มธุรสาลงจากแท็กซี่ที่จอดอยู่ไม่ไกลจากที่หมาย เธอจ่ายเงินแล้วรีบตรงดิ่งไปยังคลับหรูหราสถานที่เที่ยวประจำของเกรซ แม้ว่าการแต่งกายของเธอจะไม่เข้ากับสถานที่แม้แต่น้อย ทว่านี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกเหมือนกันที่เธอต้องวิ่งรอกแบบนี้ ตั้งแต่อายุสิบเจ็ด เธอก็ต้องรับหน้าที่ไปรับเกรซเวลาหญิงสาวเมา มันเริ่มจากปาร์ตี้ในบ้านหรือโรงรถของบ้านใครสักคนจนมาเป็นคลับต่างๆ และคลับหรูแห่งนี้ก็ไม่ใช่สถานที่แปลกใหม่ของเธอ
หญิงสาวเดินผ่านการ์ดที่แทบจะจำหน้าเธอได้แล้วเข้าไปข้างใน พวกเขาไม่ได้ห้ามเธอเหมือนครั้งแรกๆ กับการแต่งกายของเธออีกแล้ว มธุรสาก้าวเข้าไปข้างในนั้น แล้วรู้สึกเหมือนอยู่คนละโลกกับกลุ่มคนเหล่านี้ทุกครั้ง ทว่าถึงอย่างนั้นด้วยความร้อนใจเพราะนี่ผ่านมาแล้วเกือบครึ่งชั่วโมงที่เกรซโทร.หาเธอ ถ้านางแบบสาวเห็นเธอไปช้าอาจจะไม่พอใจแล้วทำอะไรที่ร้ายแรงเกินกว่าที่เธอจะรับไหวเป็นแน่ หญิงสาวรีบเบียดแทรกผู้คนเข้าไป แล้วกวาดสายตาหาเป้าหมาย
ทว่าเพราะมัวแต่มองหานางแบบสาวอยู่นั้น ทำให้เธอเผลอไม่ระวังเกือบก้าวสะดุดล้ม ทว่าถึงอย่างนั้นเพราะไม่อาจทรงตัวอยู่ได้ เธอถึงกับเซไปชนเข้ากับคนที่กำลังนั่งอยู่บนเคาน์เตอร์บาร์เต็มๆ แรง
พลั่ก!
พร้อมกันนั้นเสียงของหญิงสาวที่นั่งข้างๆ ชายหนุ่มผู้โชคร้ายที่เธอเซไปชนเขาก็กระโดดลงมาจากสตูลสูงซึ่งนั่งข้างกันแล้วกรีดร้องโวยวายเสียงดังลั่น
“ตายแล้ว! เอียนคะ! คุณเป็นยังไงบ้าง”
ทว่าคนที่โดนชนจนเบอร์เบิ้นในแก้วหกรดตัวเองไปจนเกือบหมดแก้วกลับไม่ได้มีสีหน้าไม่พอใจแม้แต่น้อย ใบหน้าของเขาเรียบเฉย ขณะที่สายตาจับจ้องร่างเล็กในชุดเสื้อโค้ตตัวใหญ่ที่ข่มให้เธอดูตัวเล็กจ้อยยิ่งกว่าเดิม เส้นผมสีดำสนิทของเธอที่ยาวประบ่าตกลงมาปิดบังใบหน้าเธอราวกับม่านน้ำตก ขณะที่เธอก้มหน้าก้มตาขอโทษเขาอยู่อย่างนั้น
“แอชลีย์ใจเย็นๆ ผมไม่เป็นอะไร”
เอียนปัดมือนางแบบสาวที่พยายามจะช่วยเช็ดให้เขาแต่กลับไร้ประโยชน์สิ้นดีเหล่านั้นออกอย่างนุ่มนวล พร้อมกับปฏิเสธความช่วยเหลือของหล่อน
แอชลีย์ยอมละมือด้วยความไม่พอใจ แล้วหันขวับไปเอาเรื่องมธุรสาที่ยืนหน้าซีดและมีท่าทีกระสับกระส่าย เนื่องจากหญิงสาวเองก็พอรู้ว่าตัวเองน่าจะเจอเรื่องใหญ่แล้ว
คลับหรูระดับนี้ อย่างไรกลุ่มลูกค้าก็ย่อมเป็นพวกที่อยู่ชั้นบนในห่วงโซ่อาหาร ทั้งความคมเขี้ยว เจ้าเล่ห์กลิ้งกลอกและท่วมท้นไปด้วยทุนทรัพย์มหาศาล การทำให้คนรวยไม่พอใจนั้นเป็นอะไรที่ยุ่งยากที่สุด ยิ่งไม่รวมว่าเกิดเกรซรู้เรื่องเธอจะยิ่งตกที่นั่งลำบาก
“นังซุ่มซ่ามนี่มาจากไหนกัน!”
“ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ”
มธุรสาไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเสียศักดิ์ศรีสักนิดกับการก้มหน้าขอโทษในสิ่งที่เธอทำผิด เธอมีแต่ความเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองกระทำลงไปแม้จะไม่ได้ตั้งใจก็ตามที
“ขอโทษแล้วมันจะหายไหม แกรู้หรือเปล่าว่าแกเดินชนใคร!”
คำถามนั้นเห็นได้ชัดว่าบุคคลที่เธอสร้างความเสียหายให้กับเขานั้นยิ่งไม่ใช่คนธรรมดา มธุรสาจึงยิ่งก้มหน้าก้มตาขอโทษโดยไม่กล้าเงยหน้าสบตาใครเลยแม้แต่น้อย
“ฉันขอโทษจริงๆ ค่ะ พอดีฉันกำลังรีบ ฉันตามหาคนอยู่”
เธอให้เหตุผลที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันนี้ออกไป ทว่าคนที่ยังไม่พอใจก็ยังเป็นฝ่ายหญิงที่ไม่ได้เกิดอะไรกับตนเองแม้แต่น้อย
“ถึงแกจะรีบแกก็ไม่ควรขาดสติแบบนี้ อะไรนี่ ไม่รู้จักระมัดระวังเลย” หล่อนยังคงตำหนิด้วยสีหน้าและท่าทีกราดเกรี้ยวจนมธุรสาต้องเอ่ยขอโทษซ้ำๆ ออกมาอีกครั้ง กระทั่งชายหนุ่มผู้เสียหายต้องเป็นฝ่ายเอ่ยห้ามหล่อนเสียเอง
“พอเถอะ แอชลีย์ ผมไม่เป็นไรอะไรเลย”
แอชลีย์หันไปทางเขา แล้วคัดค้านอย่างไม่พึงพอใจนัก
“คุณจะปล่อยไปง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้นะคะ”
หล่อนต้องการให้เขาเอาเรื่องอย่างถึงที่สุด ถ้าจะมาขอโทษแล้วได้รับการยกโทษให้ พวกที่ทำผิดก็ไม่ต้องชดใช้อะไรอย่างนั้นเหรอ!
“แต่ผมไม่ได้เจ็บอะไรเลยนะ”
เอียนตอบหญิงสาวเสียงแข็งขึ้น และดวงตาคมปลาบที่ปลายตามองหล่อนเป็นเชิงปรามไม่ให้หล่อนเอาเรื่องนังเตี้ยเอเชียนี่ต่อก็ทำให้แอชลีย์ยอมในที่สุด ทว่าถึงอย่างนั้น นางแบบสาวก็ยังคงไว้ท่าทีของตนเองอยู่บ้าง
“แกไปได้แล้ว เอ๊ะ” หญิงสาวร้องอุทานขึ้นมาเมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายเมื่อเงยหน้าขึ้น “เดี๋ยว! แกหน้าคุ้นๆ นะ”
“เอ่อ…”