ตอนที่ 12
อย่าแตะต้องเมียกู
"การะเกดมีอะไรรึ?"
เสียงทักของ ภีร์ ดึงสติของหญิงสาวให้หลุดจากภวังค์ เปลือกตาคู่สวยกระพริบถี่เพ่งมองภาพตรงหน้าอีกครั้ง และตระหนักได้ว่าร่างหนาที่เธอเห็นนั้นได้หายไปแล้ว
หญิงสาวผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความสับสน ไม่แน่ใจว่าควรต้องรู้สึกเช่นไร เพราะนั่นอาจจะเป็นจิตเสมือนร่างจริงของเขาดังเช่นทุกครั้ง แต่การปรากฏกายที่นี่ของ จเร ถือว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจพอสมควร เนื่องด้วยในพิธีการนี้ล้วนเต็มไปด้วยผู้มีวิชาอาคมแก่กล้า อีกทั้งพ่อครูไกรศรและนายฮ้อยเพลิงก็กำลังทำพิธีอยู่ด้านใน
"เปล่าจ้ะ ฉันคงตาฝาดไปไม่มีอะไรดอก"
เธอคงตาฝาดไปจริงๆ อาจเพราะหลายวันมานี่เธอนอนไม่ค่อยหลับ จิตใจพะวงอยู่กับอะไรบางอย่าง และถึงนอนหลับก็ยังคงฝันประหลาดๆในสถานที่แสนจะมืดมิดแห่งนั้น
"วันนี้เหล่าพ่อครูจากหลากหลายพื้นที่ทั้งเหล่าพราหมณ์มากันเยอะเลย ถ้าพิธีใกล้เสร็จแล้ว เราไปดูหนังกันสักเรื่องดีรึไม่ ตอนนี้ในตัวเมืองมีโรงหนังแล้วนะ พี่อยากให้เอ็งไปดูภาพและเสียงคมชัดยิ่งกว่าหนังกลางแปลงที่ฉายตามวัดเสียอีก"
ภีร์ เอ่ยชวนหญิงสาว ด้วยเห็นว่าวันนี้น่าจะเป็นโอกาสเหมาะที่จะได้ใกล้ชิดกับเธอ เพราะเห็นว่าไอ้กำนันสิงห์คู่หมั้นหมายของเธอก็ไม่ได้มาด้วย อีกทั้งทางนายฮ้อยเพลิงและพ่อครูไกรศรก็ค่อนข้างจะยุ่งอยู่กับพิธีการ
"ฉันยังไม่รับปากนะจ๊ะ เพราะพ่อบอกว่าไม่ให้อยู่ห่างจากตรงเสาเอก ในช่วงระหว่างที่พ่อและตากำลังทำพิธีการด้านใน"
อย่างไรตอนนี้เธอก็มีคนคอยดูแลอยู่ห่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไอ้เหลือง ไอ้กล้า ไอ้เข่งและไอ้เจิด หากเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้ทุกคนพร้อมจะส่งสัญญาณและเข้ามาช่วยเหลือเธอได้อย่างทันท่วงที
"น่าเสียดายจัง แต่ไม่เป็นไรพี่จะอยู่กับการะเกดตรงนี้แหละจนกว่างานจะเสร็จ"
อย่างไรเสียก็ถือว่าเขามีโอกาสที่จะได้สานสัมพันธ์ และได้อยู่ใกล้ๆกับคนที่ตัวเองหมายปองมานาน "พี่จะไปหยิบน้ำมาให้ เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งไปเสียก่อน"
"ขอบคุณพี่ภีร์มากจ้ะ"
ขณะที่การะเกดกำลังหันหลังเดินไปอีกทางที่มีโขลงพลายช้างหลายเชือกถูกผูกอยู่อีกฝั่ง พลันสรรพสิ่งรอบด้านก็เหมือนหยุดชะงักลง คล้ายดั่งเวลาหยุดหมุนไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหว
"อะไรกันนี่!"
หญิงสาวตัวชาวาบ เมื่อตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง
วิชาหยุดเวลา!
เธอเคยได้ยินพ่อเพลิงเล่าให้ฟัง มีคนไม่กี่คนบนโลกนี้ที่สามารถใช้วิชานี้ได้ซึ่งต้องได้รับการฝึกฝนอย่างหนักยิ่งเป็นหลายร้อยพันปี และมันผู้นั้นกำลังฝ่าฝืนกฎของเวลาว่ากันว่าตอนนี้มันสามารถทำให้เวลาหยุดได้เกือบถึงสิบนาที และมันกำลังพยายามที่จะทำให้นานกว่านั้น
"หึ!!! เจ้าเป็นจิตบริสุทธิ์อมตะจริงๆด้วย วิชาหยุดเวลาไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้"
เสียงแหบห้าวดังก้องก่อนที่ บุรุษผู้หนึ่ง จะปรากฏกายขึ้น การะเกดตัวชาวาบคล้ายดั่งหัวใจกำลังหยุดเต้น เมื่อมองบุรุษผู้นั้นที่ยืนห่างจากเธอประมาณสิบช่วงตัว
บุรุษผู้นั้นมีรูปร่างกำยำผิวเข้ม ใบหน้าคมคร้ามมีรอยแผลบากอยู่ด้านข้าง อายุอานามน่าจะใกล้เคียงกับนายฮ้อยเพลิงพ่อของเธอ สายตาดุเข้มที่เหมือนเหยี่ยวมองมาอย่างเธอและเหมือนกำลังสะกดตัวเธอไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อน ขณะย่างเท้าเข้ามาใกล้
มันคือใครกัน?
"ยะ .... อย่า!"
การะเกด ขยับเท้าถอยหลังทันทีโดยสัญชาตญาณ ความกลัวบังเกิดขึ้นในจิตใจของเธออีกครั้ง ด้วยรัศมีที่แผ่มาจากชายผู้นี้ช่างดูน่ากลัวยิ่งนัก อีกทั้งเหลือบมองไปรอบด้านเธอไม่เห็นว่าจะมีใครสักคนที่ขยับตัวได้นอกจากเธอกับชายผู้นี้
ช่างเป็นคนที่มีวิชาอาคมที่แกร่งกล้าและน่ากลัวยิ่งนัก
"ใกล้ถึงเวลาที่เจ้าต้องทำเพื่อสิ่งสำคัญแล้ว ไปกับข้า!"
เพียงมันยกมือขวาขึ้นมา ก็เหมือนดึงร่างของเธอให้เข้าไปใกล้มันมากขึ้น
อะไรกันนี่! ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
"มะไม่ ...ฉันไม่ไป!!แกเป็นใคร! พ่อช่วยด้วยๆๆ ตาไกรศรช่วยหนูด้วย"
เธอตะโกนร้องอย่างสุดเสียง แต่เหมือนไม่มีใครได้ยินเสียงเธอเลย ทั้งที่มีหลายร้อยคนกำลังทำพิธีอยู่ในงานแต่เหมือนทุกอย่างหยุดชะงักลงแค่นั้น
กึก!!!
ชายผู้นั้นขมวดคิ้วเข้าหากัน เมื่อใช้วิชาดึงกายหยาบแล้วไม่สามารถจะดึงร่างของหญิงสาวตรงหน้ามาใกล้ได้อีกทั้งเวลาใกล้จะหมดลงแล้ว มันจึงคำรามในลำคออย่างฉุนเฉียว
"ข้าบอกให้มานี่!"
มันสาวเท้าเข้ามาใกล้ พร้อมเอื้อมมือเพื่อจะกระชากร่างของเธอให้ไปกับมัน
“ไม่”
การะเกดรีบถอยหลังโดยทันที ก่อนที่แผ่นหลังของเธอจะชนปะทะเข้ากับแผงอกกำยำและเสียงคำรามต่ำที่คุ้นเคยอยู่ข้างหูนั้นทำให้เธอรู้ว่าคนที่อยู่ข้างหลังเธอนั้นเป็นใคร
"จเร!"
