บางทีเขาอาจจะรู้สึกว่าขั้นตอนพวกนี้ยุ่งยากเกินไปล่ะมั้ง...
คนระดับผู้บริหารอย่างเขาคงจะหงุดหงิดที่ต้องมาทำอะไรหยุมหยิมพรรค์นี้ เพราะปกติจะมีเลขาคอยจัดการให้ทุกอย่าง
“ถ้าคุณกรอกไม่ถูก เอาแบบฟอร์มของฉันไปดูเป็นตัวอย่างก็ได้ค่ะ” เธอเอ่ยกับเขาอย่างมีน้ำใจ พร้อมกับยื่นเอกสารที่กรอกเสร็จแล้วไปตรงหน้าเขา
แทนชนม์หันขวับจ้องหน้าแม่คนสู่รู้ด้วยแววตาดุดัน ริมฝีปากบางเฉียบเหยียดตรง เมื่อกี้ว่าโมโหแล้ว ตอนนี้เขายิ่งเดือดสุดๆ ที่แสนคะนึงทำท่าว่าอยากจะหย่ากับเขาให้เร็วที่สุดอย่างออกนอกหน้า เขาเอื้อมมือไปหยิบปากกาขึ้นมากำแน่นจนแทบหักกลางด้าม ก่อนจะกระแทกลมหายใจกรอกข้อมูลลงไปอย่างครบถ้วน กำลังจะกระแทกปากกาวางลงก็ได้ยินเสียงหวานๆ เอ่ยขึ้นว่า
“คุณยังไม่ได้เซ็นชื่อเลยค่ะ”
ไม่พูดเปล่า คุณเธอยังมีน้ำใจช่วยชี้ตรงตำแหน่งที่บอกให้เขาเห็นชัดๆ ราวกับตั้งใจประชดกัน ทำให้เขากัดฟันกรอด ความขึ้งโกรธที่พลุ่งพล่านอยู่ในอกเดือดปุดๆ ปะทุขึ้นจนเกือบจะควบคุมไม่อยู่ เขาตวัดสายตามองแม่คนหวังดีเป็นเชิงให้หุบปาก มือกดปากกาตวัดลายเซ็นจนกระดาษทะลุ ขณะที่ปากก็หันไปเร่งเจ้าหน้าที่ว่า
“ทำให้มันเร็วๆ หน่อย เวลาของผมมีค่า ผมยังมีธุระอีกเยอะ ไม่มีเวลามานั่งอยู่ที่นี่ทั้งวันหรอกนะ”
เจ้าหน้าที่สาวเห็นสีหน้าฝ่ายชายที่เหมือนไปกินรังแตนมาทั้งฝูงก็งุนงง ท่าทางเขาดูเหมือนจะขาดใจตายที่ต้องหย่าขาดกับภรรยา
ถ้าไม่อยากหย่า แล้วมาทำไม?
