“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่”
“อ้าว!! มาแล้วเหรอลูก มานั่งข้างแม่มา”
“ครับ” เขาเดินลงไปนั่งด้านข้างแม่ของตัวเอง
“ทำไมช่วงนี้ไม่ไปหาแม่ที่บ้านเลยล่ะลูก”
“พอดีงานที่บริษัทค่อนข้างเยอะครับ”
“เหนื่อยหน่อยนะลูก”
“ไม่เป็นไรครับ แล้วนี้พี่ตุลย์กับพี่สะใภ้ยังไม่มาเหรอ”
“ยังละ...”
แอดดด
แต่ในตอนนั้นเองขณะที่เขากำลังคุยกับแม่อยู่นั้นประตูห้องอาหารที่ถูกปิดอยู่ก็ถูกดันเปิดเข้ามา พบว่าคนที่เปิดเข้ามานั้นคือพี่ชายของเขา ส่วนพี่สะใภ้อุ้มหลานเขาไว้ก็เดินตามหลังมาติด ๆ เขายิ้มออกมาพร้อมกับลุกเดินเพื่อจะไปอุ้มหลาน
“จุงอา”
“ครับเติมรักคนสวยของอา”
“คิดตึ๋ง”
“อาก็คิดถึงหนูเหมือนกันลูก ไปเที่ยวมาสนุกไหม”
“ชาหนุกมาด”
“แล้วนี่กลับกันมาวันไหน”
“เมื่อวาน”
“มานั่งกันได้แล้วลูก จะไปยืนคุยกันทำไม”
พอแม่ของเขาพูดแบบนั้นเขาก็เดินอุ้มหลานไปนั่งลงที่เก้าอี้ ส่วนหลานก็เอามาวางไว้ที่ตัก
“อาหารแม่สั่งไปบ้างแล้วนะ ถ้าอยากทานอะไรเป็นพิเศษก็เชิญสั่งกันได้เลย”
“นุกินแคหยอดต้ม”
“ย่ารู้ว่าหนูชอบลูก ย่าสั่งมาให้เรียบร้อยแล้ว”
“ขอบจุงค่า”
“ฉันได้ยินว่าแกขอเข้าพบพวกบอร์ดบริหารโรงแรมเกือบทุกคนเลย มีอะไรหรือเปล่า”
พอพี่ชายของเขาพูดแบบนั้นออกมาพ่อกับแม่ของเขาที่นั่งนิ่งอยู่ก็รีบหันมามองทันที
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าลูก”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมก็แค่เสนอโพรโมตโรงแรมนิดหน่อย เลยอยากเข้าไปขออนุญาตพวกเขา”
“แล้วพวกเขาว่ายังไงบ้าง”
“ก็อนุญาตครับ เพราะมันก็ไม่ได้เสียหายอะไร แถมยังดีต่อโรงแรมเราด้วย”
“แล้วคิดยังไงถึงไปยุ่งกับโรงแรม ปกติลูกไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวเลยนะ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมก็แค่อยากโพรโมตโรงแรมสักหน่อย”
“โอเค แต่ถ้ามีปัญหาอะไรรีบบอกพ่อเลยนะ”
“ได้ครับ”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารค่ะ”
“เข้ามาได้เลย”
พอพนักงานเคาะประตูด้านหน้าแม่ของเขาก็เอ่ยอนุญาต พนักงานหลายคนต่างทยอยเดินเข้ามาเสิร์ฟอาหาร ซึ่งเราทั้งหมดภายในห้องก็ต่างทานกันอย่างเอร็ดอร่อย แล้วก็พูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบกันไปด้วย
“คุณแม่คะ”
“อะไรลูก”
“พอดีที่รักมีเรื่องสำคัญจะบอกค่ะ”
พอพี่สะใภ้ของเขาพูดแบบนั้นเขาก็รีบหันหน้าจ้องมองเพราะตัวเองก็อยากรู้เหมือนกัน
“อะไรเหรอ”
“ที่รักจะมีน้องให้เติมรักแล้วค่ะ”
“อร๊ายยย...แม่ดีใจจังเลยลูก ตัวเล็กได้กี่เดือนแล้ว”
