บนตั่งใหญ่แบบมีพนักกั้นลวดลายอ่อนช้อย บุรุษผู้ถูกเรียกขานว่า 'นายท่าน' นั่งบนฟูกนุ่มยัดด้วยขนอ่อนอกเป็ด หมอนอิงผ้าไหมกระจัดกระจายอยู่บนตั่งไม้แกะสลักขนาดใหญ่ ขนาดของมันพอจะนั่งหรือนอนได้สิบคนเสียด้วยซ้ำ ร่างสูงใหญ่กอดประคอง 'เมียรัก' ของผู้อื่นนั่งบนตัก
ซูลี่กัดริมฝีปากล่างเอาไว้ สายตาสบเข้ากับดวงตาคมกล้าเปล่งประกาย แผงอกเปลือยเปล่าของเขาเสียดสีเบียดบี้อยู่กับอาภรณ์บางเบาที่เหล่าสาวใช้จงใจสวมมันให้ซูลี่ หากต้องแสงไฟคงมิอาจเรียกได้ว่าอาภรณ์ควรเรียกว่าผ้าโปร่งคลุมกายเสียมากกว่า
ชุดคลุมทอจากขนกระต่ายหล่นลงไปกองที่พื้นโดยที่ซูลี่ไม่รู้ตัว ดวงตากลมโตช้อนมองหน้าโจรโฉด สายตาสบประสานจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตา ริมฝีปากกระจับคลี่ยิ้มคราหนึ่ง
"เหตุใดจึงใจเต้นแรงนัก แรงจนข้าสัมผัสมันได้"
"ข้าจะตัดมือเจ้า" ซูลี่ขู่ฟ่อ ๆ
มือหยาบกร้านกรำอาวุธจับหมับเข้าบนทรวงอกด้านซ้าย อุ้งมือขยับเฟ้นบนเต้าทรวงอย่างไม่เบาแรงนัก แน่ล่ะว่าเจ้าโจรชั่วต้องสัมผัสได้ว่าใจนางเต้นแรง ก็มือของเขาวางอยู่บนเต้าข้างซ้ายอย่างเต็มมือ จะสัมผัสไม่ได้อย่างไรกัน
มารดามันเถอะ!
"ใจร้าย" ริมฝีปากร้อนปัดป่ายบนใบหูนุ่ม กระซิบตัดพ้อนางอย่างหวานหู
มือใหญ่บีบคลึงเต้าทรวงข้างหนึ่ง อีกมือลูบไล้บนสะโพกนาง แต่สายตายังจับจ้องใบหน้าซูลี่ไม่วางตา จ้องมองความขุ่นเคืองของสตรีตัวเล็กราวกับเป็นเรื่องน่าอภิรมย์ หัวคิ้วนางย่นยู่จนคิ้วขมวด แววตาตื่นกลัวระคนหวาดระแวง ปากนุ่มสีแดงสดฉ่ำวาวขบเม้มเข้าหากัน นางห่อไหล่เข้าเล็กน้อยยามเขาเลื่อนมือเข้าไปในสาบเสื้อสัมผัสเนื้อนวล
"อย่า.." เสียงหวานร้องประท้วงแผ่วเบาในลำคอ แต่เสียงนั้นกลับกระตุ้นความปรารถนาในกายบุรุษให้อยากรังแกนางขึ้นไปอีก
"ข้าขอร่ำสุรากับเจ้าเพียงสามราตรี หากเจ้าไม่ยินดีอยู่ต่อ ข้าจะไม่รั้ง"
ร่ำสุรากับผีน่ะสิ และนั่น ๆ มือซุกซนข้างหนึ่งกำลังย้ายจากบั้นท้ายไปปลดสายรัดเอวนางออก
"ร่ำสุราหรือกินเต้าหู้ข้ากันแน่" ซูลี่ตัดพ้ออย่างเกรี้ยวกราด มือน้อยดันแผงอกเขาออกห่าง แต่ไม่เป็นผลเพราะร่างสูงใหญ่พาร่างนางเอนลงบนฟูกอ่อนนุ่มบนตั่ง กายแกร่งคร่อมทับซูลี่ไว้ในวงแขน
"หรือเจ้าอยากกลับไปตำหนักอ๋อง"
"ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่ ข้าอยากกลับบ้าน บุรุษล้วนใจร้ายดุจเดียวกันทุกคน ข้าไม่อยากถูกทุบตีอีกแล้ว" ซูลี่น้ำตาเอ่อล้นขอบตา หยาดน้ำใสวาวหยดไหลเปื้อนสองแก้ม
รอยยิ้มบนใบหน้าชายหนุ่มหุบลงโดยพลันเมื่อได้ยินคำกล่าวจากปากนาง ความกรุ่นโกรธปะทุในอกเมื่อได้ยินคำว่าถูกทุบตี
"ถึงข้าเป็นโจรชั่วแต่ก็ไม่เคยทำร้ายสตรี"
ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนเข้าใกล้ประทับริมฝีปากบนหยดน้ำใส จูบซับรอยน้ำตาให้เหือดหายจากใบหน้า
"อย่าร้องไห้ ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าข้ามิอาจทานทนน้ำตาบนใบหน้าสตรี"
ซูลี่ตัวแข็งทื่อ ตวัดสายตามองมือใหญ่เคล้นคลึงสองเต้าสลับกัน แม้คำกล่าวหวานหูแต่มือยังเคล้นคลึงบนทรวงอกไม่หยุด การกระทำย้อนแย้งยิ่งกว่าตาเฒ่าร้อยเล่ห์
เขาผู้เป็นโจรอย่างไรก็ยังเป็นโจร
"อย่านะ เอามือออกจากหน้าอกข้า อย่าทำเช่นนี้ ข้ามีสามีแล้ว"
ร่างสูงชะงักเล็กน้อย ยอมปล่อยมือจากสองเต้าแล้วไปคลึงขย้ำบนสะโพกงอนงามแทน
"อย่าขยำก้นข้า"
"เหตุใดสตรีที่มีสามีแล้วจึงไม่ประสาเรื่องบนเตียง"
"มันเรื่องของข้า"
"ชินหวางอ๋องสวามีเจ้าเคยร่วมหอกับเจ้ากี่ครั้งกัน คาดว่าไม่ถึงสามครั้ง" เสียงกล่าวคล้ายเย้ยหยัน
"นี่เจ้า ...รู้ได้อย่างไร" ซูลี่หน้าแดงซ่าน
แม้ชินหวางอ๋องมาเยือนเรือนนางเกือบสิบครั้งแต่หากนับครั้งที่เข้าหอ มีเพียงวันอภิเษกกับอีกครั้งตอนท่านอ๋องเมาสุรา ไม่ถึงสามครั้งอย่างที่โจรถ่อยกล่าวเย้ย
เหตุใดเขาจึงรู้เรื่องของนางอย่างละเอียด มันละเอียดเกินไปหน่อยกระมัง
"จะรู้ได้อย่างไรไม่สำคัญ แต่เจ้าแต่งเข้าตำหนักอ๋องตั้งสามปี ร่วมหอกันเพียงครั้งสองครั้งไม่นับเป็นผัวเมีย"
"ข้าเป็นของชินหวางอ๋องไปแล้ว นับเป็นสตรีมีราคีคาว อย่าทำอะไรข้าเลย" ซูลี่วอนขอ
"แต่ข้าอยากเป็นของเจ้า" เขากล่าวออกมาอย่างไม่อายฟ้าดิน คำกล่าวนั้นมิใช่ยัดเยียดตนเองให้นางหรอกหรือ
"ไม่ ข้าไม่พร้อม"
"แต่ข้าพร้อม"
ชายหนุ่มกดร่างคร่อมทับร่างซูลี่บนตั่ง บดริมฝีปากบนปากน้อยอีกครา ลมหายผสานเป็นหนึ่งเดียว สาบเสื้อของทั้งสองหลุดลุ่ย สองเต้าทรวงเต่งตึงโผล่พ้นสาบเสื้อสีขาวมุก เปิดเปลือยความเต่งตูมอร่ามตา