1

2950 คำ
17.25 น. "โมกลับก่อนนะคะ" "กลับดีๆล่ะ เอ้าขนมเค้ก" "ขอบคุณฮะคุณลุง!" ฉันยิ้มให้ผู้จัดการพร้อมก้มหัวให้เขาเมื่อเขายื่นถุงขนมเค้กมาให้เจ้าตัวเล็กที่กำลังจับมือฉันอยู่ โนริยิ้มกว้างพร้อมเอื้อมมือขึ้นรับถุงขนมจากมือผู้จัดการร้านฉันอย่างตื่นเต้น "ขอโทษที่รบกวนอีกแล้วนะคะ" "ไม่ป็นไรหรอกให้โนริรอที่โรงรียนมันอันตรายดูสิขนาดเด็กออกมายังไม่รู้กันเลย" "ขอบคุณอีกครั้งนะคะ" ผู้จัดการพยักหน้าอีกครั้งฉันจึงเดินออกมาจากร้านที่ฉันทำงานพิเศษพร้อมกับโนริที่กำลังเดินกระโดดไปมาพร้อมกับมองเค้กในกล่องด้วยความดีใจ ฉันเอื้อมมือไปจับมือเล็กก่อนจะเตือนให้โนริมองถนนก่อนที่เราจะรีบวิ่งเพื่อขึ้นรถเมล์ที่กำลังจอดอยู่ที่ป้าย ฉันพาโนริมานั่งในที่นั่งเบาะก่อนก่อนจะหันมองโนริด้วยสายตาดุๆ "ไหนบอกพี่หน่อยซิว่าทำไมถึงกล้าออกจากโรงเรียนแบบนี้?" "หื้มม" "ไม่ต้องเลยโนริ พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่ามันอันตรายถ้าเราโดนจับไปพี่จะทำยังไง" ฉันมองโนริด้วยสายตาจริงจังแต่ถึงอย่างนั้นฉันก็จะไม่ใส่อารมณ์เวลาดุโนริ ปกติเวลาฉันดุฉันจะคุยและเตือนไปด้วยเพราะอย่างน้อยโนริก็จะได้ไม่รู้สึกกลัวและร้องไห้อีก "ก็โนริไม่อยากนอนครูจะบังคับให้ผมนอนถ้าไม่มีใครไปรับ มี๊ก็ทำงานอ่ะแต่ๆๆแต่ริรู้ว่าริต้องมาหามี๊ยังไง" โนริรีบพูดผิดๆถูกๆทันทีขณะที่ดวงตาก็เบิกกว้างไปด้วยเมื่อเห็นว่าฉันมองอย่างไม่เชื่ออยู่ เด็กน้อยอยู่มือชี้โรงเรียนตัวเองที่รถเพิ่งผ่านก่อนจะหันมองมาที่ฉัน "เนี้ยใกล้ๆกันเองมี๊ให้ไหม?" "ถ้ามีอีกพี่จะโกรธจริงๆนะโนริ" "ไรง่า..." โนริยู้ปากก่อนจะมองฉันอีกครั้ง "กะได้ๆริสัญญา เอานิ้วก้อยมา" ฉันยิ้มออกมาบางๆก่อนจะยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวกับนิ้วก้อยป้อมๆของโนริอย่างพอใจ โนริยิ้มก่อนจะเปลี่ยนท่านั่งเป็นขัดสมาธิและหันมาทางฉันเต็มตัว "พี่เหมเท่ห์มากเลยเนาะมี๊ เขามาช่วยริแล้วก็พามาส่งด้วยรถเขาแท้มากกกเหมือนรถของกัปตันอเมริกาเลยย" โนริเริ่มโม้เรื่องของพี่เหมของเขาอีกแล้วหลังจากที่คุยให้พนักงานในร้านฟังไปแล้วครั้งนึง ดูแล้วโนริคงชอบคุณเหมอะไรนั้นมากจริงๆแล้วล่ะซึ่งฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรและรู้สึกขอบคุณเขาด้วยซ้ำที่ช่วยพาน้องมาส่งให้ถึงร้าน อีกอย่างเขาก็เป็นลูกค้าประจำของร้านด้วย...มากี่ครั้งเขาก็สั่งเมนูเดิมๆฉันยังจำวันแรกที่เขามาสั่งได้อยู่เลย 'ลาเต้ปั่นเพิ่มหวานแต่ไม่ต้องหวานมาก' ตอนนั้นพนักงานทั้งร้านงงหมดและมันคงเป็นโชคของฉัน(?)ที่วันนั้นเป็นวันทำงานของตัวเอง ฉันทำงานพิเศษเป็นบาริสต้าน่ะและวันนั้นฉันเลยต้องทำแม้จะงงหน่อยๆแต่เขาก็ดูโอเคนะ มันตรงตามที่เขาต้องการไหมไม่รู้แต่อย่างน้อยเขาก็ยังมากินเรื่อยๆ "นี่ๆวันนี้มี๊โทรมาไหมฮะ?" "ตอนนี้ยังน่ะแต่เดี๋ยวก็โทรมาแหละแต่โนริต้องไปอาบน้ำก่อนนะครับ" โนริรีบพยักหน้าทันทีก่อนที่เจ้าตัวเล็กจะรีบวิ่งขึ้นบันไดโดยไม่ลืมที่จะหันไปทักทายคุณป้าเจ้าของตึกที่แบ่งห้องให้เราเช่าอยู่ อันที่จริงฉันอยากอยู่หอพักนะแต่กฎเยอะแถมค่าใช้จ่ายก็มากฉันเลยมาหาที่พักแถวโรงเรียนโนริแทน ฉันเดินตามโนริจนขึ้นมาถึงชั้นดาดฟ้าที่เป็นชั้นของตัวเองขณะที่โนริก็ขึ้นมาถึงและเปิดประตูเข้าบ้านไปก่อนแล้ว "เหมือนฝนจะตกเลยแฮะ" ฉันมองไปที่ท้องฟ้าที่กำลังครึ้มก่อนจะเอาของตัวเองเข้าไปเก็บในบ้านและเดินออกมาเก็บผ้าเข้ามาพับจนเรียบร้อยฉันจึงทำอาหารต่อก่อนจะสอนการบ้านโนริจนเสร็จพร้อมๆกับเสียงโทรศัพท์ตัวเองที่ดังขึ้น โนริที่กำลังนั่งระบายสีอยู่รีบวิ่งมาหาฉันทันทีพร้อมๆกับฉันที่กดรับสายวิดิโอที่ต่อมาจากทางไกล "มี๊!!" (โนริเป็นไงบ้างลูก) "โนริคิดถึงมี๊ฮะ!" ฉันกับพี่สาวหัวเราะออกมาพร้อมกันทันทีที่โนริตอบแม่ตัวเองอย่างไม่ตรงคำถาม ฉันจึงยื่นโทรศัพท์ให้โนริได้คุยและเห็นหน้าแม่ตัวเองชัดๆเพื่อให้เขาหายคิดถึง เธอเป็นทั้งพี่สาวของฉันและเป็นแม่ของโนริน่ะและเธอจะคอลมาหาแบบนี้อาทิตย์ล่ะครั้งซึ่งไม่แปลกที่โนริจะตั้งตารอที่จะคุยกับแม่ตัวเอง พี่สาวฉันเธอไปทำงานที่ต่างประเทศนี่ก็จะครบสองปีแล้วมั่งที่ไปส่วนเหตุผลก็ไม่มีอะไรมาก..เราไม่มีเงินและพี่สาวฉันก็เลิกกับแฟนและแฟนของเขาก็ทิ้งหนี้ให้อีกกองโตปล่อยให้พี่รับอยู่คนเดียวพี่จึงต้องไปทำงานกับคนรู้จักที่นู้นซึ่งแรกๆก็หนักหน่อยเพราะยังปรับอะไรไม่ได้แต่ตอนนี้ฉันเลิกห่วงแล้วอย่างน้อยพี่ก็ยังสามารถคอลมาหาโนริได้ "มี๊ฮะมีอยากคุยด้วย" โนริว่าพร้อมกับยื่นโทรศัพท์มาให้ฉันหลังจากที่เขาคุยกับแม่ตัวเองมานานเกือบสามสิบนาทีฉันจึงเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์จากน้องและขยี้ผมโนริเบาๆ (บอกกี่ครั้งแล้วครับโนริว่าให้เรียกพี่โมว่าพี่) "ไม่เป็นไรค่ะพี่โนริคงชินแล้วล่ะ" (เฮ้อเดี๋ยวคนอื่นจะคิดว่าเรามีลูกน่ะสิโม) ฉันยิ้มให้พี่บางๆและไม่ตอบอะไรเพราะชินแล้ว คือบางทีเราก็ไม่จำเป็นต้องสนใจคนอื่นที่มองมาหรอกฉันเลิกสนใจคำพูดพวกนั้นมานานมากแล้ว (แล้วเป็นไงเงินพอใช้ไหม?) "พอใช้ค่ะโมเพิ่งได้เงินวีคนี้" (แล้วค่าเทอมล่ะ) "โมได้ทุนไงพี่น้ำ พี่ลืมใช่ไหมเนี้ย" (โอ้ยย โทษทีพี่ลืมสงสัยจะทำงานหนักไปหน่อย) "พักผ่อนบ้างสิคะ" (จ้าๆ เธอก็เหมือนกันอย่าห่วงแต่โนริ) "ไม่ห่วงไม่ได้หรอกลูกพี่นี่นักผจญภัยอันดับหนึ่งเลยแหละ" ฉันตอบพี่ขำๆก่อนที่เราจะคุยกันต่ออีกนิดหน่อยพี่จึงขอตัวไปทำงานเพราะถึงเวลาที่ต้องออกจากบ้านแล้วและฉันก็ต้องเตรียมชุดให้โนริใส่ไปโรงเรียนพรุ่งนี้ ดีหน่อยที่โนริจัดกระเป๋าเป็นแล้วเลยไม่ต้องห่วงเท่าไหร่นัก "ฝันดีนะโนริหวังว่าพรุ่งนี้จะรอพี่ไปรับโอเคนะ??" "โอเคฮะ!" เสียงเล็กตอบกลับมาเสียงดังก่อนที่ฉันจะหอมแก้มเจ้าตัวยุ่งเบาๆและห่มผ้าให้โนริหลังจากเล่านิทานให้เขาฟังไปแล้วหนึ่งเรื่องเหมือนทุกวัน ส่วนมากโนริมักจะชอบให้อ่านนิทานแนวผจญภัยล่ะแล้วคือฉันไม่แปลกใจเลยที่น้องฉันกล้าที่จะเดินมาหาถึงร้านเหมือนวันนี้ ฉันส่ายหน้าไปมาก่อนจะเดินออกมาจากห้องนอนของโนริและเดินมาที่ห้องตัวเอง ฉันใช้เวลาหลังจากที่ส่งโนริเข้านอนในการอ่านหนังสือต่ออีกหน่อยก่อนจะเช็คข้อความต่างๆซึ่งส่วนมากก็ไม่มีอะไรมากนอกจากแชทกลุ่มที่พวกเพื่อนๆคุยกันมีบ้างที่เป็นกลุ่มไลน์ใหญ่ของคณะที่มีประเด็นนู้นนี่มาคุยบ่อยๆแต่ฉันก็ไม่ได้ตอบเท่าไหร่หรอกเพราะไม่รู้จะคุยอะไรอีกอย่างฉันก็รู้จักคนน้อยด้วย และวันนี้ก็เหมือนทุกวันที่ฉันทำอะไรเดิมๆจนถึงเวลาเข้านอนซึ่งวันต่อๆไปมันก็เป็นแบบนี้เป็นแบบนี้วนไปเรื่อยๆ... 23.15 น. "ไอ้เหี้ยเหม!" "ไม่แหกปากสักวันหมาที่บ้านมึงจะตายหรอวะ?" "ไม่เอาไม่แช่งหมากู!" ผมถอนหายใจเบาๆก่อนจะถอดหูฟังออกและหมุนเก้าอี้หันไปหาคนมาใหม่ที่เดินเข้ามาในห้องผมอย่างถือวิสาสะ ไอ้คนหน้าด้านที่รู้รหัสห้องผมมีตัวเดียวและไอ้นั้นคือไอ้เชี้ยดิวผมมองเพื่อนตัวสูงของตัวเองก่อนจะส่ายหน้าไปมาเพราะรู้ว่ามันจะพูดอะไร "งานกูยังไม่เสร็จ" "มึงทำงานเชี้ยไรกูเห็นวันๆเอาแต่หน้าแช่หน้าคอม??" "กูเรียนกราฟิกมึงจะให้กูอยู่หน้าตู้เย็นรึไง?" "คือกูก็เรียนเหมือนมึงป่ะ?" "งั้นมึงต้องรู้ว่ากูไม่ว่างสิ" "รู้" มันตอบพร้อมทำหน้ากวนตีน "รู้ว่าโปรเจคมึงกำลังล่มและมึงจะได้แดกเอฟ!" "เวร" ผมตีนยันไอ้ดิวให้ออกห่างจากโต๊ะคอมตัวเองทันทีที่มันกำลังเสนอหน้ามาดูหน้าจอผมที่ตอนนี้มันว่างเปล่าไม่มีงานเหมือนที่มันว่า ซึ่งมันก็จริงโปรเจคผมกำลังจะล่มและเอฟกำลังมาเยือนหากผมไม่มีอานิเมะดีๆสักเรื่องไปส่งอาจารย์ "อะไรหนักหนาวะก็แค่อานิเมะสั้นๆแค่นี้ไม่ทำให้อัจฉริยะอย่างมึงเครียดได้หรอกน่า" "กูเครียดนะ" "โถ่เหมมม" "มึงไปเถอะกูไม่อยากแดก" "ใครจะหารกะกูถ้ามึงไม่ไป" "มึงต้องบอกว่าใครจะแบกมึงถ้ากูไม่ไปดีกว่าไหม?" ผมถามเสียงเรียบพร้อมกับหมุนเก้าอี้หันมาที่จอคอมตัวเองอีกครั้ง มือผมเอื้อมไปหยิบดินสอมาร่างนั้นร่างนี่ไปเรื่อยๆอย่างเซ็งๆเพราะไม่ว่าจะร่างยังไงมันก็ไม่มีอะไรเป็นรูปเป็นร่างสักที "เออๆงั้นถ้ามึงเปลี่ยนใจตามมาได้ที่เดิม" "วันหลังโทรมานะไม่ต้องเสนอหน้ามาถึงนี่" "กูโทรแล้วครับพ่อมึงปิดเครื่องพวกนั้นเลยให้กูมาดูว่ามึงตายแล้วรึยัง" "อ่า กูยังไม่ตายแค่ใกล้" "เคกูไปแดกเหล้าล่ะ" ไอ้ดิวว่าก่อนจะเดินออกไปจากห้องของผมโดยไม่ลืมที่จะล็อคประตูให้เสร็จสรรพปล่อยให้ผมอยู่กับกองกระดาษที่ไร้ชีวิตต่อไป และผมคิดว่าต่อไปผมคงจะไร้ชีวิตเหมือนกันหากในหัวยังไม่มีอะไรที่จะร่างแบบออกมา...ผมไม่อยากทำงานให้เสร็จเพียงเพราะต้องส่งอาจารย์แต่ผมอยากทำงานให้ดีไปเลยแต่แม่ง...ช่วงนี้โคตรไม่มีแรงบันดาลใจ "น่าเบื่อ" ผมหยิบซองบุหรี่ก่อนจะเดินออกมาที่ระเบียงห้องตัวเองและจุดบุหรี่สูบขณะที่สายตาก็จ้องมองไปที่ท้องฟ้ามืดมนตรงหน้าอย่างเลื่อนลอย ทำไมชีวิตมันน่าเบื่อขนาดนี้วะรึผมเรียนผิดที่ผิดทางไปหน่อย...