เด็กดื้อของสิงห์ 4 | ผมลืมน้องไม่ได้ ผมรอน้องอยู่

1517 คำ
“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่” “อ้าว!! มาแล้วเหรอลูก มานั่งข้างแม่มา” “ครับ” เขาเดินลงไปนั่งด้านข้างแม่ของตัวเอง “ทำไมช่วงนี้ไม่ไปหาแม่ที่บ้านเลยล่ะลูก” “พอดีงานที่บริษัทค่อนข้างเยอะครับ” “เหนื่อยหน่อยนะลูก” “ไม่เป็นไรครับ แล้วนี้พี่ตุลย์กับพี่สะใภ้ยังไม่มาเหรอ” “ยังละ...” แอดดด แต่ในตอนนั้นเองขณะที่เขากำลังคุยกับแม่อยู่นั้นประตูห้องอาหารที่ถูกปิดอยู่ก็ถูกดันเปิดเข้ามา พบว่าคนที่เปิดเข้ามานั้นคือพี่ชายของเขา ส่วนพี่สะใภ้อุ้มหลานเขาไว้ก็เดินตามหลังมาติด ๆ เขายิ้มออกมาพร้อมกับลุกเดินเพื่อจะไปอุ้มหลาน “จุงอา” “ครับเติมรักคนสวยของอา” “คิดตึ๋ง” “อาก็คิดถึงหนูเหมือนกันลูก ไปเที่ยวมาสนุกไหม” “ชาหนุกมาด” “แล้วนี่กลับกันมาวันไหน” “เมื่อวาน” “มานั่งกันได้แล้วลูก จะไปยืนคุยกันทำไม” พอแม่ของเขาพูดแบบนั้นเขาก็เดินอุ้มหลานไปนั่งลงที่เก้าอี้ ส่วนหลานก็เอามาวางไว้ที่ตัก “อาหารแม่สั่งไปบ้างแล้วนะ ถ้าอยากทานอะไรเป็นพิเศษก็เชิญสั่งกันได้เลย” “นุกินแคหยอดต้ม” “ย่ารู้ว่าหนูชอบลูก ย่าสั่งมาให้เรียบร้อยแล้ว” “ขอบจุงค่า” “ฉันได้ยินว่าแกขอเข้าพบพวกบอร์ดบริหารโรงแรมเกือบทุกคนเลย มีอะไรหรือเปล่า” พอพี่ชายของเขาพูดแบบนั้นออกมาพ่อกับแม่ของเขาที่นั่งนิ่งอยู่ก็รีบหันมามองทันที “มีปัญหาอะไรหรือเปล่าลูก” “ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมก็แค่เสนอโพรโมตโรงแรมนิดหน่อย เลยอยากเข้าไปขออนุญาตพวกเขา” “แล้วพวกเขาว่ายังไงบ้าง” “ก็อนุญาตครับ เพราะมันก็ไม่ได้เสียหายอะไร แถมยังดีต่อโรงแรมเราด้วย” “แล้วคิดยังไงถึงไปยุ่งกับโรงแรม ปกติลูกไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวเลยนะ” “ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมก็แค่อยากโพรโมตโรงแรมสักหน่อย” “โอเค แต่ถ้ามีปัญหาอะไรรีบบอกพ่อเลยนะ” “ได้ครับ” ก๊อก ก๊อก ก๊อก “ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารค่ะ” “เข้ามาได้เลย” พอพนักงานเคาะประตูด้านหน้าแม่ของเขาก็เอ่ยอนุญาต พนักงานหลายคนต่างทยอยเดินเข้ามาเสิร์ฟอาหาร ซึ่งเราทั้งหมดภายในห้องก็ต่างทานกันอย่างเอร็ดอร่อย แล้วก็พูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบกันไปด้วย “คุณแม่คะ” “อะไรลูก” “พอดีที่รักมีเรื่องสำคัญจะบอกค่ะ” พอพี่สะใภ้ของเขาพูดแบบนั้นเขาก็รีบหันหน้าจ้องมองเพราะตัวเองก็อยากรู้เหมือนกัน “อะไรเหรอ” “ที่รักจะมีน้องให้เติมรักแล้วค่ะ” “อร๊ายยย...แม่ดีใจจังเลยลูก ตัวเล็กได้กี่เดือนแล้ว” “ตุลย์พาไปตรวจเมื่อวานหมอบอกว่าได้หกสัปดาห์แล้วค่ะ” “เป็นเรื่องที่ดีมากเลย ต่อไปหนูต้องทานอาหารที่มีประโยชน์หน่อยนะลูก จะได้บำรุงครรภ์หน่อย” “ได้ค่ะ” “พี่เขามีลูกถึงสองคนแล้ว ตอนไหนลูกจะแต่งงานเนี่ยไอ้เจ้าสิงห์” “ผมจะแต่งกับใครล่ะพ่อ” “ยังไงลูกกับหนูยาหยีก็เลิกกันไปนานแล้ว พ่อว่าลูกลองหาใครสักคนดูไหม เพราะตอนนี้อายุของลูกก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้วนะ” “พ่อก็รู้ว่าผมลืมน้องไม่ได้ ผมรอน้องอยู่” “เฮ้อออ...พ่อก็อยากได้หนูยาหยีเป็นลูกสะใภ้เหมือนกัน” หลังจากที่พ่อของเขาพูดออกมาแบบนั้น สถานการณ์ในห้องก็ตึงเครียดขึ้นมา ต่างจากที่ก่อนหน้านี้พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน “ยังไงเราก็ทานข้าวกันเสร็จแล้ว งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” เขาเอ่ยลาทุกคนกำลังจะลุกขึ้นเพื่อจะออกไปจากห้อง แต่แม่ของเขาดันเรียกไว้ซะก่อน “จะกลับอะไรเร็วขนาดนั้นลูก เพิ่งทานเสร็จเองนะ” “ผมต้องรีบกลับไปทำงานครับ เดี๋ยวเอาไว้ว่าง ๆ ผมไปเยี่ยมที่บ้านนะ” เขายิ้มให้กับทุกคนแล้วเดินออกมาจากห้องอาหารทันที “ผมไม่น่าพูดแบบนั้นออกไปเลย” “มันไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกค่ะ อย่าคิดมากนะ” “ใช่ครับคุณพ่อ มันไม่ใช่ความผิดของคุณพ่อเลย ไม่ต้องคิดมากนะครับ” “เราได้ยินข่าวน้องยาหยีบ้างหรือเปล่าตุลย์” “ไม่เลยครับแม่” “ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ เดี๋ยวเอาไว้ว่าง ๆ แม่ต้องไปเยี่ยมคุณย่าซะแล้ว เผื่อจะได้ข่าวคราวอะไรบ้าง” “ครับ” ….. สามวันต่อมา... เธอเดินลงมาจากรถ พร้อมกับเดินไปที่หาดหน้าโรงแรมเพื่อสูดดมอากาศในยามเช้า “อากาศดีจัง ไม่ได้มาทะเลนานเท่าไหร่แล้วเนี่ย” เธอคิดไปถึงการมาทะเลครั้งล่าสุดของเธอก็เมื่อหลายปีก่อนที่มากับอดีตแฟนหนุ่ม แล้วหลังจากที่เธอไปอยู่ญี่ปุ่นก็ไม่ได้มีโอกาสไปทะเลอีกเลย เพราะเนื่องด้วยตัวเองก็เรียนหนักแถมยังต้องทำงานจนหัวหมุน “นิวเยียร์ไปหาทีมงานดีกว่าเขาโทรหาแล้วเนี่ย” “อืม” เธอเดินกลับมาหาผู้จัดการพร้อมกับเดินตามเธอเข้ามาในโรงแรมไปเรื่อย ๆ จนพบกับคุณจักรกฤษณ์ที่กำลังยืนรออยู่ เธอจึงยกมือไหว้เพื่อทักทาย “สวัสดีครับคุณยูกิคุณนิวเยียร์” “สวัสดีเช่นกันค่ะ” “เดินทางเหนื่อยหน่อยนะครับ” “ค่ะ” “ไม่ทราบว่าทางพวกคุณพร้อมถ่ายเลยไหม พอดีว่าตอนนี้อากาศกำลังดีเลย ผมกลัวว่าถ้าถ่ายช้ากว่านี้หน่อยอากาศคงจะร้อนแย่” พอคุณจักรกฤษณ์พูดแบบนั้น ผู้จัดการของเธอก็หันมาจ้องมองเธอเพื่อถามความคิดเห็น “จะถ่ายไหวไหม หรือจะพักก่อน” “ถ้าคุณนิวเยียร์ไม่ไหวไม่เป็นไรนะครับ” “ไหวค่ะ ฉันไหว” เธอไหวอย่างที่พูดออกไปจริง ๆ เพราะเนื่องด้วยตัวเองก็ไม่ได้เป็นคนขับรถเอาแต่นอนอยู่เฉย ๆ ทำให้เดินทางมาถึงก็สามารถถ่ายงานต่อได้เลยแบบสบาย “โอเคครับ เชอรี่มาพาคุณนิวเยียร์ไปแต่งหน้าทำผมให้เรียบร้อย” “ได้ค่ะ” ในตอนนั้นเองก็มีพี่คนสวยที่เป็นสาวประเภทสองเดินนำเธอเข้ามาในห้องห้องหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นห้องแต่งตัวเพราะมีเครื่องแต่งหน้าและราวเสื้อผ้าจัดเตรียมไว้เยอะแยะเต็มไปหมด และเธอรู้สึกแปลกใจเพราะในห้องไม่มีนางแบบคนอื่นเลยมีแค่เธอเพียงคนเดียว “ไม่มีนางแบบคนอื่นเหรอคะ” “ไม่มีค่ะ มีแต่น้องคนสวยคนเดียว” “อ๋อ” “พี่ชื่อเชอรี่นะเป็นช่างแต่งหน้า ส่วนนี่บิวตี้ช่างทำผม” “นิวเยียร์ค่ะ” “เรามาแต่งหน้ากันดีกว่าค่ะ” พอพี่เขาพูดแบบนั้นเธอก็พยักหน้าพร้อมกับเดินลงไปนั่งบนเก้าอี้ด้านหน้ากระจก “ผิวน้องสวยมากเลยค่ะ ขาวอมชมพูอวบอิ่มมาก” “ขอบคุณนะคะ” “พี่ขอเสียมารยาทถามอะไรหน่อยได้ไหม” “ได้ค่ะ” “หนูได้ทำจมูกไหมเนี่ยทำไมมันโด่งขนาดนี้” “ไม่ได้ทำค่ะ” เธอพูดเสร็จก็ใช้มือจับจมูกของตัวเองโยกไปมาเพื่อให้พี่ช่างแต่งหน้าและทำผมดู ซึ่งพวกเขาทั้งสองก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น “พี่เชื่อแล้วค่ะ แล้วหนูได้ทำหน้าอกไหมทำไมมันตูมขนาดนี้” “หน้าอกก็ไม่ได้ทำค่ะ” พอเธอพูดแบบนั้นพี่ช่างทำผมก็ใช้นิ้วจิ้มบริเวณหน้าอกของเธอ ซึ่งเราทั้งสามคนก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่นอีกครั้ง “คนอะไรจะเพอร์เฟกต์ขนาดนี้เนี่ย” “สวยขนาดนี้ไม่คิดว่าอยากจะเป็นดาราหน่อยหรือคะน้องนิวเยียร์” “เยียร์ยังไม่เก่งขนาดนั้นค่ะ แถมอีกอย่างเยียร์ชอบถ่ายแบบมากกว่าไปแสดงละคร” “พี่ได้ยินพวกทีมงานคุยกันว่าน้องนิวเยียร์เพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นเหรอคะ” “ใช่ค่ะ พอดีเยียร์ไปเรียนต่อที่โน่น” “แสดงว่าน้องนิวเยียร์ก็ต้องพูดภาษาญี่ปุ่นได้สิ” “ก็ได้ค่ะ” “คนอะไรจะเพอร์เฟกต์ทั้งหน้าตาและก็ความรู้เนี่ย” แอดดด แต่ในตอนนั้นเองที่เธอกำลังพูดคุยเล่นสนุกกับพี่ช่างแต่งหน้าและก็พี่ช่างผม ประตูที่ถูกปิดอยู่ก็ถูกเปิดเข้ามาพบว่าคนที่เปิดเข้ามานั้นคือผู้จัดการของเธอ “นี่เป็นชุดที่เธอต้องถ่ายวันนี้นะ เอาไปเปิดดูก่อน” เธอยื่นมือไปรับนิตยสารด้านหน้ามาเปิดดู พบว่าชุดที่เธอต้องถ่ายวันนี้และพรุ่งนี้ส่วนใหญ่จะเป็นชุดว่ายน้ำ ซึ่งมันก็ไม่ค่อยโป๊เท่าไหร่ “ไหวไหม” “ไหวสิ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม