ตอนที่ 3
ชายลึกลับ
กลิ่นหอมของดอกการะเกดที่โชยมาแตะจมูก ผสานกับกลิ่นธูปเทียนและกลิ่นน้ำมันหอมระเหย ทำให้เปลือกตาคู่สวยของหญิงสาวกระพริบถี่และปรือตาขึ้นอย่างช้าๆ การะเกด ตระหนักได้ว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงไม้ประดู่ขนาดใหญ่กลางห้องโถงซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นที่ไหน รอบห้องนั้นว่างเปล่าไม่มีเฟอร์นิเจอร์ใดๆ นอกจากเตียงที่เธอนอนอยู่
มีเพียงดอกการะเกดช่อใหญ่ที่วางไว้คู่กับกระถางธูปเทียนอย่างละอัน
หญิงสาวรีบผุดกายลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะก้มลงสำรวจร่างกายตัวเอง เรือนร่างอรชรขาวสล้างเปลือยเปล่า อยู่ภายใต้ผ้าห่มหนาผืนใหญ่ เสื้อผ้าชุดไหมที่เธอใส่ตอนเดินลงจากเรือนของพ่อครูไกรศร หล่นกองอยู่ยังพื้นเรือน หญิงสาวรีบหยิบมาสวมใส่อย่างรวดเร็ว
เธอรีบเปิดประตูห้องออกมาด้วยอยากรู้ว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ไหน ความทรงจำในเมื่อวานนั้นเธอถูกชายหนุ่มรูปร่างกำยำฉุดมาที่นี่และร่วมรักกัน โดยไม่ทราบว่ามันเป็นผู้ใด
ทว่าถ้อยคำที่มันตอกย้ำนั้น ยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทของเธอ
"อะไรกันนี่!"
การะเกดเบิกตาโพลง เมื่อเปิดประตูออกมาด้านนอก รอบด้านเป็นสีขาวโพลนไปหมด สุดลูกหูลูกตานั้นเป็นบันไดที่ทอดยาวจากประตูที่เธอเปิดออกมาโดยมีแอ่งดินเล็กๆ ตั้งอยู่เป็นระยะ และมีผ้าคลุมอยู่ทุกใบ นอกจากแอ่งดินแล้วก็ไม่ได้มีอะไรอีกเลย
"ที่นี่ที่ไหนกัน?"
เธอถามตัวเองอย่างฉงน แม้จะไม่ได้รู้ทุกส่วนทุกเขตในจังหวัดสุรินทร์และแถบพื้นที่อีสานใต้ ทว่าเธอก็มั่นใจว่าเธอรู้มากพอสมควร เพราะเธอคือลูกสาวของนายฮ้อยเพลิง และแม่ธารทิพย์เศรษฐีค้าไม้ที่ร่ำรวยแห่งอีสานใต้
จึงได้เดินทางไปทั่วทั้งภาคอีสานและแถบพื้นที่เหล่านี้จนหมด ทว่าสถานที่แห่งนี้เธอไม่ทราบว่าเป็นที่ใด?
วิ่ง!!!
เธอบอกตัวเอง ก่อนจะออกแรงวิ่งให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะออกไปจากตรงนี้ ทว่าไม่ว่าเธอจะออกกำลังอย่างสุดแรงเท่าใด ก็เหมือนว่าเธอยังอยู่ที่เดิมตรงหน้าประตูนี้
"อย่าพยายามให้เหนื่อยเลย"
เสียงเข้มแหบห้าวด้านหลังทำให้เธอหันกลับไปมอง ร่างกายเหมือนโดนมนต์บางอย่างสะกดทำให้เธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เมื่อสบสายตาคู่สีนิลเข้มบนใบหน้าหล่อเหลาคมคร้าม เป็นชายคนเดียวกับที่ฉุดเธอมาเมื่อวานและได้ร่วมรักกับเธอเมื่อคืนนี้
"กะ แก! ไอ้คนบ้า! แกพาฉันมาที่ไหน? ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะ"
มุมปากหยักสวยของชายหนุ่มยกขึ้นเล็กน้อย การะเกด สังเกตว่าใบหน้าหล่อเข้มนั้นมีไฝเม็ดเล็กๆอยู่มุมทางคิ้วข้างซ้าย เรือนกายกำยำของเขานั้นเต็มไปด้วยรอยสัก เหมือนดังคนที่เล่นคาถาอาคม ไม่ต่างจากพ่อครูไกรศรผู้เป็นตาของเธอ
"หิวรึไม่?"
ร่างกำยำสาวเท้าเข้ามาใกล้และเอ่ยถามเสียงเข้ม ไม่ใส่ใจกริยาและคำถามของเธอเลยสักนิด ก่อนจะเอื้อมมือหนาแตะยังหน้าผากของเธอ แต่การะเกดรีบปัดมือนั้นออกจากรวดเร็ว
"เอามือออกไปอย่ามาแตะต้องตัวข้า! หากอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป จงปล่อยข้าออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน ทั้งนายฮ้อยเพลิงพ่อข้า และพ่อครูไกรศรได้ตามล่าตัวแกจนตายแน่!"
"อือ! ข้าก็รอมันทั้งสองอยู่"
ชายหนุ่มตอบเสียงเอื่อยเฉื่อย ก่อนจะถอยหลังไปหนึ่งก้าว แล้วย่อกายนั่งลงบนตั่งไม้ประดู่กลางห้อง มีสำรับอาหารเช้าวางอยู่ตรงนั้น
การะเกดประหลาดใจยิ่งนัก ว่าตั่งและสำรับอาหารเช้า มาวางตรงนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน
"เจ้าเป็นใครกันแน่? บอกข้ามา! แล้วข้าอาจจะละเว้นไม่ให้พ่อข้ากับพ่อครูไกรศรฆ่าเจ้า!"
เสียงหัวเราะของชายหนุ่มดังในลำคอ
"เจ้ารู้จักข้าดีการะเกด เจ้าเพียงคนเดียว ที่รู้จักข้ายิ่งกว่าผู้ใดในโลกใบนี้"
ชายผู้นี้พูดอะไรกันเธอไม่เห็นจะเข้าใจ เธอไปรู้จักและเห็นเขาตั้งแต่ตอนไหนกัน เธอเพิ่งเคยเห็นเขาเมื่อวานตอนที่เขาฉุดเธอลงจากรถและพามาที่นี่
"ข้าไม่รู้จักเจ้า ข้าไม่เคยพบเจ้าอย่ามาโป้ปดมดเท็จ"
ใบหน้าสวยแดงระเรื่อด้วยแรงโทสะ ทว่าอีกฝ่ายกลับหัวเราะร่วน คล้ายเป็นเรื่องขำขันเสียเต็มประดา
"ข้ามิได้ปดเจ้า ไม่มีสาเหตุอันใดที่ต้องทำเช่นนั้น สักวันหนึ่งเจ้าจะรู้เองว่าข้าคือคนที่สำคัญกับเจ้ามากแค่ไหน และครั้งหนึ่งเจ้าเคยสัญญาอะไรกับข้าไว้"
การะเกด ยืนนิ่งเหมือนดั่งโดนมนต์สะกด ความสับสนมากมายปะทุขึ้นมาในใจ เหตุการณ์ตั้งแต่เมื่อวานที่เกิดขึ้น นับตั้งแต่เธอย่างเท้าก้าวลงจากเรือนของพ่อครูไกรศร แล้วโดนชายผู้นี้ฉุดกระชากลงมาจากรถของไอ้เจิด
คำถามมากมายผุดขึ้นในใจของเธอ
และยิ่งมาเจอกิริยาและสภาพแวดล้อมที่รอบตัวของชายลึกลับผู้นี้อีก
"ข้าได้ยินเจ้าพูดกับไอ้เจิด ....ว่าเจ้าชื่อจเร นั่นคือชื่อของเจ้าใช่รึไม่"
หัวคิ้วเรียวสวยของหญิงสาวขมวดเข้าหากันเล็กน้อย จเร ชื่อนี้แสนคุ้นนัก เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
"ใช่ นามของข้าคือจเร"
"เจ้าเป็นอะไรกับพ่อครูไกรศร?"
ใช่แล้วเธอเคยได้ยิน พ่อครูไกรศรและยายจำปาเอ่ยถึงชื่อนี้ อยู่เป็นเนืองนิจ
"ไกรศรเคยเอ่ยถึงข้าให้เจ้าฟังด้วยดอกรึ?"
เหมือนใบหน้าหล่อเหลานั้นจะยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น
"เจ้ามีความแค้นอันใดต่อพ่อครูไกรศรและพ่อเพลิงของข้า ถึงได้มากระทำกับข้าเช่นนี้"
มือขาวของการะเกดกำแน่นเข้าหากัน ร่างบางขยับเข้าไปใกล้กับอีกฝ่าย
จเร หลุบตาต่ำมองกริยาของคนตรงหน้า กลิ่นหอมอ่อนๆจากเรือนกายของเธอผสานกับกลิ่นดอกการะเกดในห้อง โชยมาแตะจมูก แสนละมุนจนเขาต้องสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มแรง
"ข้าชอบกลิ่นของเจ้า เป็นกลิ่นเดิมที่ไม่มีเปลี่ยนแปลง"
ยิ่งเขาพูดการะเกดก็ยิ่งฉงนนัก
"เจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามของข้า?"
"กินข้าวก่อนซิ! แล้วข้าจะบอก"
คิ้วหนายกขึ้นก่อนจะเปิดถาดสำรับขึ้นมา กลิ่นหอมของข้าวหอมมะลิที่เพิ่งหุงสุกใหม่ๆ พร้อมปลาช่อนนึ่งขมิ้นกับจิ้มแจ่ว ชวนให้น้ำลายสอ จนการะเกดเผลอกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหิว เพราะตั้งแต่เมื่อวานเย็นยังไม่มีอะไรตกถึงท้องของเธอเลย
หญิงสาวจึงย่อกายลงนั่งอย่างว่าง่ายแม้จะยังตะขิดตะขวงใจในท่าทีของอีกฝ่าย และที่ผ่านมานั้นพ่อครูไกรศรคอยพร่ำบอกเธออยู่เสมอ ว่าอย่ารับของกินจากคนแปลกหน้าง่ายๆ เพราะเสี่ยงต่อการจะถูกใส่คาถาอาคมลงไปในนั้น
"ข้าไม่ได้ใส่ของและยาอะไรลงไปดอก ไม่จำเป็นต้องใช้สิ่งแบบนั้นสำหรับเจ้า"
เหมือน จเร จะรู้ใจอีกฝ่าย
การะเกดอยากจะต่อต้านเขายิ่งนัก ทว่าความหิวที่มีมากมายอยู่ตอนนี้ ทำให้เธอจำเป็นต้องตักข้าวกินอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังช้อนตามองเขาอยู่เป็นระยะ
"เจ้าเป็นมนุษย์เหมือนข้าใช่รึไม่?"
ชายหนุ่มหัวเราะในลำคออีกครั้ง
"ใช่ ข้าเป็นมนุษย์เช่นดั่งเจ้านั่นแหละ"
แม้ว่าที่ผ่านมาจิตของเขาจะเดินทางวกวนอยู่ในอีกหลายมิติก็ตาม และวนเวียนอยู่ในห้วงของกาลเวลาร้อยพันชาติ ทว่าเมื่อถูกดึงจิตกลับมาสู่กายหยาบ เขาก็ยังคงเป็นมนุษย์ปุถุชน ที่ยังคงมีความรู้สึกรักโลกโกรธหลง หิว อิ่มและรับรู้ความเจ็บปวดดั่งเช่นเดิม
การะเกดไม่ถามอะไรต่อจากนั้น เธอกินอาหารอย่างเงียบๆจนข้าวหมดจาน พลางสังเกตไปรอบข้างไปด้วย ก่อนจะเอ่ยถามเขาด้วยความฉงน
"ที่นี่เป็นที่ไหนกัน? ใช่อยู่ในเขตจังหวัดสุรินทร์รึไม่? แล้วแอ่งดินที่ปิดฝาพวกนั้นคืออะไรกัน?"
เมื่อเขาไม่ตอบคำถามก่อนหน้านั้น อย่างน้อยเธอก็อยากรู้ว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน
ชายหนุ่มวางช้อนในมือลงหลังข้าวในจานหมดเกลี้ยง ก่อนจะตอบเธอด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ที่นี่คือเรือนครอบวิญญาณ แอ่งดินพวกนั้นคือของบรรจุวิญญาณสัมภเวสีที่หิวโหยไว้"
เรือนครอบวิญญาณรึ?
การะเกดตัวชาวาบ เธอเคยได้ยินเกี่ยวกับตำนานของเรื่องราวเหล่านี้ เรือนครอบวิญญาณ เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วย เหล่าสัมภเวสี และผู้ที่จะสามารถควบคุมเรือนนี้ได้ต้องเป็นผู้ที่มีวิชาอาคมอันแกร่งกล้ายิ่ง
เพราะแม้แต่พ่อครูไกรศร ผู้เป็นตาของเธอ แม้จะฝึกปรือคาถาอาคมมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน จนเลี้ยงผีหลายชนิดไว้ในเรือน ก็ยังไม่สามารถจะควบคุมวิญญาณมากมายได้เท่ากับเรือนครอบวิญญาณนี้ได้
แสดงว่าชายผู้นี้ มิใช่มีแค่คาถาอาคมธรรมดาเท่านั้น แต่เขาต้องสามารถเข้าถึงกงล้อแห่งเวลาได้!!
****************
ปล.แอ่งดินคือหม้อดินเผาหรือโอ่งดินขนาดเล็กมีฝาปิด