*************