มธุรสาจ้องมองคนที่เข้ามาบอกเธอเมื่อสิบนาทีก่อนว่าต้องการให้เธอไปเจรจากับคนของแอดดิสัน ไฟแนนเชียลด้วย
หญิงสาวค่อนข้างประหลาดใจ เพราะถึงเธอจะทำงานในบริษัทของอาเชอร์ด้วยในช่วงสองปีหลังนับตั้งแต่เรียนจบกลับมาที่นี่เพราะถูกพวกเขาเรียกตัวให้เข้าไปช่วยงานเนื่องจากพนักงานที่ต้องลดลงทำให้คนทำงานไม่เพียงพอกับงาน แต่ถึงอย่างนั้นมธุรสาก็ไม่ได้เป็นพนักงานประจำของที่นั่น ทว่ามันก็ทำให้รับรู้เรื่องราวทุกอย่างเป็นอย่างดี แต่พวกเขาไม่เคยให้เธอต้องออกหน้ามาตลอด
“คุณเกวินต้องการให้รสาไปด้วยจริงๆ เหรอคะ” หญิงสาวถามอย่างไม่แน่ใจ “แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับรสาเลยนะคะ”
เธอเป็นแค่พนักงานบัญชีตัวเล็กๆ เท่านั้น ถึงเธอจะรู้เรื่องราวทุกอย่างดีมากก็ตามที
“รสาจบบัญชีมานี่ ยังไงก็ช่วยดูได้อยู่แล้ว”
เกวินให้คำตอบหญิงสาวเกือบกึ่งจะเป็นขอร้อง
เขาเองตอนนี้ก็ค่อนข้างเสียใจที่ไม่ได้กลับมาช่วยงานที่บ้านเลย กว่าจะรู้เรื่องนี้ทุกอย่างก็สายไปจนไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้ทันแล้ว
“แต่ก็จบมาหลายปีแล้วนะคะ”
มธุรสาตอบ แม้เธอจะเป็นนักศึกษาที่มีผลการเรียนดีก็ตาม
ทว่าถึงอย่างนั้นเกวินก็ส่ายหน้า ไม่เชื่อหญิงสาวอยู่ดี เพราะเขารู้ดีว่าเธอทำอะไรบ้างตลอดระยะเวลาอยู่ที่นี่
“พี่รู้น่าว่ารสาก็ไปรับงานมาทำอยู่ ยังไงก็ไปด้วยกันเถอะ” ชายหนุ่มกล่อมหญิงสาวอีกครั้ง
มธุรสาทำงานในสำนักงานบัญชีแห่งหนึ่งของรุ่นพี่ที่สนิทสนมกันมาก เธออาจจะไม่ต้องเข้าไปสำนักงานทุกวัน แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ใช่ว่าจะไม่ได้ใช้ความรู้ที่ตัวเองเรียนมาเลย
มธุรสาทำงานหลายอย่างมากเสียจนเขาเองยังนึกละอาย เธออายุน้อยกว่าเขาแต่กลับต้องมาทำงานหนักถึงเพียงนี้ ทำให้เขาหันกลับมามองตัวเองและน้องสาวฝาแฝดก็รู้สึกละอายใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อมารับรู้ว่าช่วงหลังค่าใช้จ่ายในบ้านหลังนี้ มธุรสาก็เป็นคนออกเงินแล้ว
“แต่ว่าคุณอาเชอร์...”
เธอยังคงบ่ายเบี่ยง ไม่กล้ารับปาก เกวินจึงกล่อมเธอต่อไปว่า
“พ่อบอกให้พารสาไปด้วยนั่นแหละ รสาเองก็ช่วยจัดการบัญชีบริษัทหลายรอบนี่ ยังไงก็น่าจะช่วยได้”
“แต่ว่า...”
“นะ... ไปด้วยกัน ช่วยกันหน่อย”
พอโดนขอร้องมากๆ เข้า มธุรสาก็ไม่อาจใจแข็งได้อีกต่อไป
“ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบรับไปในที่สุด “รสาต้องเตรียมตัวอะไรไหมคะ” หญิงสาวเอ่ยถามกลับไปบ้าง นี่ก็ใกล้ได้เวลาช่วงบ่ายที่เป็นเวลานัดหมายแล้ว ตอนนี้ก็เหลือเวลาไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น เธอจะเตรียมตัวทันหรือช่วยอะไรได้หรือเปล่าก็ไม่รู้
เกวินเองก็รู้ จึงได้แต่ยกมือขึ้นแตะบ่าหญิงสาวอย่างเชื่อใจ
“พี่ว่าแค่สิ่งที่รสารู้ก็เพียงพอแล้วล่ะ”
๐๐๐๐
หลังจากตอบตกลงแล้ว อาเชอร์ แมนนิ่งก็เข้ามาบรีฟงานและสิ่งที่เธอควรจะพูดพร้อมแนวโน้มที่เขาต้องการด้วยตัวเอง เธอเคยทำงานกับเขามาหลายครั้งจึงรู้ทันทีว่าผู้เป็นลุงต้องการอะไร
เขาอยากจะขอกู้เงินเพื่อทำธุรกิจใหม่อีกครั้ง โดยเอาบ้านหลังนี้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน
มธุรสาบอกเลยว่ามันยาก...แต่เธอก็ไม่กล้าพูดอะไรมากนอกจากตอบรับสิ่งที่ผู้เป็นลุงต้องการ โดยมีเกวินคอยนั่งฟังเช่นเดียวกัน
ตั้งแต่เกิดเรื่องกับธุรกิจของครอบครัว เกวินเองก็หันมาใส่ใจในเรื่องพวกนี้มากขึ้น จากที่เคยเอาแต่มุ่งทำงานของตัวเองเพียงอย่างเดียว ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่พอจะทำให้อาเชอร์รู้สึกมีหลักยึดอยู่บ้าง แม้ว่าเธอกับเกวินจะรู้ดีแก่ใจว่านั่นเป็นหลักยึดหลักลอยเป็นอย่างยิ่งก็ตาม
หลังจากที่อาเชอร์พร่างพรูทุกอย่างจนจบ ก็ได้เวลาออกเดินทางเพื่อให้ทันนัดหมายของเอเดรียน แอดดิสันในเวลาบ่ายโมงตรง พวกเธอสามคนจึงออกเดินทางไปยังตึกแอดดิสัน ไฟแนนเชียลซึ่งตั้งอยู่ในย่านวอล สตรีท
เมื่อมาถึงที่หมาย คนของแอดดิสันก็มายืนรอต้อนรับอยู่แล้วอย่างมีมารยาทพร้อมกับเชิญให้เธอกับสองพ่อลูกแมนนิ่งไปยังห้องประชุมเล็กชั้นสามสิบเก้า ทว่ามธุรสากลับกระตุกมือเกวินเบาๆ พร้อมกับเอ่ยกับชายหนุ่มว่า
“ขอฉันเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวจะตามเข้าไป ชั้นสามสิบเก้าใช่ไหมคะ”
“โอเค รีบตามมานะ”
เกวินกระซิบตอบ ขณะที่เดินตามคณะเหล่านั้นไป โดยมีมธุรสาปลีกตัวออกมา
“ค่ะคุณเกวิน”
๐๐๐๐
มธุรสาเดินตามป้ายเล็กๆ ที่ชี้บอกทางไปจนถึงห้องน้ำหรูหราในอาคารสำนึกงานใหญ่ของแอดดิสัน ไฟแนนเชียล เธอรีบเปิดกระเป๋าสะพายของตัวเองก่อนจะควานหยิบเอาโทรศัพท์มือถือออกมาได้ ชื่อของปลายสายเป็นรุ่นพี่ที่เธอทำงานกับอีกฝ่าย ซึ่งได้ส่งข้อความมาบอกก่อนหน้านั้นแล้วว่าจะของานจากเธอก่อนเวลา นั่นทำให้มธุรสาจำเป็นต้องปลีกตัวมาอยู่คนเดียว เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายมีนิสัยที่นอกจากจะชอบส่งข้อความแล้วยังต้องโทร.มาย้ำด้วยตัวเองอีกรอบหนึ่งในเรื่องสำคัญ
“ฮัลโหล”
ปลายสายพูดเร่งงานเธอด้วยน้ำเสียงขอโทษขอโพยอีกครั้ง ขณะที่มธุรสายิ้มรับไม่ถือสาอะไร พร้อมกับรับปากอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า
“ค่ะ คืนนี้จะส่งงานกลับไปให้นะคะ จะพยายามเร่งให้เร็วที่สุดค่ะ ค่ะ ...ขอบคุณค่ะ”
หลังจากนั้นหญิงสาวก็วางสาย เธอเงยหน้าขึ้นมองตัวเองในกระจก ก็เห็นเป็นใบหน้าเรียวรูปไข่และผิวขาวราวกับน้ำนม ริมฝีปากเธอเป็นสีชมพูเฉดธรรมชาติเนื่องจากมธุรสาทาแต่ลิปกลอสเท่านั้น พวงแก้มที่ปัดด้วยบรัชออนเป็นสีส้มอมชมพูขับให้ดวงหน้าของเธอดูมีสุขภาพดี และสิ่งที่โดดเด่นที่สุดบนใบหน้าของเธอก็คือดวงตากลมโตสีดำมันขลับล้อมกรอบด้วยขนตายาวงอนเป็นแพหนา
หญิงสาวยกมือขึ้นปัดเส้นผมยาวประบ่าสีดำสนิทนั้นไปทางด้านหลัง พร้อมกับขยับชุดสูทสีดำที่ตัวเองสวมอยู่ให้เข้าที่เข้าทาง เธอไม่เคยเห็นว่าตัวเองหน้าตาดี อาจจะเป็นเพราะต้องยอมรับว่าในชีวิตแล้วส่วนใหญ่เธอขลุกอยู่แต่กับคนที่สวยเจิดจ้าร้อนแรง ใบหน้าของเธอค่อนข้างจืดชืด เธอขาวมากเกินไปจนเกือบจะเรียกได้ว่าซีดเผือดราวกับคนป่วย และตามที่เพื่อนๆ สมัยมหาวิทยาลัยชอบบ่นให้กับเธอ มธุรสาชอบทำหน้าเฉยชาจนเหมือนไม่ใช่คน
เธอไม่โกรธ ไม่โมโห ขณะเดียวกันก็ไม่เคยแสดงอาการดีใจออกมาอย่างสุดๆ เช่นกัน ใบหน้าเธอแทบจะเรียกได้ว่าไร้ซึ่งอารมณ์ นั่นเป็นเพราะส่วนใหญ่เธอมักจะเก็บกดทุกอย่างไว้ในใจไม่ได้แสดงอะไรออกมาอย่างเด่นชัด
เธอไม่เคยมองว่ามันเป็นข้อเสีย แต่กลับมองว่าเป็นข้อดีเสียด้วยซ้ำ เพราะการทำเช่นนั้นทำให้เธอนิ่งมากพอจะรับมือกับทุกๆ ความเปลี่ยนแปลงในชีวิตได้
มธุรสามองยกมือขึ้น นาฬิกาข้อมือบอกว่าเธอควรจะออกไปจากห้องน้ำเดี๋ยวนี้ถ้าไม่อยากสาย หญิงสาวจึงรีบก้าวเท้าออกไปแล้วตรงไปยังลิฟต์อย่างรวดเร็ว
๐๐๐๐