เช้าวันต่อมา ขณะที่กำลังเดินเข้าไปในครัวเพื่อทำอาหารเช้า มธุรสาก็เห็นเกรซกลับบ้านด้วยสภาพยับยุ่ง ผมเผ้าเนื้อตัวอีกฝ่ายปล่อยตัวราวกับว่านี่ไม่ใช่เกรซ แมนนิ่งคนเดิมที่มักจะห่วงภาพลักษณ์ของตัวเองเอาเสียเลย
ถึงเกรซจะชอบเมาชอบเที่ยวมากแค่ไหน ทว่าหล่อนระมัดระวังตัวเองเป็นอย่างยิ่ง เกรซไม่เคยให้ภาพไม่งดงามของตัวเองหลุดไปสู่ภายนอก ตลอดมาจึงมักจะเรียกใช้มธุรสาเสมอเพื่อให้เรื่องอยู่แต่ในบ้าน
ทว่าหลังจากที่หายไปตลอดทั้งคืนและกลับมาในตอนเช้า สภาพของเกรซในยามนี้กลับดูซีดเซียวเสียเหลือเกิน หากเป็นยามปกติ มธุรสาอาจจะเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง ทว่าสีหน้าดุดันและสายตากราดเกรี้ยวของนางแบบสาวในยามนี้ทำให้หญิงสาวได้แต่ก้าวถอยหลังหนี แต่เกรซซึ่งว่องไวกว่าก็กระโจนเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว หล่อนใช้มือข้างหนึ่งจิกเส้นผมของเธอแล้วกระชากโดยไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะเริ่มตบตีมธุรสาพร้อมกับตวาดดังก้อง
“ทำไมแกถึงไม่ไปตามนัด นังรสา! ทำไมแกถึงไม่ไป!”
“คุณเกรซ!”
มธุรสาได้แต่เรียกชื่ออีกฝ่ายแล้วอุทานอย่างตกใจ เธอพยายามจะสลัดตัวเองให้หลุดจากกรงเล็บของนางแบบสาว ทว่านอกจากจะไม่หลุดแล้ว เกรซยังใช้มืออีกข้างปล่อยมือจากเส้นผมเธอแต่กลับจิกเธอให้เงยหน้าขึ้นแล้วฟาดมือรัวลงบนใบหน้าเธอแบบไม่ยั้ง
เพียะ! เพียะ!
มธุรสาแวบชาไปทั้งใบหน้า เธอถึงกับมึนงงไม่สามารถช่วยตัวเองได้เป็นการชั่วคราว ขณะที่เกรซก็คำรามดังลั่นด้วยท่าทีคั่งแค้น
“ฉันสั่งให้แกไป! ทำไมแกถึงไม่ไปล่ะ! แกกล้าขัดคำสั่งฉันได้ยังไง!”
มธุรสารู้ถึงสาเหตุที่เกรซอาละวาดแล้ว ใจเธอร้อนรนไม่ยินยอมในทันที หญิงสาวพยายามต่อสู้ เป็นครั้งแรกที่เธอหาญสู้กับเกรซ ทว่าเธอก็ยังต้องพ่ายแพ้ให้กับสรีระของอีกฝ่ายที่ตัวสูงใหญ่กว่าอยู่ดี
“ฉันไม่ได้อยากขัดนะคะ แต่...”
“แกไม่ต้องมาแก้ตัว แกขัดคำสั่งของฉัน! ฉันสั่งแกแล้วแกกล้าขัดเหรอ!”
เกรซไม่ฟัง มิหนำซ้ำยังรัวมือใส่มธุรสาไม่มีหยุด
เพียะ!
มธุรสาฉวยจังหวะนั้นก้มหน้าลงต่ำ แล้วรีบถอยหลังอย่างรวดเร็ว เธอทนเจ็บศีรษะที่ร้าวระบมเพราะนางแบบสาวจิกมือใส่ตัวเองไม่ปล่อย ออกแรงผลักเกรซแต่กลับกลายเป็นว่าเกรซคว้าเอาตัวเธอไปด้วยจนเธอชนกับอีกฝ่ายแล้วล้มลงไปกองกับพื้น
มธุรสาได้จังหวะอยู่บนตัวอีกฝ่ายพอดี โดยมีเกรซเป็นเบาะรองรับ และนั่นทำให้เธอหลุดพ้นจากกรงเล็บของนางแบบสาวได้พอดีพอดี เพราะเกรซร้องครวญออกมาด้วยความเจ็บร้าวไปทั้งแผ่นหลังที่กระแทกกับพื้น ทว่าความโกรธทำให้นางแบบสาวยังพยายามคว้ามือขึ้นมาทำร้ายเธอ แต่มธุรสาเองก็โกรธแล้วเช่นกัน เธอจับข้อมืออีกฝ่ายแล้วบีบเอาไว้แน่น ก่อนจะร้องใส่เกรซเสียงดังลั่น
“คุณเกรซหยุดเดี๋ยวนี้นะคะ!”
นางแบบสาวที่ไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้จากมธุรสามาก่อนถึงกับชะงักไปนิด ทว่าวินาทีต่อมา ความโกรธของหล่อนก็พวยพุ่งขึ้นอย่างยากที่จะระงับ หล่อนกรีดเสียงร้องใส่มธุรสาดังลั่นอีกครั้ง
“นังกาฝาก! แกคิดจะสู้อย่างนั้นเหรอ!”
คราวนี้มธุรสาไม่ยอมแพ้ ดวงหน้าเล็กแดงจัดและผมเผ้ายุ่งเหยิง ทว่าถึงอย่างนั้นดวงตาของเธอก็ทอประกายวาววับของนักสู้ออกมา หลังจากที่เก็บงำไว้กับตัวเองนาน
“ฉันสมควรจะสู้มาตั้งนานแล้วล่ะค่ะ!”
“แก!”
เกรซกรีดเสียงสูงแล้วพยายามดิ้นรนอย่างไม่พอใจ มธุรสาจึงใช้โอกาสนั้นออกแรงทั้งหมดที่ตัวเองมีกดเกรซลงกับพื้นอีกครั้ง แล้วพูดใส่หน้านางแบบสาวอย่างโกรธเคืองไม่แพ้กันว่า
“คุณคิดว่าคุณทำตัวแบบนี้มันสมควรแล้วอย่างนั้นเหรอคะ คุณจะข่มฉันยังไงก็ได้ แต่ไม่ใช่ทำกับฉันเหมือนฉันไม่ใช่คนแบบนี้!”
“แกพูดบ้าอะไรนังรสา! สติไม่ดีหรือยังไง!”
เกรซปฏิเสธในทันทีโดยไม่คิดอะไร แล้วยังไงล่ะ! ถึงหล่อนจะทำเหมือนมันไม่ใช่คนก็ทำมาตั้งนานแล้วนี่ จะมาทำแบบนี้กับหล่อนได้ยังไง! นังลูกโสเภณีนี่ต้องสำนึกในบุญคุณที่พ่อกับแม่หล่อนชุบเลี้ยงมันมาสิ!
นี่มันกล้าเหิมเกริมตอบโต้หล่อนอย่างนั้นหรือ!
มธุรสาได้ยินเกรซปฏิเสธอย่างนั้นก็ยิ่งทั้งเจ็บปวด ขมขื่นในอก และโกรธเสียจนน้ำตาแทบไหล
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้สิคะว่าคุณคิดจะทำอะไรเมื่อคืน คุณถึงได้วางแผนอุบาทว์แบบนั้นออกมา!”
“…”
“คุณไม่เห็นฉันเป็นญาติฉันก็ไม่ว่านะคะ แต่ทำไมคุณต้องทำแบบนี้ด้วย”
ความรู้สึกขมขื่นแล่นปราดเข้ามาในอกอีกครั้งแผ่กระจายไปทั่ว สิ่งที่เกรซพูดเมื่อวานนี้ยังได้ยินชัดเจนซ้ำไปซ้ำมาในหู เธอเองก็รู้ว่าคนบ้านนี้ไม่ได้ไยดีเธอนัก โดยเฉพาะเกรซที่เกลียดเธอมาก เพราะคิดว่าเธอเข้ามาแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไป เธอถึงได้ทนยินยอมอีกฝ่ายเสมอมา
แต่ว่า...แต่ว่าเธอไม่เคยคิดเลยว่าเกรซจะเกลียดกันมากเสียจนกล้าวางแผนการชั่วช้าอย่างนั้น!
ถ้าไม่ใช่ว่าเธอบังเอิญได้ยินอย่างนั้นเธอจะเป็นอย่างไร วันนี้เธอคงตายไปแล้วเสียด้วยซ้ำไปเพราะฝีมือของคนในครอบครัวของเธอเอง!
แต่ดูเหมือนเกรซจะไม่สำนึกอะไรเลยด้วยซ้ำ มิหนำซ้ำยังปฏิเสธราวกับตนเองไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักนิดเดียว
“ฉันไปทำอะไรให้แก นังกาฝาก!”
“คุณทำเหมือนฉันไม่ใช่คนน่ะสิ!” เธอตอบโต้อย่างทันควัน “ถ้าไม่ใช่เพราะฉันไปก่อนเวลาแล้วได้ยินแผนของคุณทั้งหมด วันนี้อาจจะต้องตกเป็นเหยื่อของแผนการชั่วๆ ของคุณก็ได้นะคุณเกรซ!”
คำพูดนั้นทำให้ดวงตาของเกรซเบิกกว้าง ดวงหน้าสวยของหล่อนซีดเผือดลงทันตา ขณะที่คำรามเรียกชื่อมธุรสาดังลั่น
“นังรสา!”
คราวนี้มธุรสาก็รู้ว่าเกรซเองรู้แล้วว่าเธอได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายวางแผนเอาไว้จนหมดสิ้น หญิงสาวเหยียดยิ้มออกมาทั้งจิตใจขมขื่น ก่อนจะเอ่ยต่อไปด้วยน้ำเสียงหยามหยันใส่อีกฝ่ายว่า
“ฉันรู้ว่าคุณชอบเอียน แอดดิสัน...”
“แล้วไง”
เกรซกระชากเสียงใส่ หัวใจสั่นไหวอย่างประหลาด ขณะที่มธุรสาเองก็โกรธเสียจนไม่อาจระงับตัวเองได้อีกต่อไป ความเจ็บปวดล้ำลึกทำให้เธออยากจะเอาคืนอีกฝ่ายบ้าง หญิงสาวจึงเอ่ยต่อไปด้วยท่าทีเป็นต่อว่า
“คุณรู้ไหมใครเป็นคนที่ยืนข้างฉันเมื่อวาน ตอนที่คุณกำลังร่ายแผนการชั่วๆ ของคุณอย่างสะใจกับเพื่อนน่ะ”
เกรซหน้าซีดลงไปอีกครั้ง หล่อนจ้องมองมธุรสาเหมือนไม่อยากจะเชื่อ
“แกคิดจะพูดอะไร แกคิดว่าแก...”
หญิงสาวถามเสียงต่ำราวกับจะคำราม สีหน้าของหล่อนแสดงออกชัดเจนว่าไม่เชื่อในสิ่งที่มธุรสาพูด คนอย่างนังรสาน่ะหรือจะไปรู้จักอะไรเอียน แอดดิสันได้! มันเป็นคนละชั้นกับคนอย่างเขา ไม่มีทาง...ไม่มีทางที่เอียนจะมาได้ยินอะไรอย่างนั้นพร้อมมันอย่างเด็ดขาด! หล่อนไม่เชื่อ!
แน่นอนว่าความคิดของเกรซนั้นเห็นได้ชัดเสียจนมธุรสาถึงกับเผยรอยยิ้มหยันออกมา ก่อนจะเอ่ยออกไปว่า “บังเอิญว่าฉันรู้จักกับเอียน แอดดิสัน แล้วเขาก็เป็นคนยืนอยู่ข้างฉันเมื่อวาน”
“นังรสา!”
เกรซกรีดเสียงดังลั่นราวกับสัตว์บาดเจ็บ แต่มธุรสาที่เจ็บปวดยิ่งกว่าไม่คิดจะหยุด