“รอด้วยค่ะ!”
หญิงสาวพูดเสียงดังเกือบกึ่งจะเป็นตะโกนเมื่อประตูลิฟต์ทำท่าจะปิดก่อนที่เธอจะไปถึงไม่ถึงสิบก้าว พอเธอส่งเสียงเช่นนั้นประตูก็เปิดออกกว้างอีกครั้งด้วยฝีมือของหนึ่งในบุคคลที่อยู่ภายในนั้น
เมื่อก้าวเข้าไปข้างในลิฟต์ หญิงสาวก็เอ่ยขอบคุณเบาๆ ก่อนจะยืนประสานมือตัวตรงหน้าประตู เธอเหลือบตามองแผงปุ่มกดก็เห็นว่ามีหลายชั้นเลยที่เป็นที่หมาย หญิงสาวได้แต่ลอบถอนหายใจก่อนจะภาวนาให้ตัวเองขึ้นไปทันเวลา
ทว่าวินาทีที่ขยับตัวเพื่อหลีกทางให้ผู้คนที่ถึงที่หมายออกไป มธุรสาพลันรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังลวนลามเธอ หญิงสาวเบี่ยงตัวขยับหลบ มือลึกลับที่ลูบก้นเธอก็หดกลับไป มธุรสาขมวดคิ้ว ก่อนจะคิดในแง่ดีว่านี่อาจจะเป็นความบังเอิญ เพราะตอนนี้คนก็ขึ้นลิฟต์เยอะพอสมควร อาจจะเผลอเบียดกันก็เท่านั้น
แต่เมื่อลิฟต์ปิดตัวอีกครั้งและเคลื่อนตัวขึ้นไปยังชั้นต่อไป มธุรสากลับรู้สึกได้ถึงมือนั้นอีกครั้ง คราวนี้หญิงสาวสะดุ้งแล้วรีบหมุนไปรอบตัว เธอกลับไม่เห็นใครที่น่าสงสัย แต่กลับสบสายตาสีเขียวมรกตคู่หนึ่งของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ใบหน้าของเขามีไรเคราขึ้นมาน้อยๆ ส่งผลให้ดวงหน้าหล่อเหลาแข็งกระด้างนั้นดูดุดันมากขึ้น เขาจ้องมองเธอไม่หลบเหมือนกับที่เธอจ้องมองเขาเช่นกัน
หัวใจของมธุรสาร้อนวาบ ก่อนจะหันกลับไปมองยังตัวเลขที่บ่งบอกชั้นที่ลิฟต์กำลังเคลื่อนผ่านตามเดิม ท่าทางผู้ชายคนนั้นไม่น่าจะเป็นคนที่จะลวนลามผู้หญิงในลิฟต์ได้หรอก เขาดูหล่อเหลามากขนาดนั้น ย่อมสามารถดึงดูดผู้หญิงสวยๆ ได้มากกว่าจะมาลวนลามผู้หญิงจืดชืดอย่างเธอ แต่ถึงอย่างนั้นมธุรสาก็ขยับตัวให้ถอยห่าง กระทั่งลิฟต์หยุดอีกครั้งและบุคคลทะยอยออกไปจากลิฟต์ และในจังหวะนั้นที่มือข้างหนึ่งก็อาศัยจังหวะชุลมุนนั้นขยำก้นเธอเต็มๆ แรง!
มธุรสาตกใจมาก และโดยไม่ทันตั้งตัวเธอก็หมุนตัว แล้วยกมือขึ้นเอากระเป๋าในมือฟาดไปยังคนที่อยู่ด้านหลังตัวเองอย่างรวดเร็วทันที
“โอ๊ย!”
เธอได้ยินเสียงร้องดังลั่น และเสียงนั้นก็มาจากผู้ชายตาสีเขียวผู้หล่อเหลาคนนั้น หญิงสาวโกรธจนหน้าแดงขณะที่ด่าเขาออกไปคำหนึ่งก่อนจะรีบออกไปจากลิฟต์
“ไอ้โรคจิต!”
มธุรสาไม่รอฟังแล้วว่าอีกฝ่ายจะตอบอะไร เธอรีบวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว โชคดีที่ชั้นนี้เป็นชั้นสามสิบเก้า หญิงสาววิ่งตรงไปยังเคาน์เตอร์ของพนักงานสาวที่อยู่ประจำชั้นนี้แล้วถามถึงห้องประชุมที่เธอต้องการ
สีหน้าตื่นตระหนกของเธอในตอนที่เข้าไปนั่งข้างๆ เกวินนั้นทำให้อีกฝ่ายชะโงกตัวเข้ามาหาเธอพร้อมกับกระซิบถาม
“เป็นอะไรไปรสา”
มธุรสาได้แต่ส่ายหน้า ไม่ตอบอะไร นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาโวยวายว่าเธอโดนลวนลามมา เพราะมันอาจจะพาลทำให้งานเจรจาวันนี้ของอาเชอร์ติดขัดได้
“ไม่มีอะไรค่ะ แล้วนี่มิสเตอร์แอดดิสันยังไม่มาเหรอคะ”
หญิงสาวย้อนถามกลับไปแทน คราวนี้เกวินจึงเป็นคนตอบว่า
“ยังไม่มาเลย แต่ว่าคนที่มาไม่ใช่เอเดรียนนะ แต่เป็นเอียนต่างหาก”
“อ้าว...”
คราวนี้หญิงสาวอุทานออกมาบ้าง
มธุรสาเคยได้ยินชื่อเอียน แอดดิสัน เขาเป็น ‘หนึ่งในสามเจ้าชาย’ ของตระกูลแอดดิสัน ผู้ได้ชื่อว่าเป็น ‘เจ้าชายจอมโหด’ เพราะเอียนไม่เคยไว้หน้าใคร เขาทำทุกอย่างตามที่เขาพึงพอใจล้วนๆ
และความพึงพอใจของเขาก็ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ของแอดดิสันเสียด้วยสิ
เธอพอรู้มาบ้างว่าที่อาเชอร์ได้เจรจานอกรอบอย่างนี้เป็นเพราะเส้นสายส่วนตัวที่เขาพอจะมีกับเอเดรียน แต่พอเปลี่ยนมาเป็นเอียนอย่างนี้...มธุรสาได้แต่ถอนหายใจยาว
การเจรจากับเจ้าชายจอมโหดนั้นน่ากลัวว่าความหวังของอาเชอร์แม้แต่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็ไม่น่าจะมีเหลือแล้วในตอนนี้!
ทว่าก่อนที่เธอกับเกวินจะได้พูดคุยอะไรกันต่อ คนของเอียนที่เข้ามาบอกว่าเอียนจะเข้ามาสายสักครู่เนื่องจากมีธุระด่วนที่ต้องจัดการก็กลับเข้ามาอีกครั้งหลังจากผ่านไปสิบนาที พร้อมกับที่บุคคลที่รอคอยก็เดินเข้ามาด้วย
แล้วตอนนั้นเองที่มธุรสาได้เห็นคนที่เข้ามาใหม่เต็มๆ ตา
ไอ้โรคจิตคนนั้น!
หญิงสาวเบิกตาโตอย่างตกใจ และสีหน้าของเธอก็ระงับความรู้สึกนั้นไม่อยู่ มิหนำซ้ำยังทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อชายหนุ่มจงใจมายืนตรงกันข้ามเธอพร้อมกับเหยียดยิ้มมุมปาก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็สังเกตว่าใบหน้าหล่อร้ายของเขานั้นมีรอยแดงจางๆ อยู่บนใบหน้านั้น
“ขอโทษที่มาสาย...” เขาเอ่ยขึ้นมาเป็นคำแรก น้ำเสียงทุ้มนุ่มของเขาฟังดูคุ้นหูอย่างไรชอบกล “พอดีผมมีเรื่องด่วนต้องจัดการนิดหน่อย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ” อาเชอร์เป็นฝ่ายรีบพูดขึ้นด้วยสีหน้านอบน้อม “เป็นพวกเราเองต่างหากที่มาขอรบกวนเวลาของมิสเตอร์แอดดิสัน”
“ไม่หรอกครับคุณอาเชอร์” เอียนตอบพร้อมรอยยิ้มร้ายกาจ ขณะกวาดตามองไปทั่วห้องประชุม ซึ่งมีเพียงเขา ทอดด์ เลขาฯ คนสนิทและคนของฝั่งแมนนิ่งสามคน
ก่อนสายตาของเขาจะจบลงที่หญิงสาวตรงหน้า ตอนนี้เธอเก็บอาการตกใจของตัวเองไปจนหมดสิ้นแล้ว
“ผมขอแนะนำให้รู้จักกับลูกชายของผมเกวินกับผู้ช่วยอีกคนคือมิสมธุรสาครับ”
ครอบครัวแมนนิ่งไม่เคยแนะนำว่ามธุรสาเป็นญาติ การได้เป็นผู้ช่วยตอนนี้ถือว่าให้เกียรติเธอมากพอแล้ว
เอียนยื่นมือไปสัมผัสทักทายกับเกวิน ก่อนจะจบลงที่เธอ ทว่าหญิงสาวก็ต้องตกใจเป็นคำรบสองเมื่ออีกฝ่ายกลับอ้อยอิ่งจับมือเธอเอาไว้แน่น จนเธอถึงกับเผลอมองหน้าเขาและถลึงตามองอย่างดุดัน รอยยิ้มเหยียดที่ทำให้คนมองรู้สึกตัวชาวาบถูกจุดอยู่ตรงมุมปากหยักสวยของเอียน แอดดิสันอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะยอมปล่อยมือเธออย่างเชื่องช้า
ทว่าฝ่ามือใหญ่ที่สัมผัสโลมไล้มือเธอก็ทำให้มธุรสารู้สึกแปลกๆ ร้อนวูบวาบในอกผสมกับรังเกียจเมื่อคิดว่าเขาคือไอ้โรคจิตที่จับก้นเธอมาก่อน ยิ่งคิดหญิงสาวก็ยิ่งขยะแขยงเมื่อคิดว่าอาจจะเป็นมือนี้หรือเปล่าที่ขยำก้นเธอเมื่อครู่ที่ผ่านมา
แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องชะงักไปอีกรอบ เมื่อเอียนเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยว่า
“ก่อนจะเริ่มประชุมกัน ผมมีเรื่องส่วนตัวนิดหน่อยอยากจะพูดกับมิสมธุรสา”
เขาพูดขึ้นโดยไม่สนใจสายตาสงสัยกึ่งประหลาดใจของอาเชอร์และเกวินแม้แต่น้อย และไม่สนด้วยว่าทั้งสองจะยินยอมหรือไม่ เพราะชายหนุ่มพูดกับเธอว่า
“สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณเมื่อครู่นี้ ผมเสียใจที่คุณต้องเจอกับเหตุการณ์นั้น พร้อมกันนี้ผมได้จับตัวคนที่เป็นคนร้ายตัวจริงแล้ว เขาถูกควบคุมตัวที่ห้องประชุมถัดไปนี่เอง ผู้ชายคนนี้เป็นคนนอกไม่ใช่คนในบริษัทของเรา แต่เนื่องจากเกิดเหตุที่นี่ ผมจึงได้ให้คนของผมไปแจ้งความแล้ว อยากทราบว่าคุณต้องการให้มีการชดใช้เพิ่มเติมอีกไหม”
คำพูดยืดยาวของเขาสร้างความงุนงงให้กับเกวินกับอาเชอร์แต่กลับไม่ได้ทำให้มธุรสางุนงงแต่อย่างใด ใบหน้าของหญิงสาวพลันแดงซ่านในทันทีเมื่อรับรู้ความนัยของเขาที่จะบอกว่าเธอได้ทำร้ายร่างกายผิดคนแล้ว!
และคนที่จับก้นเธอก็ไม่ใช่เขา!
มธุรสาพูดไม่ออก ได้แต่ส่ายหน้าระรัวเพราะไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ และเอียนเองก็รู้จึงไม่ได้เซ้าซี้อะไร
เขาทำเพียงแค่กวักมือเรียกคนของเขาเบาๆ แล้วพูดอะไรสองสามคำ เธอเดาว่าน่าจะเป็นการสั่งเกี่ยวกับไอ้โรคจิตคนนั้นมากกว่า แล้วหลังจากนั้นเขาก็หันมาพูดกับทุกคนว่า
“เราเริ่มประชุมกันเถอะ นี่ก็เสียเวลามามากพอแล้ว”
มธุรสาจะทำอะไรได้ นอกจากทำตามที่ชายหนุ่มบอก หญิงสาวค่อยๆ ทรุดนั่งลงและเปิดแฟ้มที่ตัวเองเตรียมมาไว้ ขณะที่ฟังอาเชอร์กับเอียนเริ่มพูดคุยกันในเรื่องที่อีกฝ่ายต้องการในวันนี้
ทว่าระหว่างการประชุมนั้น ไม่รู้ว่าอุปาทานไปเองหรือเปล่า เธอกลับรู้สึกได้ว่าดวงตาสีเขียวคมกริบคู่นั้นมักจะมองมาทางเธออยู่เสมอด้วยสายตาที่เธอไม่สามารถอ่านออกได้ว่าเขาคิดอย่างไร
แต่ในระหว่างนั้นเองมธุรสาถึงได้คิดออกว่าน้ำเสียงคุ้นหูนั้นเธอเคยได้ยินมาจากที่ไหน...
ผู้ชายคนนี้คือคนเดียวกับแฟนของแอชลีย์ ลอว์เรนซ์ที่เธอชนเขาในผับเมื่อวันก่อนคนนั้น!
พระเจ้าช่วย...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับโลกของเธอกันแน่!