เจ้าเสียใจมากเพียงใด

1402 คำ
กงหลี่เฉียงหันไปมองเว่ยอ๋องอย่างไม่สบอารมณ์ เขากำลังหาทางปลีกตัวหนีได้อยู่แล้ว “ท่านอ๋อง เรื่องนี้ท่านเกี่ยวอันใดด้วยพ่ะย่ะค่ะ" “เรื่องนี้เปิ่นหวางก็ไม่เกี่ยวหรอก เพียงแต่ว่ามันน่าสนุกดีมิใช่หรือ” เขายื่นหน้าไปใกล้กงหลี่เฉียง “หรือพระองค์กำลังเอาคืนกระหม่อม” กงหลี่เฉียงมองเว่ยอ๋องอย่างโกรธแค้น “เหตุใดเปิ่นหวางต้องแก้แค้นเจ้าด้วยเล่า” เขากอดอกมองกงหลี่เฉียงอย่างยียวน "พระองค์พึงใจในตัวชิงชิง คงจะยินดีไม่น้อยที่กระหม่อมมิได้แต่งนางเข้าจวน” กงหลี่เฉียงเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจออกมา แต่เขาก็เพียงพูดออกมาให้ได้ยินเพียงแค่สองคน “เช่นนั้นรึ แล้วอย่างไรเล่า หากเป็นเปิ่นหวางที่ได้ใจนางมาครองคงมิยอมให้เสียไปอย่างแน่ แต่เจ้าเล่า หึหึ น่าขันนัก” เว่ยอ๋องกระซิบข้างหู ทั้งยังปรายตาไปมองซิงเยียนอย่างดูแคลน กงหลี่เฉียงตัวช้าวาบ เขาเพิ่งจะรู้ว่าเมื่อก่อนที่เคยยิ้มเยาะเว่ยอ๋องที่แย่งเยว่ชิงมาได้ ในตอนนี้เขาได้สูญเสียนางไปเสียแล้ว หากไม่เชื่อคำมารดา ออกมาพบซิงเยียนในวันนี้ เขาคงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้แน่ แต่ไม่สิ หมอหลิวระแคะระคายเรื่องทั้งหมดได้อย่างไร หากไม่มีผู้ใดเอ่ยบอกเรื่องที่จวนของเขา หมอหลิวจะส่งคนตามสืบเรื่องทั้งหมดได้รึ “เป็นท่านใช่หรือไม่ ที่ยุให้หมอหลิวสืบเรื่องของข้า” กงหลี่เฉียงเอ่ยถามเว่ยอ๋องออกมาทันที “เจ้าพูดเรื่องอันใด คนชั่วเช่นเจ้า ต้องให้เปิ่นหวางลงมือด้วยรึ” เว่ยอ๋องยกยิ้มดูแคลนกงหลี่เฉียงที่คิดจะหาเรื่องเขา “แล้วเช่นนั้น ท่านหมอหลิวจะสงสัยเรื่องของข้าได้อย่างไร” “หึหึ กงหลี่เฉียงเอ๋อ กงหลี่เฉียง เจ้าคิดว่าผู้อื่นจะโง่เขลาไปตลอดเช่นนั้นรึ หากเปิ่นหวางเป็นคนลงมือ เจ้าเชื่อหรือไม่เล่าว่าความผิดของบิดาเจ้า เพียงพอให้หัวคนทั้งตระกูลกงหลุดออกจากบ่าได้” ประโยคหลังเว่ยอ๋องยื่นหน้าไปพูดให้กงหลี่เฉียงได้ยินเพียงผู้เดียว คำพูดของเว่ยอ๋องทำให้กงหลี่เฉียงสั่นสะท้านออกมา เขาเชื่อในคำพูดของเว่ยอ๋อง เพราะรู้จักนิสัยของบิดาดี ยิ่งทำงานในกรมพิธีการด้วยแล้ว เรื่องที่ทำให้หัวหลุดจากบ่าคงมีไม่กี่เรื่อง “หมดเรื่องสนุกแล้ว เปิ่นหวางขอตัว” เว่ยอ๋องเดินหัวเราะออกไปจากห้องรับรองทันที เมื่อออกมาด้านนอกก็พบกับเสิ่นเจิ้งซี ผู้ตรวจการหนุ่มที่เป็นสหายของเขา “ท่านอ๋อง ทรงสำราญไม่น้อยเลยนะพ่ะย่ะค่ะ” เสิ่นเจิ้งซีอดที่จะค่อนแคะเขาไม่ได้ “หึหึ หรือเจ้าไม่คิดว่าเรื่องนี้สนุกรึ อ้อ คงมีเรื่องให้ผู้ตรวจการเช่นเจ้าไปทำแล้ว” เว่ยอ๋องส่งกระดาษที่เขาหยิบติดมือมาด้วยให้เสิ่นเจิ้งซี “นี่” เมื่ออ่านสิ่งที่เขียนอยู่ด้านใน เขาก็เงยหน้าขึ้นมองเว่ยอ๋องอย่างไม่อยากเชื่อ “นอกจากจะมีเรื่องสนุกแล้ว เปิ่นหวางยังหางานให้เจ้าได้ด้วย หากได้เลื่อนขั้น อย่าลืมเลี้ยงเปิ่นหวางเล่า” เว่ยอ๋องตบบ่าเสิ่นเจิ้งซี ก่อนที่จะเดินออกจากโรงน้ำชาไปขึ้นรถม้ากลับตำหนัก เขานึกถึงใบหน้ายามโกรธขึ้งในตอนเด็กของเยว่ชิงแล้วเผลอหัวเราะออกมา นางในตอนนั้นตัวอ้วนกลม แก้มทั้งสองข้างทำให้เขามันเขี้ยวจนเผลอไปจับเสียหลายรอบ ยิ่งตอนที่นางโมโหจนหน้าแดงเขาก็ยิ่งอยากจะแกล้งนาง ยามที่นางโมโหจนจะร่ำไห้ แต่ไม่ยอมให้น้ำตาไหลออกมาก็ช่างน่าดู ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใดที่เขาและนางไม่ได้หยอกล้อกันเช่นนี้ คงเป็นตอนที่เขาแกล้งนางจนเกือบตกน้ำ จนกงหลี่เฉียงทำตัวเป็นบุรุษขี่ม้าขาวมาช่วยสาวงามกระมัง ครั้งนั้นนางดูโกรธเขามากกว่าทุกครั้ง และเป็นตัวเขาที่ถอยห่างจากนาง หลังที่นางหันไปสนิทกับกงหลี่เฉียง อาจจะเป็นเพราะเขาโมโหที่นางไม่ยอมพูดคุยกับเขาอีก ทั้งยังไม่อยากจะเห็นเวลาที่นางยิ้มให้กงหลี่เฉียง “เจ้าจะเสียใจมากเพียงใด กระต่ายน้อยของเปิ่นหวาง” เขาเปิดผ้าม่านรถม้าขึ้น เมื่อผ่านจวนของนาง เยว่ชิงเมื่อกลับมาถึงจวน นางนั่งพูดคุยกับบิดาต่อเรื่องที่พ่อบ้านหาร้านค้าให้นางได้แล้ว ทั้งสองพูดคุยกันเรื่องที่จะจัดการกับโรงหมอของนางเช่นไร จนทานมื้อเย็นเสร็จจึงได้แยกย้ายกันไปพักผ่อน เมื่อเข้ามาภายในเรือนเยว่ชิงก็เข้าไปจัดการล้างหน้าล้างตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะให้อาอิงออกไปพักผ่อน “ทะ ท่าน” นางเกือบจะกรีดร้องออกมาเสียแล้ว เมื่อเห็นเว่ยอ๋องปรากฏกายอยู่ภายในห้องของนาง เว่ยอ๋องรู้อยู่แล้วว่าถ้านางเห็นเขาจะต้องกรีดร้องอย่างแน่นอน จึงได้พุ่งตัวไปตะครุบปิดปากของนางไว้ได้ทัน เยว่ชิงนางถลึงตามองเขาอย่างไม่พอใจ แต่จะร้องออกมาก็ไม่ได้ เพราะมือของเขาปิดปากของนางไว้แน่น “เปิ่นหวางจะปล่อยมือออก แต่เจ้าห้ามร้องเล่า” เยว่ชิงพยักหน้าอย่างว่าง่าย นางไม่มีทางร้องเรียกให้มาแห่กันมาดูอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่านางลอบนัดพบบุรุษยามค่ำคืนที่ห้องนอน “พระองค์เข้ามาในห้องนอนหม่อมฉันได้อย่างไรเพคะ” นางถอยห่างออกมาจากตัวเขา เว่ยอ๋องหยักไหล่ แล้วเดินไปนอนลงที่เตียงราวกับว่าเป็นห้องพักของตน เยว่ชิงเดินตามมาดึงตัวเขาให้ลุกขึ้นจากที่นอนของนาง แต่แรงของนางรึจะสู้แรงของเขาได้ จำต้องปล่อยให้เขานอนอย่างสบายใจบนที่นอนของนางต่อไป "เปิ่นหวางเพียงแค่มาดู ว่าจวนตระกูลหลิวน้ำท่วมไปด้วยน้ำตาของเจ้าแล้วหรือยัง” เยว่ชิงหยิบจอกน้ำชาปาใส่ไปที่ตัวของเขาอย่างโมโห “เหอะ เรื่องเพียงแค่นี้หม่อมฉันไม่เสียน้ำตาหรอกเพคะ พระองค์กลับไปได้แล้ว หากผู้ใดมาพบเข้าหม่อมฉันจะเสียหาย” “เจ้ายังกลัวเสียหายอีกหรือ เรื่องในวันนี้ พรุ่งนี้ชาวเมืองคงได้ลือไปทั่ว แล้วเช่นนี้เจ้ายังไม่เสียหายอีกรึ” “มันไม่เหมือนกันเพคะ ไม่เช่นนั้นหม่อมฉันจะร้องเรียกองครักษ์แล้วนะเพคะ” “หึหึ องครักษ์จวนเจ้าสมควรต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดจริงๆ เปิ่นหวางเข้ามาถึงนี่ ยังไม่มีผู้ใดโผล่หัวออกมา” “ท่านอ๋อง” เยว่ชิงเอ่ยตำหนิเขาออกมา เว่ยอ๋องลุกขึ้นเดินเข้ามาหานาง ก่อนจะมองนางอย่างจริงจังอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน “เอาล่ะ เปิ่นหวางไม่แกล้งเจ้าแล้ว ชิงชิง อย่าได้เสียน้ำตาให้บุรุษเช่นนั้นเด็ดขาด” เยว่ชิงเงยหน้าสบตากับเขา น้อยครั้งนักที่เขาจะเอ่ยปลอบโยนนาง แม้แต่ยามเด็กที่นางร้องไห้ เพราะหกล้ม เขายังถากถางนาง หาว่าขาไม่มีแรงเดิน แต่ยามนี้เขากลับมองนางอย่างจริงจัง “แล้วท่านเห็นข้าร้องหรือไม่เล่า” นางก้มหน้าลง เอ่ยเสียงเบา เว่ยอ๋องที่เป็นเช่นนี้ก็ทำให้นางถึงกับทำตัวไม่ถูกเช่นกัน “เปิ่นหวางจะกลับแล้ว เจ้าก็รีบเข้านอนเสีย หน้าตาของเจ้าดูไม่ได้เสียเลย” เยว่ชิงกัดฟันแน่น นางคิดว่าเขาจะดีขึ้นเสียแล้ว แต่เปล่าเลยยังคงนิสัยเสียเช่นเดิม เว่ยอ๋องกระโดดออกไปทางหน้าต่าง เขายังคงหยุดอยู่ที่ต้นไม้ข้างห้องของนาง เมื่อเห็นว่าด้านในดับเทียนแล้ว จึงได้ออกจากจวนตระกูลหลิวไปอย่างเงียบๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม