ตอนที่ 14
อาบน้ำล้างตัว
อาหารที่เตรียมมาในสำรับมีสองสามอย่าง เป็นข้าวเหนียวนึ่งเนื้อทอด จิ้มแจ่วผักลวกกับต้มไก่ใส่ใบมะขามอ่อน แม้จะเป็นคนของเขาทำและยกกับข้าวมาให้ แต่ จเร ก็ไม่วางใจ เขาทำพิธีด้วยการวางมือวนบนถาดสำหรับและพึมพำคาถาเกือบราวหนึ่งนาทีจึงเลื่อนสำรับอาหารให้เธอ
การะเกด นั่งกินอย่างเงียบๆ แต่คอยสังเกตไปรอบเรือน แม้เขาจะบอกว่าที่นี่เป็นที่พำนักชั่วคราว แต่ก็ก่อสร้างด้วยไม้ประดู่อย่างดี แม้เรือนจะไม่ใหญ่เท่ากับเรือนนายฮ้อยเพลิงบ้านของเธอ แต่ก็ถือว่าใหญ่โตสำหรับบ้านในป่าเขาดงดิบเช่นนี้ ภายในเรือนเป็นโถงกว้างมีสองห้อง คือห้องที่เธอนอนและอีกห้องน่าจะเป็นที่เก็บของสำคัญของเขา ห้องโถงด้านนอกค่อนข้างโล่งแทบไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรประดับอยู่นอกจากโอ่งดินใส่น้ำสองใบ
หลังมองจนรอบบ้านแล้ว การะเกดก็หันมาพิจารณาผู้ชายตรงหน้า และสังเกตได้ว่าจเรนอกจากจะสักยันต์ไว้ตรงหน้าอกแล้ว เขายังห้อยพระที่คอ ซึ่งเธอดูออกว่าเป็นพระของหลวงปู่ดุลย์ พระบ้านป่าของอำเภอศีขรภูมิ ผู้ที่แก่กล้าวิชายิ่งนัก
หญิงสาวขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย
"สงสัยอะไรรึ?”
สุรเสียงเข้มเอ่ยถาม
"ท่านเป็นหมอผีไสยเวทย์ดำไม่ใช่รึ? เหตุใดจึงห้อยหลวงปู่ดุลย์ได้" หญิงสาวถามด้วยความฉงน เพราะปกติหมอผีสายดำส่วนใหญ่นั้น จะไม่ห้อยพระหรือนับถือคำสอนฝั่งสายขาว บ้างก็ว่าจะทำให้ของในตัวและวิชาเสื่อม แต่เหตุใดจเรถึงห้อยพระที่เป็นสายขาวระดับต้นๆได้
"ข้าเองไม่ต่างจากพี่ไกรหรอก ข้าฝักใฝ่ทั้งสายดำและสายขาว อีกทั้งหลวงปู่ดุลย์เคยให้แสงสว่างกับข้า ตอนที่..."