“ตุลย์พาไปตรวจเมื่อวานหมอบอกว่าได้หกสัปดาห์แล้วค่ะ”
“เป็นเรื่องที่ดีมากเลย ต่อไปหนูต้องทานอาหารที่มีประโยชน์หน่อยนะลูก จะได้บำรุงครรภ์หน่อย”
“ได้ค่ะ”
“พี่เขามีลูกถึงสองคนแล้ว ตอนไหนลูกจะแต่งงานเนี่ยไอ้เจ้าสิงห์”
“ผมจะแต่งกับใครล่ะพ่อ”
“ยังไงลูกกับหนูยาหยีก็เลิกกันไปนานแล้ว พ่อว่าลูกลองหาใครสักคนดูไหม เพราะตอนนี้อายุของลูกก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้วนะ”
“พ่อก็รู้ว่าผมลืมน้องไม่ได้ ผมรอน้องอยู่”
“เฮ้อออ...พ่อก็อยากได้หนูยาหยีเป็นลูกสะใภ้เหมือนกัน”
หลังจากที่พ่อของเขาพูดออกมาแบบนั้น สถานการณ์ในห้องก็ตึงเครียดขึ้นมา ต่างจากที่ก่อนหน้านี้พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
“ยังไงเราก็ทานข้าวกันเสร็จแล้ว งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” เขาเอ่ยลาทุกคนกำลังจะลุกขึ้นเพื่อจะออกไปจากห้อง แต่แม่ของเขาดันเรียกไว้ซะก่อน
“จะกลับอะไรเร็วขนาดนั้นลูก เพิ่งทานเสร็จเองนะ”
“ผมต้องรีบกลับไปทำงานครับ เดี๋ยวเอาไว้ว่าง ๆ ผมไปเยี่ยมที่บ้านนะ” เขายิ้มให้กับทุกคนแล้วเดินออกมาจากห้องอาหารทันที
“ผมไม่น่าพูดแบบนั้นออกไปเลย”
“มันไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกค่ะ อย่าคิดมากนะ”
“ใช่ครับคุณพ่อ มันไม่ใช่ความผิดของคุณพ่อเลย ไม่ต้องคิดมากนะครับ”
“เราได้ยินข่าวน้องยาหยีบ้างหรือเปล่าตุลย์”
“ไม่เลยครับแม่”
“ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ เดี๋ยวเอาไว้ว่าง ๆ แม่ต้องไปเยี่ยมคุณย่าซะแล้ว เผื่อจะได้ข่าวคราวอะไรบ้าง”
“ครับ”
…..
สามวันต่อมา...
เธอเดินลงมาจากรถ พร้อมกับเดินไปที่หาดหน้าโรงแรมเพื่อสูดดมอากาศในยามเช้า
“อากาศดีจัง ไม่ได้มาทะเลนานเท่าไหร่แล้วเนี่ย” เธอคิดไปถึงการมาทะเลครั้งล่าสุดของเธอก็เมื่อหลายปีก่อนที่มากับอดีตแฟนหนุ่ม แล้วหลังจากที่เธอไปอยู่ญี่ปุ่นก็ไม่ได้มีโอกาสไปทะเลอีกเลย เพราะเนื่องด้วยตัวเองก็เรียนหนักแถมยังต้องทำงานจนหัวหมุน
“นิวเยียร์ไปหาทีมงานดีกว่าเขาโทรหาแล้วเนี่ย”
“อืม” เธอเดินกลับมาหาผู้จัดการพร้อมกับเดินตามเธอเข้ามาในโรงแรมไปเรื่อย ๆ จนพบกับคุณจักรกฤษณ์ที่กำลังยืนรออยู่ เธอจึงยกมือไหว้เพื่อทักทาย
“สวัสดีครับคุณยูกิคุณนิวเยียร์”
“สวัสดีเช่นกันค่ะ”
“เดินทางเหนื่อยหน่อยนะครับ”
“ค่ะ”
“ไม่ทราบว่าทางพวกคุณพร้อมถ่ายเลยไหม พอดีว่าตอนนี้อากาศกำลังดีเลย ผมกลัวว่าถ้าถ่ายช้ากว่านี้หน่อยอากาศคงจะร้อนแย่”
พอคุณจักรกฤษณ์พูดแบบนั้น ผู้จัดการของเธอก็หันมาจ้องมองเธอเพื่อถามความคิดเห็น
“จะถ่ายไหวไหม หรือจะพักก่อน”
“ถ้าคุณนิวเยียร์ไม่ไหวไม่เป็นไรนะครับ”
“ไหวค่ะ ฉันไหว” เธอไหวอย่างที่พูดออกไปจริง ๆ เพราะเนื่องด้วยตัวเองก็ไม่ได้เป็นคนขับรถเอาแต่นอนอยู่เฉย ๆ ทำให้เดินทางมาถึงก็สามารถถ่ายงานต่อได้เลยแบบสบาย
“โอเคครับ เชอรี่มาพาคุณนิวเยียร์ไปแต่งหน้าทำผมให้เรียบร้อย”
“ได้ค่ะ”
ในตอนนั้นเองก็มีพี่คนสวยที่เป็นสาวประเภทสองเดินนำเธอเข้ามาในห้องห้องหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นห้องแต่งตัวเพราะมีเครื่องแต่งหน้าและราวเสื้อผ้าจัดเตรียมไว้เยอะแยะเต็มไปหมด และเธอรู้สึกแปลกใจเพราะในห้องไม่มีนางแบบคนอื่นเลยมีแค่เธอเพียงคนเดียว
“ไม่มีนางแบบคนอื่นเหรอคะ”
“ไม่มีค่ะ มีแต่น้องคนสวยคนเดียว”
“อ๋อ”
“พี่ชื่อเชอรี่นะเป็นช่างแต่งหน้า ส่วนนี่บิวตี้ช่างทำผม”
“นิวเยียร์ค่ะ”
“เรามาแต่งหน้ากันดีกว่าค่ะ”
พอพี่เขาพูดแบบนั้นเธอก็พยักหน้าพร้อมกับเดินลงไปนั่งบนเก้าอี้ด้านหน้ากระจก
“ผิวน้องสวยมากเลยค่ะ ขาวอมชมพูอวบอิ่มมาก”
“ขอบคุณนะคะ”
“พี่ขอเสียมารยาทถามอะไรหน่อยได้ไหม”
“ได้ค่ะ”
“หนูได้ทำจมูกไหมเนี่ยทำไมมันโด่งขนาดนี้”
“ไม่ได้ทำค่ะ” เธอพูดเสร็จก็ใช้มือจับจมูกของตัวเองโยกไปมาเพื่อให้พี่ช่างแต่งหน้าและทำผมดู ซึ่งพวกเขาทั้งสองก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
“พี่เชื่อแล้วค่ะ แล้วหนูได้ทำหน้าอกไหมทำไมมันตูมขนาดนี้”
“หน้าอกก็ไม่ได้ทำค่ะ” พอเธอพูดแบบนั้นพี่ช่างทำผมก็ใช้นิ้วจิ้มบริเวณหน้าอกของเธอ ซึ่งเราทั้งสามคนก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่นอีกครั้ง
“คนอะไรจะเพอร์เฟกต์ขนาดนี้เนี่ย”
“สวยขนาดนี้ไม่คิดว่าอยากจะเป็นดาราหน่อยหรือคะน้องนิวเยียร์”
“เยียร์ยังไม่เก่งขนาดนั้นค่ะ แถมอีกอย่างเยียร์ชอบถ่ายแบบมากกว่าไปแสดงละคร”
“พี่ได้ยินพวกทีมงานคุยกันว่าน้องนิวเยียร์เพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ พอดีเยียร์ไปเรียนต่อที่โน่น”
“แสดงว่าน้องนิวเยียร์ก็ต้องพูดภาษาญี่ปุ่นได้สิ”
“ก็ได้ค่ะ”
“คนอะไรจะเพอร์เฟกต์ทั้งหน้าตาและก็ความรู้เนี่ย”
แอดดด
แต่ในตอนนั้นเองที่เธอกำลังพูดคุยเล่นสนุกกับพี่ช่างแต่งหน้าและก็พี่ช่างผม ประตูที่ถูกปิดอยู่ก็ถูกเปิดเข้ามาพบว่าคนที่เปิดเข้ามานั้นคือผู้จัดการของเธอ
“นี่เป็นชุดที่เธอต้องถ่ายวันนี้นะ เอาไปเปิดดูก่อน”
เธอยื่นมือไปรับนิตยสารด้านหน้ามาเปิดดู พบว่าชุดที่เธอต้องถ่ายวันนี้และพรุ่งนี้ส่วนใหญ่จะเป็นชุดว่ายน้ำ ซึ่งมันก็ไม่ค่อยโป๊เท่าไหร่
“ไหวไหม”
“ไหวสิ”