ตอนที่ 5
นายน้อยการะเกด
“การะเกดลูก! เป็นยังไงบ้าง? เจ็บตรงไหนมั้ย?”
ธารทิพย์ กับ จำปา ปรี่เข้ามาในห้องแทบจะพร้อมกันและสวมกอดเธอไว้แน่น ขณะที่นายฮ้อยเพลิงและพ่อครูไกรศร เดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทว่าแววตาที่มองยังเธอก็แฝงไว้ด้วยความอ่อนโยนอย่างท่วมท้น
การะเกด ซุกหน้ายังอกแม่ทิพย์ที่ตอนนี้สะอื้นไห้ปริ่มจะขาดใจ จนพ่อเพลิงต้องย่อกายนั่งลงและเอื้อมมือลูบศีรษะภรรยาและลูกสาวเพื่อประโลม
“ใจเย็นๆทิพย์ ยังไงลูกก็กลับมาแล้ว”
“ฮือ ๆ หายไปตั้งเกือบสองเดือน แล้วจู่ ๆ ก็มานอนไม่ได้สติอยู่หน้าบ้าน หนูหายไปไหนมาเหรอลูก แม่กับพ่อเป็นห่วงมากเลยรู้ไหม ฮือ ๆ”
หายไปไหนมางั้นเหรอ?
เธอจะตอบพ่อกับแม่ว่าอย่างไรดี....
เพราะเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าสองวัน ไม่ใช่ซิ!!สองเดือนต่างหากที่เธอหายไป สถานที่นั้นคืออะไร?
“หนูมานอนสลบอยู่หน้าบ้านเหรอจ้ะแม่?”
การะเกดนิ่วหน้าเล็กน้อย พยายามลำดับเหตุการณ์ไปมาแต่เหมือนความทรงจำบางช่วงของเธอจะขาดหายไป เธอได้แต่มองหน้าพ่อกับแม่ สลับกับตากับยายด้วยความฉงน และเห็นว่าพ่อเพลิงกับพ่อครูไกรศรเหมือนกันส่งสัญญานอะไรบางอย่างทางสายตาให้แก่กัน
“ทิพย์กับจำปาออกไปก่อน”
ไกรศร เอ่ยบอกเมียกับลูกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เมื่อสัมผัสกับอะไรบางอย่างได้ ที่แม้จะใช้เวลาเกือบสองเดือนในการเพ่งจิตเข้าฌานควบคู่กับการบริกรรมคาถา พร้อมกับนายฮ้อยเพลิงทว่าเขาไม่สามารถจับกระแสจิต การะเกด ผู้เป็นหลานสาวได้
ผู้ที่มันพาตัวหลานเขาไป ย่อมต้องมิใช่คนธรรมดา
“มันบอกว่าชื่อจเรจ้ะพ่อครู”
ไอ้เจิด บอกเขาไว้ตั้งแต่วันที่การะเกดหายตัวไป กระนั้นไกรศรก็ไม่อยากจะเชื่อเท่าใดนัก เพราะไอ้จเรมันโดนกระสุนลงอาคมย้อนเข้าตัว พร้อมโดนเหล่าสัมภเวสีรุมทึ้งจนวิชาของมันหดหายและหลังจากมันออกจากคุกแล้ว ก็ไม่แน่ใจว่ามันระหกระเหินไปที่อยู่ที่ใด
บ้างก็ว่ามันไปร่วมกับชุมเสือแถวพนมดงรัก
บ้างก็ว่ามันตายห่าไปแล้ว
บ้างก็ว่ามันหนีไปฝั่งทางใต้และบวชไม่สึก
ข่าวลือต่างๆนานา มากมายเกี่ยวกับไอ้จเร คนที่ไกรศรได้รู้ในภายหลังว่า มันไม่ใช่ญาติทางสายเลือดของพ่อครูเพลี๊ยะผู้เป็นพ่อของเขา มันคือเด็กกำพร้าที่พ่อครูเพลี้ยะเก็บเอามาเลี้ยงอย่างดีเหมือนลูกในใส้ แล้วต่อมาชอบติดสอยห้อยตามตามลุงของเขาไปไหนมาด้วย
จนใครๆ ก็คิดว่าจเรเป็นลูกของลุง เขากับจเรเคยเล่นด้วยกันและเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก แม้แต่เขาก็คิดว่านี่คือญาติที่เกี่ยวเนื่องทางสายเลือด และเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น จเรก็เริ่มไปคลุกคลีกับลุงของเขา เนื่องด้วยชื่นชอบอวิชชาไสยเวทย์ดำมากกว่าสายขาว
และเมื่อลุงเขาเสียชีวิต จเรก็ใช้ชีวิตระหกระเหินไปทั่ว เข้าสู่เส้นทางสายดำเต็มตัว จนกู่ไม่กลับ แม้ไกรศรจะพยายามชักชวนกลับมาหลายครั้ง แต่ไม่เป็นผล จนเข้าสู่เส้นทางความขัดแย้ง และชีวิตที่เลวร้าย ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก
แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม...
เหตุการณ์ในเวลานี้ ทำให้ไกรศรไม่คิดอยากจะสนใจเรื่องราวในอดีต
หากไอ้เหี้ยนี้มันไม่โผล่มาฉุดลากหลานสาวสุดที่รักดั่งแก้วตาดวงใจของเขาไปก่อนวันงานแต่งงานเช่นนี้
และที่มันแปลกและน่ากังวลคือเรื่องพลัง ทำไมเขาถึงจับกระแสและเชื่อมจิตกับหลานสาวไม่ได้ และไม่สามารถจะรู้ได้เลยว่ามันอยู่ตรงไหน
"ไอ้จเรแน่รึ?"
นายฮ้อยเพลิง ย่อกายลงนั่งข้างๆบุตรสาว และเอ่ยถามไกรศร อย่างไม่ค่อยเชื่อ
"เป็นมันแน่ ไอ้เจิดไม่โกหกดอก และลักษณะรูปพรรณสัณฐานที่มันบอก คือไอ้จเรแน่นอน"
การะเกด เม้มริมฝีปากเข้ากันแน่น เมื่อได้ฟังถ้อยคำจากทั้งพ่อเพลิงและพ่อครูไกรศร สีหน้าและแววตาเธอแฝงไว้ความสับสน ตั้งแต่เด็กจนโตเธอยังไม่เคยเจอเหตุการณ์อะไรที่ซับซ้อนแบบนี้มาก่อน
"เล่าให้พ่อฟังสิหนูเจออะไรมาบ้างลูก"
เพลิงถามลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"ไม่ต้องกลัวไม่ว่าหนูจะเจออะไรมาพ่อรับได้ทั้งนั้น เล่ามาให้หมดเลย และพ่อกับตาจะไม่ยอมปล่อยให้ใครมาทำร้ายลูกอีก"
“เล่ามาเลย ...เล่ามาทุกอย่างทั้งหมดที่หนูเจอ”
.
.
สายลมเย็นที่พัดผ่านริมน้ำมูลทำให้กิ่งดอกลำดวนข้างเรือนใหญ่ไหวสะบัด กลีบดอกและใบบางส่วนระมายังชานระเบียงไม้ที่สองร่างบุรุษนั่งอยู่ พ่อครูไกรศรและนายฮ้อยเพลิง พ่นควันยาสูบออกมาเป็นควันโขมงขณะมองหน้ากันอยู่เนิ่นนาน หลังจากฟังทุกถ้อยคำจากการะเกดผู้เป็นหลานสาว
“กงล้อแห่งเวลา”
นายฮ้อยเพลิง เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น
“ใช่”
“เหตุใด มันถึงดึงจิตตัวเองได้เช่นนั้น”
ยาสูบมวนใหญ่ถูกขยี้ยังถาดรอง
“ข้าเองไม่แน่ใจนัก เท่าที่ข้าทราบคนที่จะรู้เรื่องนี้ดีที่สุด คงเป็นรัตนาเท่านั้น แต่ไม่แน่ใจว่าตอนนี้นางอยู่ที่ใด เพราะนานมากแล้วที่นางไม่ได้ปรากฎกายให้ข้าเห็นอีกเลยตั้งแต่จำปาคลอดเจ้าไพสันต์ลูกชายคนแรก”
ผู้หญิงลึกลับที่ผลต่อวิถีของจิตบริสุทธิ์ข้ามภพคนนั้น บางทีนางอาจจะหายไปบ้างแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง หายไปแค่สักพักหนึ่งในชีวิตของนาง แต่นั่นอาจเป็นตลอดช่วงอายุขัยของเขาเลยและเขาอาจจะไม่ได้คำตอบนั้น
“แต่นั่นไม่สำคัญดอก ไอ้พวกเวรนั่นก็บำเพ็ญวิชาของมันอยู่แล้ว ตอนนี้จำปากับทิพย์เองไม่ใช่จุดประสงค์ของมัน มิใช่ว่ามันมุ่งเป้ามายังหญิงที่เป็นเลือดเนื้อของหญิงข้ามภพรึ?”
เพลิง ยังคงฉงนต่อ ด้วยตนและพ่อครูไกรศร ถือว่าเป็นผู้แก่กล้าวิชายิ่งนัก และมิเคยกลัวเกรงต่อสิ่งใด แต่ทำไมตอนนี้ถึงไม่สามารถจะจับจิตของ ไอ้จเร ได้แม้แต่น้อย
“ข้าแค่อยากรู้ ว่าไอ้จเรมันต้องการอะไรถึงทำกับการะเกดแบบนั้น รึว่ามันต้องการแก้แค้นพวกเรา”
“ไอ้นี่!!มันทำร้ายลูกสาวกู ถ้าเจอมันกูไม่เอามันไว้แน่”
มือของ เพลิง กำแน่นเข้าหากัน ยิ่งนึกถึงถ้อยคำของลูกสาวที่เอ่ยบอก หัวอกคนเป็นพ่ออย่างเขาก็สะท้อนวาบเข้าไปในอก ด้วยแก้วตาดวงใจนี้เขาเฝ้ารักถนอมเลี้ยงดูมาอย่างดียิ่งกว่าไข่ในหิน
แม้ หมอสรวง จะเคยทำนายไว้ว่า
อย่างไรนายน้อยการะเกดก็จะรอดพ้นจากกลุ่มคนพวกนั้น
หากว่าได้แต่งงานกับ บุรุษที่กล้าแกร่งจากบูรพาทิศ
“แล้วเราจะทำเช่นใดต่อ?”
ไกรศร เอ่ยถามลูกเขย “ถ้ากำนันสิงห์รู้เรื่องนี้ จากที่ว่าจะเลื่อนงานแต่งไปก่อน มิต้องยกเลิกเลยรึ?”
“หากเป็นเช่นนั้น เราก็คงมิอาจฝืนใจผู้ใด” เพลิง ตอบเสียงเข้ม ...อย่างไรการะเกดดอกนี้ก็เลอค่าสำหรับเขาอยู่เสมอ ต่อให้ทางฝ่ายเจ้าบ่าวไม่อยากจะแต่งต่อ ก็ไม่เป็นไร
“ข้ามิได้ใส่ใจยศถาบรรดาศักดิ์หรือทรัพย์สินจากผู้ใด ข้าแค่อยากให้การะเกดปลอดภัยจากไอ้พวกชั่วเท่านั้น เพราะข้าจะไม่มีวันส่งลูกสาวข้าข้ามภพแบบที่เจ้าทำแน่”
หากต้องรอให้ครบหกรอบจักรราศี ก็ไม่แน่ใจว่าชาติภพนี้จะได้มีโอกาสเห็นหน้าลูกอีกหรือไม่?
ชีวิตไม่ได้ยืนยาวขนาดนั้น
ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ เผชิญกับเรื่องอันใด นายฮ้อยเพลิงก็ปรารถนาจะอยู่เคียงข้างกับลูกและเมีย
“ท่านเพลิงจ้ะ กำนันสิงห์มาจ้ะ”
ไอ้เจิด เข้ามากระซิบเบาๆ ทำให้ทั้งสองเงยหน้ามองสบตากัน คาดว่าการกลับมาของ การะเกด เมื่อเช้านี้ คงมีคนส่งข่าวไปถึงกำนันสิงห์ได้อย่างรวดเร็วดุจม้าด่วนเป็นแน่
ไม่ทันจะเอ่ยปากอะไรต่อ
พลันร่างสูงโปร่งของ กำนันสิงห์ หลานเจ้าขุนเมืองเก่าท่าตะมะก็เดินขึ้นเรือนมาและยกมือไหว้ทั้งคู่อย่างนอบน้อม
“สวัสดีครับพ่อครูท่านเพลิง”
กำนันสิงห์ โค้งกายลงต่ำก่อนจะย่อกายนั่งลง ทว่าแววตาคมเข้มบนใบหน้าหล่อสะอาดนั้นแฝงไว้ก็ด้วยความร้อนรนอย่างยิ่งยวด ขณะหันมองไปรอบเรือน
ก่อนจะเอ่ยถามหาว่าที่เจ้าสาวของตนในทันที
“ข้าห่วงการะเกด ...ข้าอยากจะพบนาง”
************
***ปล. เรื่องของพ่อครูไกรศร อ่านได้จากเรื่อง ทะลุมิติมาเป็นสาวรับใช้ในเรือนพ่อครู และ บ่วงรักมัดใจพ่อครูไกรศร
เรื่องของ นายฮ้อยเพลิง อ่านได้จากเรื่อง ข้ามเวลามาเป็นเมียนายฮ้อย