หญิงสาวในชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์แบบผ้าลูกไม่เรียบง่ายสไตล์โบฮีเมียน เดินกุมมือเจ้าสาวบ่าวของเธอด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มย่ำไปบนคลื่นน้ำทะเลสีครามที่ซัดกระทบเข้าฝั่งระลอกแล้วระลอกเล่า ในมือของทั้งคู่ชูแหวนแต่งงานล้อไปกับแสงแดดจนส่องประกายวิบวับ เจ้าสาวยิ้มหวานส่งจูบให้เจ้าบ่าวที่กำลังเก็บภาพระลึกไว้ในสมาร์ตโฟนสุดไฮเทค ก่อนที่หญิงสาวจะโผเข้าสวมกอดเขาแล้วเต้นรำกันท่ามกลางผืนทรายสายลม แสงแดดและน้ำทะเลอย่างสนุกสนาน
“ต่อไปนี้คุณคือนางแสนคะนึง ภัทรกิตติกุล แล้วนะ คุณคือภรรยาของผมอย่างเต็มตัว” แทนชนม์ปัดผมหน้าม้าที่ปลิวปรกหน้าเธออย่างอ่อนโยน แล้วประทับริมฝีปากลงกลางหน้าผากด้วยความอ่อนหวาน แต่อุ่นซ่านไปถึงหัวใจแสนคะนึง
“คุณเองก็เป็นสามีของฉันแล้วนะคะแทน” เธอยกมือเกาะบ่าเขา เขย่งปลายเท้าขึ้นจูบปลายคางบึกบึนอย่างนุ่มนวลแผ่วเบา สีหน้าเปี่ยมล้นไปด้วยความรักที่มอบให้เขาอย่างลึกซึ้งสุดหัวใจ
แทนชนม์โอบกอดเธอแน่นแฟ้นแนบอก ยิ่งเขาสัมผัสถึงความรักของแสนคะนึงได้มากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกผิดต่อเธอมากขึ้นเท่านั้น
“เสียใจมั้ยที่ผมไม่มีพิธีใหญ่โต ไม่มีแขกมาร่วมงานแสดงความยินกับเรา มีแค่ชุดเจ้าสาวกับแหวนสองวงและทะเบียนสมรสให้คุณได้เท่านั้น”
มันเป็นเงื่อนไขหรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ ‘การยื่นคำขาด’ จากมารดาของเขาเองว่าห้ามให้ใครรู้เรื่องนี้เป็นอันขาด เพราะท่านไม่ยินดีกับการแต่งงานครั้งนี้ ยิ่งไม่ยอมรับลูกสะใภ้ไร้หัวนอนเข้ามาร่วมวงศ์สกุล ขณะที่บิดาแม้จะไม่คัดค้าน แต่ก็ไม่เห็นด้วย ท่านมองคู่ชีวิตควรมีผลตอบแทนมากกว่าความรักเพียงอย่างเดียว
แทนชนม์ขัดพวกท่านไม่ได้...
โดยเฉพาะมารดาที่ป่วยเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วขั้นร้ายแรง ไม่สามารถทนรับแรงกดดันใดๆ ได้เลยแม้เพียงเล็กน้อย เขาจึงต้องยอมรับข้อเสนอที่ไร้ทางเลือก ทั้งที่ในใจอยากจะทำเพื่อคนรักมากกว่านี้ อยากจะให้เกียรติเธอมากกว่าทำเหมือนหลบๆ ซ่อนๆ ไม่ต่างอะไรกับ ‘เมียลับ’ หรือ ‘เมียเก็บ’
แสนคะนึงส่ายหน้าอยู่กับอกกว้างที่แสนอบอุ่น เงยหน้าเกยคางส่งฉีกยิ้มสดใสให้กับหัวใจที่หม่นหมองได้พลันสว่างวาบ
“ไม่ว่าอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับ ‘หัวใจ’ ของคุณค่ะ ตราบใดที่คุณยังรักฉัน ฉันจะไม่มีวันเสียใจเป็นอันขาด
แทนชนม์ยิ้มอ่อนโยน ทาบฝ่ามือกอบกุมใบหน้าเล็กๆ โน้มหน้าจูบเคล้าปากอิ่มอย่างดูดดื่มเต็มตื้นแทนคำสัญญา เอ่ยกระซิบชิดมุมปากที่แฝงไปด้วยความมั่นคงว่า
“ผมรักคุณ และจะทำให้คุณเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก” ...เพื่อชดเชยสิ่งที่ผมทำให้คุณไม่ได้
“ฉันเชื่อคุณค่ะ” แสนคะนึงหลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมอกแกร่ง เชื่ออย่างหมดใจว่าแทนชนม์จะทำให้เธอมีความสุขยิ่งกว่าใครๆ
ภาพที่สว่างไสวค่อยๆ สลัวลงอย่างช้าๆ ในชั่วพริบตาความมืดก็เข้าคืบคลานจนทุกอย่างรอบตัวเธอดับสนิท แสนคะนึงยืนเคว้งอยู่ท่ามกลางความมืดมนเพียงลำพัง คนที่โอบกอดเธออยู่หายวับไปไหนก็ไม่รู้ ไม่เหลือแม้แต่สัมผัสของไออุ่น เธอมองไปรอบๆ ในทิศทางที่มีส่องริบหรี่ ปรากฎร่างของแทนชนม์ที่นั่งอยู่ในห้องทำงาน สายตาจ้องไปยังหน้าจออย่างใจจดใจจ่อรอใครคนหนึ่ง ก่อนจะยิ้มเบิกบานเมื่อมีเสียงหวานๆ ทักทาย สองคนพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลินเหมือนโลกนี้มีเพียงพวกเขา ไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของเธอที่เป็นภรรยาเลยสักนิด
เป็นอย่างนี้ทุกคืนในปีที่สามของการแต่งงาน...
แสนคะนึงมองสีหน้าเปี่ยมรักและแววตาลึกซึ้งของสามีที่มองผู้หญิงอื่นแล้วได้แต่ยิ้มเยาะ ความขื่นขมแทรกซึมเข้าสู่หัวใจแผ่ขยายไปทั้งร่างกายทั่วทุกอณู เจ็บปวดรวดร้าวแสนสาหัสอย่างที่ไม่เคยเจอะเจอ ร้าวลึกบาดหัวใจกลายเป็นแผลฉกรรจ์
ภาพตรงหน้ามืดลงอีกครั้ง ก่อนจะผุดแสงขึ้นในอีกทิศทาง คราาวนี้คนที่ปรากฏตัวต่อหน้าเธอคือรัญชนา หล่อนมองเธออย่างยิ้มเยาะ สีหน้าลำพองแววตาได้ใจเฉกเช่นผู้ชนะขณะเอ่ยกับเธอว่า
“แทนไม่ได้รักคุณเลยสักนิด เขารักฉัน เรานอนด้วยกันทุกคืน และตอนนี้ฉันก็ท้องลูกของเขาแล้ว ถ้าคุณไม่อยากจะดูน่าสมเพชไปมากกว่านี้ ก็หย่ากับเขาซะ!”
สิ้นเสียงหล่อนสามีเธอก็ปรากฏตัวยืนซ้อนหลังรัญชนา โอบกอดหล่อนพลางยกมือหนาลูบท้องที่นูนเด่นอย่างทะนุถนอม ริมฝีปากหยักบางเฉียบบดเคล้าจูบหล่อนอย่างเร่าร้อนอ่อนหวาน ก่อนที่หางตาจะปรายมองมาที่เธออย่างเยียบเย็น
แสนคะนึงยืนมองเขาโอบกอดหญิงอื่นด้วยน้ำตาที่อาบหน้า...
หัวใจที่รุ่มร้อนโดนไฟสุมเต้นอ่อนลงเรื่อยๆ จนไม่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหว แต่ความเจ็บปวดยิ่งทวี เจ็บจนไม่รู้จะเจ็บอย่างไร เมื่อความเชื่อมั่นของเธอกลับพังทลายลงด้วยน้ำมือของเขาที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี
เพราะ ‘รัก’ เธอถึงต้องเจ็บมากขนาดนี้!
ถ้า ‘เลิก’ รักก็คงไม่เจ็บปวดแล้วใช่ไหม...?