มันแปลกมากที่เธอรู้สึกดีใจ ทั้งที่เธอควรจะเกลียดขี้หน้าไอ้คนนี้แล้วก็ไล่เขาให้ออกห่าง แต่เธอกลับเบียดร่างเข้าแนบชิดราวกับต้องการหาที่พึ่งที่ปลอดภัยที่สุด
"อย่าแตะต้องเมียกู!"
เสียงเข้มจากปากของ จเร พร้อมแววตาดุกร้าวที่จ้องมองอีกฝ่าย ทำให้บุรุษที่กำลังก้าวเข้ามายกมุมปากเล็กน้อย
"หึ!! เสือกไม่เข้าเรื่องนะมึงไอ้จเร มึงคิดว่าต้านวิชาหยุดเวลาได้ แล้วอยากจะต่อกรกับพวกกูรึ? ที่ผ่านมามึงไม่เข็ดรึไง"
"ที่ผ่านมากูไม่สนหรอกว่า มึงจะทำเรื่องเหี้ยอะไรมาบ้าง แต่ครั้งนี้กูจะต้องเสือก! เพราะผู้หญิงคนนี้เป็นเมียกู!"
มือหนาโอบไหล่บางของเธอไว้แน่น ประคองกอดไว้ราวกับของมีค่าที่กลัวจะสูญหายและแตกหัก
ขณะที่อีกฝ่ายหัวเราะร่วนคล้ายเป็นเรื่องขบขันยิ่งนัก
"อยู่ดีไม่ว่าดีนะมึงไอ้จเร! ได้กลับมาสู่กายหยาบแล้ว มึงอยากจมดิ่งอยู่ในวังวนดำมืดที่ไม่รู้จักจบสิ้นอีกรึอย่างไร?"
สิ้นสุรเสียงกลางวันก้องนั้น พลังบางอย่างคล้ายลูกไฟก็ถูกปล่อยออกมาพุ่งมายังร่างของเขาและเธอ ทว่าเพียงจเรยกมือซ้ายขึ้นพลังนั้นก็มลายหายไปสิ้นมีเพียงสายลมอ่อนๆพัดมาปะทะหน้าเท่านั้น
ชายผู้นั้นตาเบิกโพลงอย่างตระหนก
"มะ ...มึงมีวิชาต้านกายหยาบได้เช่นไร มึงไปฝึกมาจากที่ใดรึ?"
บุรุษผู้นั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงละล่ำละลัก
"หึ!! มีฝีมือแค่นี้เองรึ?"
จเร แค่นเสียงสูง ก่อนจะปล่อยหมดพลังออกอย่างแรงจนร่างบุรุษผู้นั้นกระเด็นออกไปไกล
ปึก!!!
การะเกดมองภาพเหล่านั้นอย่างตกตะลึง แม้ที่ผ่านมาตั้งแต่เด็กจนโตเธอคลุกคลีอยู่กับพ่อครูไกรศรและนายฮ้อยเพลิง ได้เห็นการปะทะด้วยวิชาอาคมหลายอย่างทั้งไสยเวทย์สายขาวและดำ แต่ยังไม่เคยเห็นการปะทะที่รุนแรงเช่นนี้มาก่อน
นี่คงเป็นไสยเวทย์ชั้นสูงที่มีเฉพาะคนที่ฝึกปรือมาอย่างยาวนานเท่านั้น
"อย่าคิดว่ามึงจะทำสำเร็จ ท่านสุริยันห์ไม่ปล่อยมึงไว้แน่ไอ้จเร!!"
มันตะโกนเสียงดังลั่น ก่อนที่พลังบางอย่างจะโอบล้อมตัวเธอไว้ พลันทุกสิ่งรอบด้านก็กลับมาเคลื่อนไหวมีชีวิตชีวาดังเดิม เสียงเอะอะโวยวายกระทึกครึกโครมอย่างโกลาหลรอบด้าน ทำให้การะเกดรู้สึกเวียนหัวและพะอืดพะอมยิ่งนัก ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะได้รับผลกระทบจากพลังบางอย่างหรือการเปลี่ยนแปลงการคาบเกี่ยวของเวลากันแน่
ทว่ารอบด้านเหมือนจะหมุนคว้าง
ก่อนที่สติสัมปชัญญะของเธอจะดับวูบลง
***********