ชายหนุ่มชะงักคำพูดไว้แค่นั้น ขณะเหลือบมองมือขาวตรงหน้า ที่ตักข้าวค้างไว้แต่สายตาก็สำรวจไปรอบเรือน มุมปากของเขายกยิ้มเล็กน้อย "ดูเจ้าจะสงสัยหลายอย่างในตัวข้า อยากรู้อะไรก็ถามเสียซิ"
การะเกดอึ้งไปเพียงครู่ ก่อนจะเบี่ยงหน้าหลบสายตาคมเข้มที่จ้องมองมาราวจะทะลุเข้ามาจิตใจของเธอ
"ข้าก็ไม่ได้อยากรู้เรื่องของท่านนักดอก แต่เมื่อได้มาอยู่ที่นี่แล้วข้าก็คงต้องรู้บ้าง"
"ข้าไม่ได้ว่าอะไร ถึงบอกให้ถามไง"
"ผู้หญิงพวกนั้นท่านใช้ของเสน่ห์ ล่อลวงมาเป็นเมียรึ? ข้าพอทราบว่าท่านทำของเสน่ห์และมีขายให้กับกลุ่มคนแถบอีสานใต้ และข้ามาอยู่แบบนี้เหล่าเมียของท่านจะไม่เขม่นข้ารึอย่างไร"
เธอพอรู้กิตติศักดิ์ของหมอผีจเรมาพอสมควร เขาเป็นผู้เล่นไสยเวทย์ของดำหลายอย่าง ทั้งของเสน่ห์ของที่เป็นการประทุษร้ายคนอื่นให้เกิดการเจ็บและทรมานจนตาย
อีกทั้งจเรยังถือว่าเป็นหมอผีที่มีเสน่ห์ มีสาวๆติดพันมากมาย อาจเพราะเขามีของเสน่ห์ด้วยกระมัง
"ผู้หญิงเหล่านั้นไม่ใช่เมียข้า และข้าไม่เคยทำของเสน่ห์ใส่ใครเพื่อให้มารัก"
ไม่ปฏิเสธว่าที่ผ่านมาเขาเคยทำของเสน่ห์เพื่อขายจริงๆ ในช่วงที่ฝึกปรือไสยเวทย์ใหม่ๆ และสิ่งนั้นก็หล่อเลี้ยงให้เขามีกินมีใช้และมีทรัพย์สินจนมั่งคั่งจากการสร้างความศรัทธาให้ผู้คน แต่เขาไม่เคยใช้ของเสน่ห์เหล่านี้เพื่อตัวเอง ไม่จำเป็นเลยสักนิด เพราะถึงไม่ใช้ผู้หญิงเหล่านั้นก็พร้อมจะถวายตัวให้เขาอยู่แล้ว
"ครั้งนี้ท่านเลยเอามาใช้กับข้ารึอย่างไร?"
เธอถามเขาตรงๆ
"เจ้าหลงข้าแล้วรึ?"
จเร ยิ้มมุมปาก มองใบหน้าขาวผุดผาดด้วยแววตาลุ่มลึก "ถ้าข้าใช้กับเจ้า ป่านนี้เจ้าคงไม่ปากดีกับข้าแบบนี้ดอก คงคลานเข่าเข้าหาอ้อนข้าให้เอาเช้าเย็นเป็นแน่"
"ท่านนี่มัน..."
การะเกดหน้าแดงก่ำไปถึงใบหู แม้จะเชื่อในสิ่งที่เขาพูด และเธอรู้ดีว่าสติสัมปชัญญะของเธอครบถ้วนทุกอย่าง เพราะถ้าเขาทำของใส่เธอจริงๆเธอคงไม่รู้สึกสับสนและชิงชังเขาเช่นนี้
"ฮ่า ๆ ๆ เจ้ารู้หรือไม่เวลาเจ้าอายช่างน่ามองนัก"
เป็นการหัวเราะที่สบายใจจนใบหน้าหล่อเหลาดูสว่างเจิดจ้า แล้วก็เป็นครั้งแรกที่การะเกดเห็นเขาหัวเราะแบบนี้
"ข้าก็ว่าอย่างนั้นแหละ เพราะถ้าท่านทำของเสน่ห์ใส่จริงๆ ข้าคงไม่รู้สึกเกลียดท่านขนาดนี้"
เสียงหัวเราะหยุดหายไปทันทีใบหน้าหล่อเหลาอึมครึมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เกลียด
เธอพูดคำนี้กับเขาอีกแล้ว มันเหมือนมีดที่กรีดลึกลงไปในอก ช่างเจ็บปวดและทรมานยิ่งนัก
"เจ้าเกลียดคนที่ช่วยเจ้าและคนที่เป็นผัวเจ้างั้นรึ?"
"....."
การะเกดอึ้งไปเพียงครู่ แม้จะไม่ชอบวิธีการช่วยเหลือของเขา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหากเขาไม่เข้ามาช่วยเธอในตอนนั้น เธออาจจะถูกพวกผรู่ข่ายจับไปแล้วก็ได้
"ครั้งหนึ่งเราเคยเจอกันมาก่อน เจ้าเคยบอกว่ารักข้า"
หญิงสาวตัวชาวาบ
"ข้าเคยเจอท่านมาก่อนรึ? เมื่อไหร่?ที่ไหน? ทำไมข้าจำไม่ได้?"
เขาพูดอะไรเธอไม่เห็นจะรู้เรื่อง....
จเร วางช้อนในมือลง เงยหน้าขึ้นสบตาเธอ เขาสมกับเป็นพ่อมดหมอผีจริงๆนั่นแหละ เพราะทุกครั้งที่เขาจ้องลึกเข้ามาในดวงตา การะเกดรู้สึกราวกับว่าเธอโดนมนต์สะกดจากเขาจนแทบจะหยุดหายใจเสมอ
"เราเคยเจอกันตอนที่จิตของข้าหลุดเข้าไปในความดำมืดจนหาทางออกไม่เจอ ข้าเจอจิตของเจ้าอยู่ในนั้น ก่อนที่เจ้าจะมาเกิดเป็นกายหยาบ"
"......"
นี่มันเรื่องอะไรกัน..
"ไม่เป็นไรดอก เดี๋ยวเจ้าจะค่อยๆจำได้เอง ว่าเคยพูดและสัญญาอะไรไว้กับข้า"
"....."
"รีบกินเสียเถิด เดี๋ยวข้าจะพาไปอาบน้ำที่สระน้ำด้านหลัง เพราะข้าจะทำพิธีล้างตัวให้เจ้าด้วย เดี๋ยวจะมืดค่ำกว่านี้เสียก่อน"
พิธีล้างตัวทำขึ้นในบ่อขนาดใหญ่ด้านหลังที่ติดกับน้ำตกริมเขาไม่ห่างจากตัวเรือนนัก เพื่อล้างกลิ่นสัมภเวสีต่างๆที่อาจจะติดตามตัวมาไม่ให้ผู้มีพลังจิตแก่กล้าจับกระแสได้
การะเกดใส่ผ้าถุงกระโจมอกเดินลงไปในน้ำ ขณะที่จเรร่ายมนต์คาถาพึมพำอยู่ริมตลิ่ง ความอุ่นร้อนจากน้ำที่อุณหภูมิค่อยๆสูงขึ้นและแรงบีบรับที่วนรอบตัวทำให้หญิงสาวรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ด้วยเธอเพิ่งรู้ว่ามีการทำพิธีกรรมเช่นนี้
"ไม่ต้องเกร็งแบบนั้นทำตัวตามสบาย แช่ตัวไว้อย่างนั้นสักยี่สิบนาทีค่อยขึ้นมา"
เขาเอ่ยเสียงเข้ม ดวงตาคู่สีนิลหรี่แคบลง เมื่อหลุบมองร่างขาวในชุดกระโจมอกผมยาวสลวยดำขลับถูกรวบเป็นมวยสูง เผยให้เห็นผิวพรรณเนียนละเอียดราวกระเบื้องเคลือบที่โผล่ผิวน้ำ ชายหนุ่มไล้สายตายังต้นคอระหงและไหปลาร้างดงามและอ้อยอิ่งอยู่ตรงนั้นไม่อาจจะละไปมองที่อื่นได้
การะเกดเหมือนจะรู้ตัวว่าถูกมอง เธอหันมาทำตาเขียวใส่
"ท่านช่วยข้าก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมาทำรุ่มร่ามและรังแกข้าอีกได้นะจเร!"
ถ้อยคำจากริมฝีปากจิ้มลิ้ม ทำให้แววตาของคนที่อยู่ริมตลิ่งดำมืดขึ้น
เขาไม่ใช่คนที่มีความอดทนขนาดนั้นดอก ยิ่งเป็นคนที่เขาปรารถนามาตลอดแบบนาง ถึงแม้ว่าจะเป็นการทำเพื่ออะไรบางอย่างก็ตาม
....แต่ของหวานอยู่ใกล้ตัว ไม่กินก็โง่เต็มทน
****************