หล่อนคิดแต่ไม่กล้าถาม ประสิทธิภาพในการทำงานของหล่อนพุ่งสูงราวกับโด๊ปเครื่องดื่มชูกำลังมาสักโหล เพราะเจอสายตาขุ่นขวางของฝ่ายชายกดดันเหมือนปลายมีดที่จ่อคอหอย พร้อมจะกระซวกหล่อนได้ทุกเมื่อ หลังจากคู่สามีภรรยาและพยานที่หาเอาจากแถวๆ นั้นลงชื่อเรียบร้อยแล้ว ใช้เวลาเพียงไม่นานเอกสารใบหย่าสองใบก็ถูกวางอยู่ตรงหน้าพวกเขา
แทนชนม์มองไปที่คำว่า ‘หย่า’ แล้วรู้สึกบาดตาบาดใจเหลือคณา เขาขบกรามแทบบิ่น ก่อนจะลุกพรวดสาวเท้าเดินออกมาโดยไม่หยิบมันติดมือไปด้วย ร้อนถึงแสนคะนึงต้องรีบรับแทน แล้ววิ่งตามออกมาจับมันยัดใส่มือเขา
“ถึงเราจะหย่ากันแล้ว แต่ก็ไม่จำเป็นต้องโกรธกัน ฉันขออวยพรให้คุณมีความสุขมากๆ นะคะ” เธอเอ่ยอย่างจริงใจ หัวใจเบาสบาย มองอะไรก็รู้สึกปลอดโปร่งผ่อนคลายไปหมด เลยทำให้ยังยิ้มได้ แม้ต้องเผชิญกับสีหน้าเย็นชาสุดขั้วของอดีตสามีหมาดๆ
ผิดกับอีกคน...ที่โลกทั้งใบมืดครึ้มขมุกขมัวเหมือนหัวใจของเขาในตอนนี้
“เชิญคุณมีความสุขไปคนเดียวเถอะ”
แทนชนม์สะบัดหน้าเดินผ่านเธอไปที่ซูปเปอร์คาร์ราวพายุหมุนลูกใหญ่ ดวงตาเยือกเย็นไม่ปรายมองเธอเลยแม้แต่หางตา แสนคะนึงยักไหล่แล้วมองฟ้ามองนกและต้นไม้ใบไม้ให้เจริญหูเจริญตา ก่อนจะหันหลังเตรียมเดินจากไปทางใครทางมัน คิดในใจอย่างตื่นเต้นว่าจะไปฉลองความโสดที่ไหนดี
“จะไปไหน”
แสนคะนึงชะงักฝีเท้า หันกลับมามองตามเสียงทักที่ทั้งห้วนทั้งดุด้วยความสงสัย เอ่ยถามเขาอย่างไม่แน่ใจว่า
“คุณพูดกับฉันรึเปล่าคะ”
“แล้วผมรู้จักใคร นอกจากคุณอีกล่ะ” แทนชนม์มองเธอราวกับคนซื่อบื้อปัญญาอ่อน
หญิงสาวชักสีหน้าใส่เขา กระแทกเสียงโต้กลับว่า
“ฉันจะไปตรัสรู้เหรอคะ เห็นว่าหย่ากันแล้ว คุณก็คงไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับฉันสักเท่าไหร่นักหรอก”
แทนชนม์ขี้เกียจใส่ใจท่าทีฟึดฟัดของอีกฝ่ายให้ยิ่งโมโห จึงตัดบทสั่งเธอเสียงเฉียบว่า
“ขึ้นรถ”
แสนคะนึงถึงกับหน้าซีด ส่ายหัวดิก ยังขยาดกับประสบการณ์เฉียดตายตอนขามาไม่หาย ถึงเขาจะไม่กลัว แต่เธอกลัว เธอยังหวงชีวิต ไม่คิดจะไปตายพร้อมเขาหรอกนะ
“อย่าให้ผมต้องพูดซ้ำ!”
“มะ ไม่ต้องก็ได้ค่ะ ฉันกลับเองสะดวกกว่า” แสร้งบอกเหมือนกับเกรงใจเสียเต็มประดา
“ผมสั่ง! ไม่ได้บอก ขึ้นมา!!!”
แสนคะนึงส่ายหัวอย่างเป็นเอาตาย ใจอยากจะวิ่งหนีไปให้ไกล แต่ร่างกายกลับไม่ฟัง ขยับไม่ได้เพราะถูกสายตาเหี้ยมเกรียมสะกดเอาไว้จนก้าวขาไม่ออก
“จะเดินมาขึ้นดีๆ หรือต้องให้ใช้กำลัง”
แสนคะนึงเย็นยะเยือกสะท้านไปทั้งตัว ไม่ได้กลัวว่าเขาจะตบตี แต่สายตาโลมเลียอยู่แถวๆ เนินอกลากต่ำมาที่กลางตัวบอกให้รู้ว่าคำว่า ‘ใช้กำลัง’ ที่เขาพูดถึงคือแบบไหน และจะสร้างความอับอายให้เธอชนิดที่ไม่อาจจะสู้หน้าใครได้อีก