ปีหนึ่งก็สนุกนะแต่ตอนนี้เริ่มเบื่อ เบื่อแม่งทุกอย่าง "..." ฟึ้บ.. นิ้วที่กำลังจะคีบบุหรี่ขึ้นสูบชะงักอยู่กับที่ทันทีที่จู่ๆในหัวก็มีความคิดนึงเข้ามาในหัว ผมรีบบี๋บุหรี่ทิ้งก่อนจะเดินกลับเข้ามาในห้องและวาดรูปตามที่ในหัวคิดซึ่งไม่นานก็ได้รูปเด็กน้อยที่กำลังถูกเด็กที่โตกว่ารุมแย่งกระเป๋า ถึงแม้น้ำตาจะไหลเพราะความกลัวแต่มือก็จับสายกระเป๋าไว้แน่น... "โนริ" แปลก...ผมจำชื่อคนได้ว่ะ ริมฝีปากผมเหยียดยิ้มอย่างพอใจพร้อมกับกระดาษที่อยู่ในมือ เขาเป็นเด็กที่ผมช่วยไว้เมื่อตอนเย็นและเด็กคนนี้โคตรจะพูดมากจนน่ารำคาญแต่แปลกจริงๆที่ผมจำโนริได้แล้วก็โมจิแม่ของเด็กนั้น ผมเป็นลูกค้าประจำของเธอ...จะว่าไงดีล่ะเธอทำลาเต้ได้ตรงตามที่ผมชอบผมจำหน้าเธอได้แม่นแต่ตกใจหน่อยๆตรงที่เธอมีลูกแล้วนี่แหละ วันต่อมา 13.35 น. "มาช้าแบบนี้มึงไม่ต้องมา" "ให้กูนั่งก่อนค่อยด่าไม่ได้ไง จารมองกูล่ะเนี้ย" ผมตอบไอ้ดิวทันทีที่เดินเข้ามาถึงเก้าอี้ที่มันจองให้ขณะที่ตอนนี้อาจารย์ก็กำลังสอนอยู่ คือที่ผมไม่รีบเพราะมันเป็นห้องเรียนรวมและไม่ใช่วิชาเอกส่วนมากอาจารย์จะเช็คชื่อท้ายคาบน่ะ "เป็นไงงานมึงถึงไหนล่ะ?" หลังจากที่เรียนไปซักพักไอ้ดิวก็หันมาถามผมขณะที่มันกำลังเล่นเกมส์ในโทรศัพท์ไปด้วย ผมยักไหล่ "กำลังเริ่ม" "แรงบันดาลใจมึงมาล่ะว่างั้น?" "กูคิดว่านะ" "แต่กูยังไม่เริ่มเลยว่ะ" "เรื่องมึงสิ งานเดี่ยวไม่ใช่งานกลุ่ม" "ไม่คิดจะช่วยกูบ้าง?" "เสียเวลา" ผมตอบไอ้ดิวเสียงเรียบก่อนที่พวกเราจะเงียบเพราะสาวโต๊ะข้างหน้าหันมามอง พวกผมคงจะพูดกันดังไปจนรบกวนพวกเธอแหละแต่อย่างว่าเพราะคลาสนี้เป็นวิชาเลือกจึงมีคนจากหลายคณะมาเรียนด้วยอย่างน้อยมันก็ไม่น่าเบื่อ เอกผมผู้หญิงนับคนได้เลยมั่งเรียวคิ้วผมขมวดเข้าหากันทันทีเมื่อเหลือบมองไปเห็นใครอีกคนที่นั่งอยู่ในกลุ่มผู้หญิงที่เพิ่งหันมองมาที่ผมเมื่อกี้นี้ "มึงจะเล่นเขาหรอวะนี่ก็มองจัง" "มึงรู้จักโมจิไหม?" "ห๊ะ!?" ไอ้ดิวหรี่ตาเมื่อผมเอียงตัวไปกระซิบถามมันเพราะกลัวว่าเธอหรือเพื่อนเธอที่นั่งอยู่ด้านหน้าจะได้ยิน "มึงรู้จัก?" "สัสนี่ ก็ถ้ากูรู้จักกูจะถามมึงไหม?" "ก็เห็นมึงรู้จักชื่อ" "รู้จักแต่ชื่อ" "ก็นึกว่ามึงจะจีบ อย่าเลยแม่งมีลูกแล้ว" "...มีลูกแล้วมันเป็นไรวะกูงง?" ผมถามจากใจจริงและโคตรจะงง คือเธอแค่มีลูกแล้วอีกอย่างผมก็ไม่ได้จะจีบผมแค่อยากคุยอะไรสักหน่อย "นี่จะจีบจริงจัง?" ผมถอนหายใจออกมาเบาๆและเอียงตัวหนีแต่ไอ้ดิวถึงไว้ก่อน "โมจิอยู่เอกเคมีมีคนบอกกูว่ามีลูกแล้วแต่สามีนี่ไม่แน่ใจรู้สึกจะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวแต่เธอน่ารักนะอันนี้ต้องชม.." "หุปปาก อยากรู้แค่เรียนเอกไหนแค่นั้นแหละ" ผมขยับมานั่งตามเดิมทันทีทิ้งให้ไอ้ดิวนั่งงงในดงนักศึกษาต่อไปอย่างไม่คิดจะอธิบายเพิ่ม ให้มันเข้าใจแบบนั้นแหละเพราะผมขี้เกียจพูด ผมเหลือบมองไปที่เธออีกครั้งก่อนจะเห็นว่าโมจิกำลังมองมาอยู่เธอผงกหัวและยิ้มให้ผมนิดๆก่อนจะหันไปเรียนต่อ 14.35 น. "กูกลับก่อน" "คืนนี้แดกเหล้านะ" "เออๆ" ผมรับคำไอ้ดิวส่งๆก่อนจะรีบเดินไปที่จอดรถของตัวเองหลังจากเรียนเสร็จ ผมมองไปรอบๆโรงจอดรถก่อนจะขับรถออกมาเพราะในนี้ไม่มีคนที่ผมต้องการคุยเธอไม่มีรถขับแล้วกลับไงวะ หรือรถเมล์ผมขับรถตัวเองไปที่ป้ายรถเมล์ก่อนจะพบว่าเธออยู่ที่นั้นจริงๆ "โมจิ" "..." ร่างเพรียวที่ยืนค่อยรถเมล์อยู่ชะงักทันทีที่ผมขับรถมาจอดทียบป้ายที่เธอยืนขณะที่มีนักศักษาอีกราวๆสิบคนยืนอยู่ซึ่งพวกเขาก็ดูสนใจทันทีที่เห็นผมขับมาจอดแบบนี้ผมจึงถอดหมวกและลงจากรถไปยืนข้างๆเธอ "เอ่อ มีอะไรรึป่าวคะ?" "คุยธรรมดาก็ได้เราอายุเท่ากันนิ" "...โอเค แล้วมีอะไรหรอ" เธอมองมาที่ผมอย่างงงๆซึ่งผมก็มองเธอด้วยสายตานิ่งเรียบ "เราอยากจะเจอลูกเธออีกน่ะ" "ห๊ะ?" "ลูกเธอไงโนริน่ะเราอยากเจอ" "ทำไม?" "จะว่าไงดี เหมือนลูกเธอเพิ่งจุดประกายอะไรสักอย่างในหัวเราน่ะ" โมจิเงียบไปทันทีที่ผมตอบแบบนั้นซึ่งมันก็เป็นคำตอบตามที่ผมคิดอ่ะ ผมไม่ถนัดพูดอะไรให้ใครเข้าใจด้วยสิ "จะไปรับโนริไหม ไปด้วยได้รึป่าว?" "เอ่อ..." "มาดิ ไม่ต้องกลัวไม่พาล้มหรอก" ผมตอบโมจิอีกทีและเดินมายืนรอเธอที่บิ๊กไบค์ตัวเองเมื่อเธอไม่ยอมตอบอะไร โมจิมองผมอย่างทำอะไรไม่ถูกขณะที่ผมก็มองเธอเรามองกันนานนับนาทีจนรถเมล์ขับเข้ามาจอดนั้นทำให้โมจิต้องรีบตัดสินใจ เธอถอนหายใจเสียงดังก่อนจะยอมเดินมาที่ผมผมจึงเหยียดยิ้มนิดๆและยื่นหมวกตัวเองให้โมจิซึ่งเธอก็ยอมรับไว้ "ก็แค่นี้"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม