“ฉัน...”
มธุรสาถึงกับพูดไม่ออก ขณะที่เอียนก้าวตรงไปหาหญิงสาวตรงหน้า ท่ามกลางเสียงอึกทึกรอบกาย เขาโน้มตัวลงไปจนใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกับหญิงสาว รอยยิ้มร้ายยังประดับริมฝีปากของเขาขณะที่พูดใส่หน้าเธอว่า
“ผมไม่เรียกร้องมากหรอก แต่จ่ายค่ารักษาให้ผมมาก็พอ”
มธุรสารีบถอยหลังห่างจากชายหนุ่มด้วยสีหน้าตระหนกชั่วครู่เพราะความใกล้ชิดโดยไม่ทันตั้งตัว
“งั้น...” หญิงสาวกลั้นใจถามออกไปในที่สุด “มันเท่าไรคะ”
เขากลอกตาไปมาราวกับครุ่นคิด แต่เธอกลับเห็นอย่างชัดเจนถึงแววตาเจ้าเล่ห์ที่วาบขึ้นมาก่อนที่เขาจะบอกตัวเลขค่าเสียหายกับเธอ
“หมื่นเหรียญ”
“หา!”
มธุรสาถึงกับตกใจกับตัวเลขจำนวนมหาศาลนั้น
คุณพระคุณเจ้า! เนื้อตัวของเขาสร้างมาจากทองคำหรืออย่างไร ทำไมถึงได้เรียกค่ารักษาพยาบาลแพงถึงขนาดนี้! ทั้งๆ ที่ใบหน้าของเขาอย่างมากก็มีแค่รอยนิ้วมือเท่านั้น
เอียนดูเหมือนจะรู้ทันความคิดของเธอ ชายหนุ่มยืดตัวขึ้นก่อนจะตอบเธอหน้าตาเฉยว่า
“อ้อ...ลืมบอกไปว่าเรียกค่าทำขวัญเพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อยน่ะ เห็นแก่ว่าเป็นคุณเลยไม่ได้เรียกสูงกว่านี้”
นี่เห็นแก่เธอแล้วเหรอ! ถ้าไม่เห็นแก่เธอสงสัยคงจับเธอข้อหาทำร้ายร่างกายแล้วละมั้ง!
หญิงสาวถอยห่างจากเขาอีกก้าวเพื่อเห็นเขาอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น เธอเงยหน้ามองเขาที่ตัวสูงกว่ามากด้วยสีหน้าและท่าทีจริงจัง
“คุณกำลังล้อฉันเล่นงั้นเหรอคะมิสเตอร์แอดดิสัน”
“เปล่านี่...”
เอียนยักไหล่ ขณะตอบปฏิเสธ
ทว่าท่าทางนั้นทำให้หญิงสาวไม่เชื่อถือสักนิด และเธอก็ไม่คิดจะสนใจชายหนุ่มอีกต่อไป ตอนนี้มันเกินเวลาที่เกรซสั่งให้เธอมาหาแล้ว หากไปช้ากว่านี้เกรงว่าเกรซคงจะหาเรื่องเธออีกแน่ๆ
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ ฉันยังมีธุระต้องไปทำต่ออีก”
หญิงสาวเอ่ยขอตัวด้วยน้ำเสียงแข็งนิดๆ บ่งบอกให้เขารับรู้ว่าเธอไม่พึงพอใจกับการล้อเล่นครั้งนี้ของเขา มหาเศรษฐีอย่างเขาอาจจะเห็นว่าเงินแค่นี้เป็นแค่เศษเงินธรรมดา แต่มันไม่ใช่เงินน้อยๆ สำหรับเธอเลยในเวลานี้
“อ้อ...” เอียนร้องในลำคอ แทนที่จะถอยห่าง เขากลับยังคงขวางหน้าเธอเอาไว้อยู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “ถ้าหมายถึงมารับคนเหมือนเมื่อวานล่ะก็ ตอนนี้เธอหายตัวไปไหนก็ไม่รู้” เอียนตอบ เขาเห็นพฤติกรรมของหญิงสาวจากครั้งที่แล้วก็คงพอจะเดาได้ว่าเธอมาที่นี่ทำไม “อีกอย่างผมว่านะรสา...คุณกลับไปเถอะ คุณไม่เห็นเหมาะกับสถานที่แบบนี้เลย”
คลับแห่งนี้เป็นคลับอีกระดับจากเมื่อวันก่อน สถานที่นี้ไม่ได้เหมาะสำหรับหญิงสาวที่ดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสาอย่างมธุรสาเลยแม้แต่น้อย เขาค่อนข้างไม่พอใจนิดหน่อยที่มาเห็นเธอที่นี่
ตัวเขาเองถ้าไม่ใช่ว่าหนึ่งในกลุ่มเพื่อนชวนมา เขาก็ไม่คิดมาเหมือนกัน ที่นี่ไม่ใช่สไตล์ที่เขาชอบเท่าไรนัก เขาชอบที่ที่มันเงียบมากกว่านี้หน่อย
แต่ผู้หญิงตัวเล็กตรงหน้ากลับไม่สนใจคำเตือนของเขาเลยแม้แต่น้อย สีหน้าของเธอยังคงเรียบเฉยไม่ยี่หระกับคำพูดใดๆ ของเขาสักนิด ขณะที่ตอบกลับเขามาราวกับเป็นโปรแกรมอัตโนมัติในร่างกายของเธอ
“ขอบคุณสำหรับข้อมูลและความห่วงใยของคุณน่ะ”
“เฮ้!” เอียนร้องประท้วงเสียงดังเกินความจำเป็น “นี่ไม่คิดจะฟังกันหน่อยหรือไง”
“ฉันฟังแล้วไงคะ” มธุรสาไม่พูดเปล่า กลับเบี่ยงตัวหลบเขาแล้วก้าวเดินต่อ “ขอทางด้วยค่ะ ฉันต้องไปแล้ว”
เอียนรีบฉวยต้นแขนของหญิงสาวเอาไว้แล้วบีบแน่น ไม่สนใจว่าเธอจะรีบสลัดมือออก ทว่าเขาไม่ปล่อย ชายหนุ่มมองใบหน้าหวานของหญิงสาว เห็นเธอเหมือนจะโอนอ่อนผ่อนตามผู้คน แต่กลับดื้อเงียบอย่างเห็นได้ชัดอย่างยอมแพ้
“โอเคๆ จะไปหาเกรซ แมนนิ่งใช่ไหม งั้นผมจะไปเป็นเพื่อน”
เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนอกอ่อนใจที่ฟังดูก็รู้ว่าแกล้งทำ ทว่ามธุรสาที่พยายามดึงมือเขาออกจากต้นแขนตัวเองก็ปฏิเสธอีกครั้ง
“ขอบคุณในความกรุณาของคุณนะคะ แต่ฉันไม่...”
“เธอเดินหายไปทางนั้น” แต่เอียนไม่ฟัง นอกจากนั้นยังลากเธอไปตามทางเดินที่ขึ้นไปยังชั้นสองซึ่งเป็นโซนวีไอพีและมีห้องส่วนตัวโดยเฉพาะ “มาเถอะ ตรงนั้นเป็นโซนวีไอพี เข้าไปได้แต่สมาชิกด้วย ยังไงคุณก็ไม่มีทางเข้าไปได้อยู่ดีถ้าไม่มีสมาชิกพาเข้าไป ซึ่งเป็นโชคดีของคุณแล้วล่ะที่ผมเป็นสมาชิกวีไอพีของที่นี่พอดี”
“…”
คำพูดของเขาทำให้มธุรสายินยอมในที่สุด เพราะถ้าการขึ้นไปบนนั้นต้องใช้สมาชิกพาขึ้นไปก็คงต้องขอร้องให้ใครสักคนพาไปอยู่ดี แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องมายุ่งวุ่นวายกับเธอมากนักก็ตามที
๐๐๐๐
ทางด้านเกรซกับเซียร่าก็นั่งดื่มและหัวเราะกันอย่างสนุกสนานด้วยเรื่องนินทายอดฮิตของพวกหล่อนในตอนนี้ก็คือการที่แอชลีย์โดนเอียน แอดดิสันสลัดทิ้งแล้วในตอนนี้
ถึงแอชลีย์จะยังไม่ยอมรับและดิ้นรนจะเข้าหาเอียน ทว่าถูกทิ้งก็คือถูกทิ้ง เอียนไม่เคยมีประวัติเก็บของเก่าที่คายทิ้งไปแล้วมากินอีกครั้ง ซึ่งนั่นสร้างความสะใจให้กับเกรซเป็นอย่างยิ่ง
หญิงสาวดูนาฬิกา ตอนนี้ผ่านไปแล้วสี่สิบนาที อีกไม่นานนังรสาก็จะต้องมาถึงก่อน และพอคิดถึงมันแล้วหล่อนก็อดเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาไม่ได้ จนทำให้เซียร่าเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่าหล่อนยิ้มอะไร
เกรซจึงอดที่จะระบายความรู้สึกของตัวเองออกมาอีกครั้งไม่ได้ หล่อนพูดอยู่ถึงห้านาทีเต็มๆ ด้วยกันกับความรู้สึกเกลียดชังถึงกระดูกที่มีต่อมธุรสา ก่อนจะตบท้ายด้วยประโยคที่ว่า
“ฉันเกลียดนังนั่น เกลียดมัน! แล้วก็เกลียดตาแก่กอนซาเลสนั่นด้วย! ทำยังไงดีถึงจะไล่มันไปจากชีวิตให้พ้นๆ ได้!”
หล่อนคำรามในลำคออย่างหงุดหงิด จนเซียร่าต้องเอื้อมมือไปลูบไหล่เปลือยของอีกฝ่ายเป็นการปลอบโยน
“ใจเย็นๆ น่าเกรซ... อีกอย่างยายนั่นก็ไม่ได้ทำอะไรนี่ ทำไมเธอถึงต้องไปเกลียดมันมากมายด้วย” หล่อนเอ่ยทักท้วงอย่างอดไม่อยู่
ถ้ามองอย่างคนกลาง หล่อนคิดว่าเกรซค่อนข้างจะมีอคติมากเกินไปหน่อย มธุรสาที่เห็นนั้นตกเป็นเบี้ยล่างของนางแบบสาวทุกทาง โดนกดขี่ข่มเหงยังไงก็ไม่ปริปากบ่น แต่เกรซกลับยิ่งเกลียดชังอีกฝ่ายมากขึ้น จนเซียร่าที่เคยร่วมก๊วนกลั่นแกล้งอีกฝ่ายยังอดสงสารไม่ได้
“เพราะมันคือตัวซวยน่ะสิ มีมันเข้ามาในชีวิตก็มีแต่จะตกต่ำลง!”
เกรซคัดค้านเสียงแข็ง ก่อนจะพูดประโยคต่อมาด้วยความเจ็บแค้น ซึ่งนั่นทำให้เซียร่าสะกิดใจพอดี หล่อนตีหน้าเคร่งเครียด แล้วเอ่ยถามเกรซอย่างจริงจังว่า
“เอ่อ...อันที่จริงฉันก็ได้ยินมาเหมือนกัน...” ถึงจะตั้งใจแล้ว แต่เซียร่าก็อดที่จะอึกอักไม่ได้เพราะมันเป็นเรื่องไม่สมควรเท่าไรนัก “แอชลีย์เล่าว่าหล่อนได้ยินมาจากญาติของตัวเองว่าบ้านของเธอกำลังจะล้มละลาย...จริงหรือเปล่าเกรซ”
เกรซได้ยินคำถามนั้นถึงกับตวาดออกมาอย่างเกรี้ยวกราดว่า
“ไม่จริง! นังแอชลีย์มันโกหก!”
เซียร่าถึงกับสะดุ้งกับเสียงแหลมสูงของอีกฝ่าย หล่อนลอบถอนหายใจยาว ขณะที่ในใจตระหนักแล้วว่าสิ่งที่แอชลีย์พูดนั้นย่อมเป็นความจริงอย่างแน่นอน ทว่าถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดจะพูดออกไปให้เกรซโกรธมากไปกว่านี้
“เหรอ...นั่นสิเนอะ ฮะฮะ” หญิงสาวหัวเราะเสียงแห้งเป็นการกลบเกลื่อน “ใครจะไปเชื่อว่าคนอย่างเกรซ แมนนิ่งจะล้มละลายเนอะ”
“ใช่!”
เกรซกรีดเสียงร้องดังลั่น จนทำให้เซียร่าล้มเลิกที่จะถามเรื่องนี้อีก หล่อนถึงกับรีบเปลี่ยนเรื่องไปในทันที