“คาร์โลโทร.มา ไวจริงๆ ไอ้แก่นี่”
เกรซ แมนนิ่งบ่นพึมพำก่อนจะรับสายอีกฝ่ายในที่สุด
“ว่ายังไงคะ มิสเตอร์กอนซาเลส” หญิงสาวส่งเสียงทักทายเขาด้วยน้ำเสียงเชิดหยิ่ง ขณะที่อีกฝ่ายกลับหัวเราะเสียงพลิ้วที่ทำให้รู้สึกทั้งชิงชังรังเกียจจนขนลุกขนพองไปหมด
“ผมไม่คิดว่าคุณจะมาที่นี่ คนของผมบอกว่าคุณอยากจะเจอผม ทำไมหรือสาวน้อย...”
เกรซเกลียดเวลาที่เขาเรียกหล่อนว่าสาวน้อย ทั้งๆ ที่หล่อนอายุยี่สิบห้าแล้ว!
หญิงสาวข่มความรู้สึกตัวเองลง ก่อนจะตอบว่า
“ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณสิคะ” หญิงสาวเกือบจะโพล่งออกไปแล้วว่าหล่อนอยากจะพูดกับเขาให้ชัดเจนว่าเงินของเขาไม่มีวันซื้อหล่อนได้ หล่อนจะเลือกผู้ชายคนที่หล่อนพึงพอใจเท่านั้น ทว่าวินาทีนั้น...หญิงสาวกลับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เกรซคลี่ยิ้มหวาน แต่ดวงตาของหล่อนกลับวาววับไปด้วยประกายเจ้าเล่ห์ “และฉันอยากจะพูดกับคุณเพียงลำพัง...สองต่อสองเท่านั้น”
ประโยคนั้นของหล่อนทำให้ปลายสายเงียบไป และแม้แต่เซียร่าเพื่อนสนิทของหล่อนก็ยังเบิกตากว้างอย่างตกใจ
แกจะบ้าเหรอ! อีกฝ่ายทำปากพะงาบๆ ด่าหล่อนอย่างนั้น
แต่เกรซไม่สนใจ หล่อนพูดต่อไปว่า “ฉันรู้ว่าคุณคิดอะไรและต้องการอะไร บอกตามตรงฉันไม่ใช่ของเล่นของใคร ถ้าคุณต้องการฉัน...สิ่งเดียวที่จะทำให้ฉันยินยอมก็คือการแต่งงาน”
“…”
“ฉันไม่ต้องการอะไรที่น้อยกว่านี้ ถ้าจะต้องยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายอย่างคุณ”
“ได้สิทูนหัว...”
อีกฝ่ายตอบรับด้วยน้ำเสียงหัวเราะในลำคอที่ฟังดูชั่วร้ายถึงที่สุด
“งั้นคุณว่างพอจะมาเจอฉันตอนไหน บอกไว้ก่อนอีกข้อว่า...ฉันต้องเป็นคนเดียวของคุณเท่านั้น ถ้าคุณนอกใจฉัน...ทุกอย่างก็จบ”
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
คาร์โลตอบอย่างมั่นใจ ทว่าเขารับปากไปอย่างนั้น ท้ายที่สุดแล้วทุกอย่างขึ้นอยู่บนความพึงพอใจและผลประโยชน์ของเขาล้วนๆ ประสบการณ์สี่สิบปีที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้เขาเพลี่ยงพล้ำให้กับเด็กเมื่อวานซืนอย่างหล่อนแน่
เกรซ แมนนิ่งคิดจะเล่นอะไรหรือ...อย่านึกว่าเขาไม่รู้เชียว
หล่อนเปลี่ยนท่าทีเร็วเกินไป...และเขาก็อยากจะรู้นักเชียวว่าหล่อนต้องการอะไรกันแน่
“งั้นฉันจะรอคุณอยู่ที่นี่ หวังว่าอีกหนึ่งชั่วโมงคุณจะมาหาฉันนะคะ”
“ได้สิทูนหัว อยากได้อะไรก็บอกคนของผมได้ เขาจะจัดการให้คุณได้ทุกอย่าง”
“ขอบคุณ”
หล่อนพูดเท่านั้นก็วางสายไป ก่อนจะรีบโทรศัพท์ออกอีกครั้งอย่างรวดเร็ว คราวนี้หล่อนเหยียดยิ้มหยัน ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยวว่า
“นังรสา! ฉันต้องการให้แกมาหาฉันที่คลับแถวโซโหเดี๋ยวนี้! เข้าใจไหม ฉันให้เวลาแกไม่เกินหนึ่งชั่วโมง”
พอวางสายปุ๊บ เซียร่าก็เข้ามาตีท่อนแขนหล่อนอย่างตื่นตระหนกในทันที
“เกรซ! แกทำบ้าอะไรเนี่ย คิดจะทำอะไรกัน”
“เรื่องสนุกๆ น่า เอ้า! ระหว่างนี้เราก็มาฉลองกันหน่อย”
หล่อนพูดพร้อมกับยกแก้วมาร์การิต้าในมือขึ้นจิบ ก่อนที่ประตูห้องวีไอพีของหล่อนจะเปิดออกกว้าง แล้วคนของคาร์โลก็นำไวน์ชั้นเยี่ยมเข้ามาเสิร์ฟ
“ตาแก่กอนซาเลสนี่จ่ายหนักดีจริงๆ” หล่อนพึมพำอย่างชอบใจ ขณะที่ดื่มไวน์ที่คนของเขารินเสิร์ฟให้หล่อนด้วยท่าทีสำราญใจเป็นอย่างยิ่งขณะที่รอคอยเวลา
อีกหนึ่งชั่วโมง...
อีกหนึ่งชั่วโมงเท่านั้นคนที่หล่อนเกลียดทั้งคู่ก็จะหลุดพ้นไปจากชีวิตของหล่อนแล้ว!
๐๐๐
มธุสาที่รับโทรศัพท์จากเกรซก็ถอนหายใจยาว เปิดเช็คในแอพลิเคชั่นแชทแล้วก็เห็นพิกัดที่เกรซส่งมาให้ หญิงสาวที่กำลังจะเคลิ้มหลับจึงลุกขึ้นมาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อสเวตเตอร์คอเต่าสีเข้มและกางเกงผ้าเดนิม เธอมัดผมยาวเลยบ่าของตัวเองไปไว้ด้านหลัง ดวงหน้าแจ่มใสไม่แต่งแต้มอะไรทั้งสิ้น จากนั้นหยิบเอากระเป๋าสตางค์และเสื้อโอเวอร์โค้ตสีเข้มแล้วเดินออกไปจากบ้านตามที่เกรซเรียกตัว ทั้งๆ ที่ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนเกือบจะตีหนึ่งแล้วก็ตาม
ไม่นานมธุรสาก็โดยสารรถแท็กซี่มาถึงจุดหมายปลายทางที่อีกฝ่ายบอก เธอเข้าไปในคลับนั้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แม้จะอดสงสัยไม่ได้ว่ารสนิยมของเกรซไม่ใช่คลับที่ดูเถื่อนดุดันอย่างนี้
หญิงสาวเดินเข้าไปข้างในคลับ เสียงอึกทึกและกลิ่นอายของตัณหาราคะในคลับนั้นก็คละคลุ้งจนหล่อนแทบจะอาเจียน หญิงสาวหยุดยืนอย่างเคว้งคว้างไม่ไกลจากทางเข้านัก ก่อนจะก้าวเดินต่อ แล้วก็สะดุ้งโหยงเมื่อมีใครบางคนสัมผัสไหล่ของเธอหนักๆ
“อ้าว คุณผู้หญิง เราเจอกันอีกแล้วนะ”
เสียงทักทายนั้นดังขึ้นจากทางด้านหลังระหว่างทางที่มธุรสากำลังเดินไปตามทางหมายจะตรงไปยังโซนวีไอพีตามที่เกรซได้บอกเอาไว้ หญิงสาวชะงักเท้าที่กำลังเดินแล้วหมุนตัวหันหลังไปเผชิญหน้ากับคนที่ทักทายเธอ
ไม่คิดว่าตั้งแต่เจอเขาเมื่อวันก่อน...หลังจากนั้นดวงของเธอจะสมพงศ์กับเขาเสียจนต้องมาเจอกันอยู่ตลอดอย่างนี้!
ท่ามกลางแสงสี แต่เธอก็เห็นใบหน้านั้นและรอยยิ้มร้าจกาจได้อย่างชัดเจน
“สวัสดีค่ะมิสเตอร์แอดดิสัน”
หญิงสาวก้มศีรษะทักทายอีกฝ่ายด้วยสีหน้าและท่าทีเรียบเฉย แม้จะไม่เข้าใจเท่าไรนักว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้เข้ามายุ่งวุ่นวายกับเธอนัก เธอกับเขาจัดได้ว่าเป็นคนละชั้นกันด้วยซ้ำไป ชื่อเสียงของแอดดิสันในเมืองนี้ใครๆ ต่างก็รู้ดีว่าพวกเขาคือจุดสูงสุดตระกูลหนึ่ง แต่กลับมาจดจำผู้หญิงอย่างเธอได้เพื่ออะไรกัน
หรือจะเป็นเพราะเธอเคยทั้งเดินชนและตบเขาไปครั้งหนึ่งด้วยความเข้าใจผิด เขาอาจจะยังโกรธเธอถึงได้จำได้ขนาดนี้...
และประโยคต่อมาพร้อมกับรอยยิ้มเหยียดบนเรียวปากหยักสวยของเขาก็ทำให้มธุรสาถึงกับชะงัก
“หวังว่าคราวนี้คุณจะไม่เอาอะไรสาดใส่ผมหรือตบหน้าผมอีกนะ”
คิ้วเรียวของหญิงสาวขมวดมุ่นน้อยๆ ดูท่าที่คิดไว้ว่าเขาจะยังติดใจในเรื่องนี้นั้นก็คิดไม่ผิดเลย เธอเห็นเขาทำสีหน้าคล้ายกับจะเย้ยหยันจึงได้แต่ลอบถอนหายใจบางเบาขณะเอ่ยแก้ตัวไปว่า
“ฉันไม่ได้ซุ่มซ่ามอย่างนั้นทุกวันนะคะ แล้วก็สำหรับเรื่องวันนี้...ฉันขอโทษด้วยนะคะ” ตอนสุดท้ายหญิงสาวเลือกที่จะจบปัญหาด้วยการก้มหน้าลงขอโทษเขาอีกครั้ง
ต้องยอมรับว่าเขาจะใจคอคับแคบไปสักหน่อยก็ไม่เป็นไร เพราะเธอทำผิดต่อเขาจริงถ้าเขาจะติดใจก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ทว่าเอียน แอดดิสันกลับเหยียดยิ้มใส่เธอมากกว่าเดิม ส่งผลให้ดวงหน้าหล่อเหลาดุดันของเขาดูร้ายกาจมากขึ้น ดวงตาสีมรกตของเขาจ้องมองเธอด้วยสายตาคมกริบที่ยากจะอ่านออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ ในขณะที่เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงติดจะเยาะหยันเหมือนกับรอยยิ้มว่า
“แค่ขอโทษมันจะเพียงพอเหรอ คุณตบหน้าเอียน แอดดิสันเชียวนะ”
“ฉัน...”