13. อาการหนักแล้ว

1675 คำ
งานเลี้ยงยังคงดำเนินไปต่อจนมืดค่ำ ขุนนางบางคนก็เริ่มเมาบ้างแล้ว ส่วนฮ่องเต้และฮองเฮา ไทเฮาเสด็จกลับไปพักใหญ่แล้ว ปล่อยให้แขกผู้มาเยือนดื่มกินกับพระอนุชาและพระโอรสต่อ ซึ่งยามนี้องค์หญิงห้ากำลังตีสนิทกับผู้ที่นางหมายปอง โดยไม่ใส่ใจสายตาใครเลย “เป็นบุญยิ่งนักที่หม่อมฉันได้มาพบพระองค์วันนี้” นางเอ่ยเสียงหวานกับเขา ฟังจากน้ำเสียงแล้วคาดว่าน่าจะเมา “ข้าเหนื่อย คงต้องขอตัวไปพักก่อน” ยังไม่ทันไร จวิ้นอ๋องก็หาทางออกให้ตนเองเสียแล้ว ทำเอาสตรีงามถึงกับหน้าเสีย ขบกรามแน่นเพราะทำอันใดไม่ได้ “เอาน่า อีกไม่กี่วันเขาก็ต้องกลายเป็นของเจ้าแน่” พระเชษฐาเอ่ยปลอบ ก่อนจะขอตัวพาคนของตนกลับเช่นกัน เมื่อพวกเขาออกมาด้านนอกก็พบกับกลุ่มของจวิ้นอ๋องยืนพูดคุยอยู่กับสตรีงามนางนั้น ซึ่งยังมีขุนนางและบุรุษรูปงามอีกหนึ่งคน ซึ่งก่อนนั้นเขาเห็นนั่งอยู่ด้วยกัน ต้องเป็นสามีนางแน่ ด้านจวิ้นอ๋อง เขากำลังนัดแนะกับหานซูอันเรื่องไปฝึกซ้อมขี่ม้ายิงธนูในวันรุ่งขึ้น อย่างน้อยก็ให้นางทรงตัวอยู่ได้ตลอดการแข่งขันก็พอ แม้จะเคยเห็นนางควบม้ามาแล้วก็เถอะ ทว่าหากไม่เห็นฝีมือจริง ๆ ก็ไม่อาจปล่อยวางได้ “ท่านอ๋องคิดดีแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ” ใต้เท้าเถาเอ่ยถามเสียงอ่อน เพราะเกรงว่าการตัดสินใจนี้จะผิดพลาด “หากใต้เท้ากังวลว่าข้าจะทำให้ขายหน้าสกุลเถา เช่นนั้นก็ให้บุตรชายท่านส่งจดหมายหย่ามาที่จวนข้าวันนี้เลยก็ได้ ภายหน้าหากเกิดปัญหาใดก็ไม่เกี่ยวข้องกับพวกท่านแล้ว” ซูอันสวนกลับทันควัน พร้อมกับมองบิดาสามีอย่างไม่เป็นมิตรนัก อีกฝ่ายคงไม่รู้ว่านางทราบเรื่องที่เขาส่งคนมาลอบสังหารเมื่อไม่กี่วันก่อนกระมัง คนร้ายสารภาพหมดแล้ว แต่นางกลับบอกให้พวกมันเหล่านั้นรับข้อหาว่ามาลักขโมยแทน ซึ่งทั้งสี่ก็ยอมทำตาม เพื่อให้โทษลดลงไม่ถูกจองจำตลอดชีวิตหรือประหาร ทว่าต่อมาคนร้ายก็ตายอยู่ในคุก หนีบทลงโทษไม่พ้น ซึ่งซูอันคิดว่ามันต้องเป็นฝีมือของบิดาสามีนางแน่ “ละ…ลูกสะใภ้ไยเจ้าถึงกล่าวเช่นนี้ เลิกล้มไปเถิดนะความคิดที่จะหย่า รู้หรือไม่อวี้หรานฉีกสัญญาทิ้งไปแล้วนะ เขาบอกว่าไม่อยากทอดทิ้งเจ้า ภายหน้าจะดูแลอย่างดีเชียว” เอ่ยโดยไม่ได้หารือกับบุตรเลยสักนิด อวี้หรานจึงได้แต่ยืนนิ่ง ที่ไม่ทักท้วงเพราะส่วนหนึ่งมันก็จริง เขาไม่อยากหย่าแล้ว จะว่าหลงความงามของนางก็ไม่ผิดนัก ทว่ามันมีอย่างอื่นด้วย ตั้งแต่เกิดเรื่องคืนนั้น ความคิดเขาก็เปลี่ยนไป ยิ่งเห็นนางตีตัวออกห่าง เขากลับยิ่งอยากเข้าใกล้ จนต้องคอยมาเฝ้าดูเมื่อเลิกงาน การปรากฏตัวเพื่อให้คนเห็นมันก็แค่ข้ออ้างเท่านั้น อันที่จริงเขาอยากรู้ว่านางทำอันใดอยู่ต่างหาก สตรีที่เคยไล่ตามเขา เหตุใดนางถึงทำไม่ไยดี ความอยากรู้นี้มันชักนำให้เขาเข้าหานางเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้ตัว “หึ! ถ้าข้าจะหย่าใครก็ขวางไม่ได้” นางยังคงย้ำคำเดิม ก่อนจะเดินไปขึ้นรถม้า ซึ่งมันทำให้อวี้หรานถึงกับหน้าชา เอ่ยอันใดไม่ออกเลย เขานึกไม่ถึงจริง ๆ ว่านางจะผูกใจเจ็บเพียงนี้ “ข้าชักอยากรู้แล้วสิว่า เจ้าทำอันใดในคืนนั้น หานซูอันถึงได้มีท่าทีแข็งกร้าวทุกครั้งยามอยู่กับเจ้า” จวิ้นอ๋องลองหยั่งเชิงดู เพราะเขาสงสัยมานานแล้วว่าเหตุใด สตรีที่เคยรักเถาอวี้หรานนักหนาจนต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ครอบครอง กลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เหมือนไม่เคยมีอีกฝ่ายในใจด้วยซ้ำ “สะใภ้กระหม่อมแค่เข้าใจผิดเล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ นางคิดว่าบุตรชายกระหม่อมไม่สนใจ จึงประชดจนเกิดเรื่องขึ้น ท่านอ๋องก็ทรงทราบ สะใภ้กระหม่อมเมื่อก่อนนางเอาแต่ใจเพียงใด พอถูกขัดใจก็ร้องขู่จะเอาชีวิตตน มิเช่นนั้นจะเกิดการแต่งงานนี้ขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ” ใต้เท้าเถารีบเอ่ย ซึ่งมันจริงแค่ครึ่งเท่านั้น “แต่ต่อให้เป็นเช่นที่ท่านว่า นางก็ไม่น่าเกลียดคนที่ตนเคยรักได้นี่ อวี้หรานก็ยอมอ่อนให้นางแล้ว ทว่าเหตุใดหานซูอันถึงยังดึงดันจะหย่าให้ได้” ข้อนี้ยังทำให้จวิ้นอ๋องสงสัย ซึ่งคำตอบเขาคงไม่ได้มาง่าย ๆ แน่ เพราะมันเป็นเรื่องของคนสองคน หากใครคนหนึ่งไม่เล่า เขาก็ไม่อาจก้าวก่ายได้ “ช่างเถอะ เรื่องนี้เป็นปัญหาของพวกเจ้า ส่วนเรื่องของข้าก็อย่างที่บอกไป วันพรุ่งข้าจะไปรับหานซูอันที่จวน หากเจ้ามองว่าไม่เหมาะสม ก็ส่งคนมาเฝ้าก็ได้ หรือจะไปเองก็แล้วแต่ เพราะข้าทำทุกอย่างก็เพื่อบ้านเมืองทั้งนั้น” เอ่ยจบเขาก็มองไปยังรถม้าที่มันเคลื่อนตัวออกไปแล้ว โดยไม่รอเถาอวี้หรานเลย “แต่ข้าว่าส่งแค่คนของเจ้ามาก็พอ หากเจ้ามาเองข้าเกรงว่านางจะไม่มีสมาธิเสียเปล่า” มือเรียวยกขึ้นตบลงบนบ่าของชายหนุ่มรุ่นน้อง ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปาก เมื่อเห็นรถม้าเคลื่อนไปไม่หยุด เมื่อก่อนก็ว่าหานซูอันแสบพอตัวกับนิสัยแย่ ๆ ทว่าพอมาเห็นตอนนี้เขาว่านางร้ายยิ่งกว่าเดิมเสียอีก นางมีความสามารถมากกว่าที่ทุกคนรู้ ขี่ม้าเป็น รู้จักป้องกันตัวด้วย สาเหตุที่เขาดึงนางเข้ามาร่วมในการแข่งขันครานี้ ก็เพื่อจะดูว่าหานซูอันมีสิ่งใดให้เขาทึ่งอีก นอกจากรู้วิธีช่วยชีวิตคนอื่นในวันนี้ “ข้าต้องรู้ให้ได้ว่ามันเกิดอันใดขึ้นกับเจ้า” ซีหนานเอ่ยพึมพำ สายตาเขายังคงมองไปยังรถม้าที่เคลื่อนออกไปไกลแล้ว ส่วนอวี้หรานก็ต้องกลับรถม้าคันเดียวกับบิดาอย่างเสียมิได้ สีหน้าและแววตาเขาหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด ต่างจากผู้เป็นบิดาที่ยังคงแค้นใจในคำพูดของสะใภ้อยู่ หากมิเห็นว่าฮ่องเต้และไทเฮาทรงให้ความสำคัญมากล่ะก็ คืนนี้เขาจะสั่งให้คนเอาชีวิตนางอีกครั้ง อุตส่าห์ทำดีด้วยกลับกล้าต่อปากต่อคำกับเขา หากไม่อยู่ต่อหน้าจวิ้นอ๋อง เป็นได้เห็นดีกันแน่ “เจ้าต้องพยายามทำดีกับนาง อย่าให้หานซูอันหย่ายามนี้เด็ดขาด ฝ่าบาททรงรักและเอ็นดูนางมาก เจ้าต้องทำให้นางเชื่อใจและหันกลับมารักเช่นเดิม ภายหน้าสกุลเถาของเราจะได้รุ่งโรจน์ เห็นหรือไม่ แม้แต่ไทเฮายังเอ็นดูนาง ต่อไปตำแหน่งหน้าที่การงานของเจ้าต้องสูงขึ้นอีกแน่” เอ่ยทันทีเมื่อขึ้นรถม้า “ท่านพ่อก็เห็นว่านางอยากหย่าแค่ไหน แต่เอาเถิดลูกจะพยายาม ไม่แน่ซูอันอาจทำเพื่อเรียกร้องความสนใจจากลูกก็ได้” เขาเอ่ยอย่างที่คิด นางรักเขามาหลายปี จะเปลี่ยนไปง่าย ๆ ราวกับไม่ใช่หานซูอันคนเดิมได้เยี่ยงไร มันไม่มีทางเป็นไปได้แน่ สองพ่อลูกหารือกันไปตลอดทาง ต่างจากคนที่กลับจวนเพียงลำพัง ยามนี้จวิ้นอ๋องกำลังครุ่นคิดถึงใบหน้างาม และสัมผัสกอดรัดที่ได้รับในวันนี้ แม้หานซูอันจะออกแรงตอนที่กอดเขา ทว่าความอบอุ่นและความรู้สึกวาบหวิวยังคงอยู่ จะว่าไป ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยมีใครทำเช่นนี้กับเขาเลย ทำให้ในหัวมันอดนึกถึงสัมผัสนี้ไม่ได้จริง ๆ ไหนจะกลิ่นหอมที่อยู่บนตัวนางนั่นอีก มันผ่อนคลายจนเขาอยากใกล้ชิดอีกครั้ง “ไม่ได้! ไม่ได้! ซีหนาน สตรีผู้นี้มีสามีแล้ว เจ้าอย่าได้คิดชั่วเป็นอันขาด” เตือนตนเองให้ได้สติ ทว่าความคิดไหนเล่ามันจะหยุดได้ มากไปกว่านั้นก็คืออาภรณ์ที่เขาสวมอยู่ มันยังมีกลิ่นกายนางติดด้วยนี่สิ แม้อยากจะลืมเขาก็ทำไม่ได้จริง ๆ เผลอเอียงหน้าไปสูดดมอยู่เรื่อย กระทั่งกลับถึงจวน ทว่ามันก็แค่ช่วงที่เขาเดินกลับเข้าจวนเท่านั้น เพราะเข้าห้องพักแล้ว เขาก็เริ่มก่นด่าตนเองอีกรอบ “ข้าคงบ้าไปแล้วกระมัง” ที่เอ่ยเช่นนี้ก็เพราะเหยียนซีหนานกำลังนั่งมองชุดที่ถอดแขวนอยู่บนไม้ และยังสั่งไม่ให้ใครเอาไปซักอีกต่างหาก แม้แต่พ่อบ้านและคนสนิทยังมึนงง เพราะปกติท่านอ๋องเป็นคนรักสะอาดมาก สวมใส่อาภรณ์แค่หนเดียวเท่านั้นไม่มีใส่ซ้ำ เพราะเกรงว่าจะมีกลิ่นเหงื่อ “ท่านอ๋องเตรียมน้ำเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านเหยาเดินมารายงาน พร้อมกับมองอาภรณ์ที่แขวนอยู่ด้วยความฉงน ‘ก็ไม่เห็นจะมีอะไรแปลก เหตุใดท่านอ๋องไม่ให้เอาไปซัก’ นึกในใจ ก่อนจะหันมาสบเข้ากับสายตาคมดุของเจ้านาย “ห้ามใครแตะ ห้ามยุ่งเด็ดขาด” ยังมิวายกำชับให้ฉงนอีก จากนั้นร่างสูงก็เดินเลี่ยงไปยังห้องอาบน้ำ #อืม เมิดคำสิเว้ากับอ๋องล่ะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม