ตอนที่ 4
ร่างกายเจ้าเป็นของข้า
"อิ่มแล้วรึ?"
เสียงนุ่มทุ้มต่ำเอ่ยถาม เมื่อเห็นหญิงสาวเลื่อนถาดสำรับออกห่างจากตัว ข้าวในจานหมดเกลี้ยง แต่หน้าสวยก็ยังคงบูดบึ้ง เมื่อเงยขึ้นมองสบตาเขา
"ข้าอยากกลับบ้าน ป่านนี้พ่อกับแม่ข้าคงเป็นห่วงแน่ ๆ"
แม้อีกฝ่ายไม่บอกว่าจุดประสงค์ว่าที่จับตัวเธอมาต้องการอะไร แต่เมื่อนึกถึงสีหน้าของผู้เป็นพ่อกับแม่ที่ตอนนี้คงร้อนใจในการหายตัวไปและคงกำลังติดตามหาเธอเป็นแน่แท้
"ไม่ต้องห่วงดอกเจ้าได้กลับแน่ แต่ต้องเป็นหลังจากเลยวันกำหนดฤกษ์งานแต่งของเจ้าแล้ว"
ร่างหนาเหยียดกายลุกขึ้น แล้วเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่าถ้อยคำนั้นของชายหนุ่มก็ทำให้ การะเกด ตาเบิกโพลงอย่างตระหนก
"ฤกษ์วันแต่งงานของข้าตั้งอีกเดือนนึง อย่าบอกนะว่าเจ้าจะกักขังข้าที่นี่ไว้เป็นเดือนสองเดือน พ่อกับแม่ข้ามิอกแตกตายเลยรึ?"
หญิงสาวขยับเข้าไปใกล้ แล้วดึงข้อมือของอีกฝ่ายไว้ เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มจะเดินหันหลังออกจากห้องไป หัวคิ้วของ จเร กระตุกเล็กน้อย เมื่อความอ่อนนุ่มบดเบียดเข้ามาใกล้ชิด
"เวลาที่นี่กับเวลาด้านนอกต่างกันหลายชั่วยามนัก อีกไม่กี่เพลาก็จะถึงกำหนดวันงานแต่งของเจ้าแล้ว"
"อ๊ะ ...อะไรนะ!"
เป็นไปไม่ได้!!!
เธอเพิ่งจะหลับไปหนึ่งคืนแล้วตื่นขึ้นมา แล้วเวลาด้านนอกจะล่วงเลยผ่านไปหนึ่งเดือนกว่าแล้วได้อย่างไรกัน
นี่เป็นเรื่องเหลือเชื่ออย่างที่สุด!!
"เจ้ากินข้าวให้อิ่มและพักผ่อนนอนหลับให้เต็มที่ อีกไม่นานเจ้าจะได้กลับบ้าน"
"ดะ...เดี๋ยว! เจ้าจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ จะมาทำลายงานแต่งของข้าได้ยังไง พ่อกับแม่ข้าเป็นคนมีชื่อเสียงในจังหวัดสุรินทร์และแถบอีสานใต้ ป่านนี้พวกท่านจะเป็นกังวลแค่ไหน"
งานแต่งของเธอกับ กำนันสิงห์ ผู้กว้างขวางและมีเชื้อสายเจ้าพระยาเมืองท่าตะมะของลุ่มแม่น้ำมูล ถูกวางแผนไว้เป็นอย่างดี และผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการทั้งกลุ่มข้าราชการชั้นผู้ใหญ่กลุ่มนักธุรกิจค้าไม้ และเหล่าบรรดาลูกศิษย์ลูกหาของพ่อครูไกรศร ล้วนทราบเรื่องราวนี้เป็นอย่างดี
แต่ชายตรงหน้ากำลังทำให้ทุกอย่างพังทลายลง
"ยังไงเจ้าก็ไม่มีทางได้แต่งกับใครหน้าไหนทั้งนั้นอยู่แล้ว และตอนนี้เจ้าเป็นเมียข้าแล้ว ถ้าจะยังกล้าไปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นอีกรึ?"
ดวงตาคู่สีนิลเข้มดั่งรัตติกาลดำมืดลง มือหน้าโอบกอดรอบเอวคอดกดร่างบางให้แนบชิดกับลำตัว
หัวใจของการะเกดเริ่มเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ
"ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้! ยังไงข้าก็ต้องแต่งงานกับกำนันสิงห์ เพื่อชื่อเสียงวงศ์ตระกูลของข้า สิ่งที่เสียไปกับเจ้าข้าจะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น"
"เช่นนั้นรึ?"
นิ้วเรียวแข็งไล้ยังเรียวปากอิ่มจิ้มลิ้มช่างเจรจา ประกายบางอย่างปรากฏชัดในแววตาของเขา
"อีกอย่างสิ่งที่เกิดขึ้นมันคือความผิดพลาด ข้าไม่ถือว่าเจ้ากับข้ามีความผูกพันอะไรกันทั้งสิ้น"
น้ำเสียงเย็นชาจากริมฝีปากนุ่มนั้น ทำให้กรามของชายหนุ่มบดเบียดเข้าหากันแน่นจนเป็นสันนูนเด่น
"เจ้าคงลืมทุกอย่างที่เคยพูดไว้กับข้าจริงๆ ไม่เป็นไรข้าจะสัมผัสเจ้าบ่อยๆ จนกว่าเจ้าจะจำมันได้"
"ไม่มีทาง อื้อ..."
ไม่ทันจะเอ่ยอะไรต่อริมฝีปากหยักก็บดจูบยังเรียวปากอิ่มของเธออย่างรวดเร็ว เพียงหญิงสาวเผยอปากออกลิ้นสากร้อนก็สอดแทรกยังโพรงปากนุ่ม ตวัดดูดคลึงลิ้นเล็กอย่างดูดดื่ม
มือหนาฟอนเฟ้นไปทั่วร่างของเธอ ไม่นานนักชุดผ้าไหมเนื้อดีของเธอก็ถูกปลดเปลื้องออกจากร่างอย่างรวดเร็ว และช่างน่าแปลกนักที่การะเกดไม่อาจจะต้านทานความเร่าร้อนจากเรือนร่างกำยำแน่นเครียดของเขาได้
ร่างของเธอถูกดันไปจนชิดกับผนังห้อง
ความเย็นวาบที่แตะแผ่นหลังเปลือยเปล่านั้น ทำให้หญิงสาวเริ่มจะขัดขืน ทว่ากลับถูกเขารวบมือเธอขึ้นไว้เหนือศีรษะด้วยมือหนาเพียงข้างเดียว
“ถ้าทำไปหนึ่งครั้งแล้วยังไม่ตราตรึงในใจของเจ้า ข้าจะได้ทำอีกครา”
ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เมื่อหลุบตามองสองปทุมขาวสล้างอวบอิ่มแสนงดงาม ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงหยอกล้อผิวกายละเอียดนุ่ม ลิ้นร้อนเลียละเลียดครอบครองดอมดมความหวานล้ำยอดทรวงอก จนกายสาวแอ่นเอนรับริมฝีปากเขา ความเสียวซ่านแผ่กระจายไปทั่วร่างยามเขาดูดดุนยอดสีทับทิมจนเป็นใตแข็งชูชัน
เรียวขางามของเธอถูกแยกออกร่างหนาเข้ามาแทรก ขณะริมฝีปากอุ่นร้อนไล้จูบพรมเธอไปทั่วร่าง เสียงลมหายใจของการะเกดหอบถี่กระชั้นอีกครั้ง แม้จะรู้สึกเดียดฉันท์กับการกระทำที่แสนอุกอาจเอาแต่ใจนี้เพียงใด ทว่าร่างกายของเธอกลับโอนอ่อนอย่างง่ายดาย
“จะ..เจ้ารังแกข้า”
“ร่างกายของเจ้าเองก็ต้องการข้า เหมือนที่ข้าต้องการ”
ลมหายใจอุ่นร้อนของเขาพรมไปทั่วเรือนร่าง จนเธอร้อนรุ่มดั่งโดนไฟนาบ ทุกส่วนในร่างกายถูกประโลมด้วยปากและลิ้นสากร้อน เสียงจูบอันดูดดื่ม ดึงสติของการะเกดให้ดำดิ่งไปรสสัมผัสวาบหวาม ก่อนที่แก่นกลางกายที่แข็งชูชันและเต็มไปด้วยหยาดน้ำใสจะจ่อทาบยังกลีบเนื้อสาวที่ฉ่ำชุ่ม
“ข้าไม่เคยต้องการเจ้า”
“เจ้าปฏิเสธร่างกายตัวเองไม่ได้ดอก”
อุ้งมือหนาตรึงสะโพกเธอไว้แน่น และสอดตัวตนเข้าไปจนสุดก่อนจะแช่ค้างไว้เพียงครู่ ความรู้สึกจุกร้อนแผ่ซ่านไปทั่วร่างของการะเกด จนต้องเอื้อมมือจับบ่าหนา สองขาเรียวตวัดรัดรอบสะโพกเพรียวไว้แน่น ร่างเล็กโอนไหวและหอบแรงตามจังหวะโยกของสะโพกเพรียว ความวาบหวามแผ่ซ่านไปทั่วร่างของเธอ
ริมฝีปากอิ่มจิ้มลิ้มเม้มเข้าหากันแน่น
“ขะ ..ข้าเกลียดเจ้านักจเร”
“หึ!! เจ้าเกลียดผัวตัวเองงั้นรึ?”
“อื้อ....”
“จำไว้ว่า ...ร่างกายและจิตวิญญาณของเจ้าเป็นของข้าคนเดียว”
.
.
“เฮือก!!”
ร่างบางสะดุ้งโหยงเมื่อกระพริบตาอีกครั้ง พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเรือนใหญ่รัตนบุรีบ้านของนายฮ้อยเพลิงผู้เป็นพ่อ เสียงเซ็งแซ่ดอื้ออึงของผู้คนมากมายที่คุ้นชินดังอยู่รอบตัว
“ฟื้นแล้วๆ นายน้อยการะเกดฟื้นแล้ว!!”
*************