XIII ช่วงเวลาที่โหดร้าย (1)

1747 คำ
คำพูดของชายหนุ่มตรงหน้าทำให้เจนัสตกใจไม่น้อย เธอมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก การที่เขาพูดว่าให้ใช้ตัวเขาเองเหมือนสิ่งของมันน่ากลัวยิ่งกว่าอะไรดีเพราะมันหมายถึงเขาไม่ได้มองตัวเองเป็นมนุษย์เลยแม้แต่นิดเดียว “พูดอะไรบ้า ๆ ออกมา! พี่ไม่เคยมองนายเป็นสิ่งของเครื่องใช้เลยนะ!” “.....” “เอส ถ้าจะมาเพื่อพูดอะไรบ้า ๆ แบบนี้ก็ออกไปแล้วไม่ต้องมาให้พี่เห็นหน้าอีก” “พี่เจนัส!” “พี่ไม่ได้ช่วยนายไว้เพื่อให้มาทำเรื่องแบบนี้นะ! ไอ้คานิกซ์มันสอนอะไรให้นายกันแน่ถึงได้เป็นขนาดนี้!” เจนัสพูดออกมาด้วยความโกรธ สายตาของเอสโทเพลตอนที่บอกให้ใช้ตัวเองเป็นเครื่องมือมันช่างดูบ้าและไร้สติสิ้นดี เขาไม่เหมือนกับเด็กชายที่เธอเคยรู้จักอีกต่อไปแล้ว แม้ภายนอกอาจจะใช่แต่จิตใจของเขาเหมือนจะพังทลายจนไม่เหลือชิ้นดีไปแล้ว มันทำให้เจนัสอดสงสัยไม่ได้ว่าที่ผ่านมาเขาเจอกับอะไรมาบ้าง? คานิกซ์ทำอะไรกับเอสโทเพลกันแน่? “พี่เจนัส พี่อย่าทิ้งผมนะ!” ร่างสูงทิ้งตัวลงคุกเข่ากอดขาเจนัสเอาไว้แน่น เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ราวกับจะขาดใจตาย ทั้งอ้อนวอนและร้องขอเธออย่างน่าสงสาร เขากลับไปเหมือนน้องชายที่น่ารักของเธออีกครั้งพร้อมกับอ้อนวอนทั้งน้ำตา มันทำให้เจนัสในอ่อนยวบลง เธอแพ้น้ำตามาก ยิ่งเป็นน้ำตาจากคนที่เธอรักยิ่งทำให้เธอใจอ่อนได้โดยง่าย “เอส นายจะบอกพี่ได้ไหมว่าคานิกซ์ทำอะไรกับนายกันแน่” “.....” “พี่อยากได้เอสโทเพลคนเดิมของพี่คืน คนที่อ่อนโยนยิ่งกว่าใคร ๆ คนที่ทำให้พี่ยิ้มได้ในวันที่เจ็บปวด นายเล่าให้พี่ฟังได้ไหม?” เธอลูบผมดกดำของเขาเบา ๆ ราวกับกำลังปลอบเด็กตัวเล็ก ๆ เอสโทเพลนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะยอมพยักหน้าตกลง “ก็ได้ครับแต่พี่ต้องรับปากผมนะ ว่าพี่จะไม่รังเกียจผม....” “พี่ไม่เคยรังเกียจนายเลยนะ ไม่ว่านายจะผ่านอะไรมานายก็ยังเป็นคนสำคัญของพี่เสมอ” ใบหูเล็ก ๆ ที่ลู่ลงราวกับเด็กกำลังทำผิด ทำให้เจนัสอดยิ้มออกมาไม่ได้ เธอพาเขากลับเข้าไปคุยในห้องนอนโดยที่ เอสโทเพลขอนอนหนุนตักเธอพร้อมกับเริ่มเล่าทุกอย่างออกมา “มันเริ่มตั้งแต่วันนั้น วันที่ผมกับพี่ถูกจับเข้าไปทดลองพร้อมกัน....” »»»»«««« 20 ปีก่อนหน้า “เอาตัวเด็กผู้หญิงไปขังไว้แล้วเอาของที่ฉันสั่งเข้ามาด้วย” “ครับ คุณคานิกซ์” “สั่งคนเฝ้าเธอตลอดเวลาด้วย อย่าให้หนีเด็ดขาด” “ครับ!” หลังจากอ้อนวอนมานานสองนานคานิกซ์ก็ยอมปล่อยให้เจนัสออกไป เอสโทเพลมองหญิงสาวที่หมดสติไปแล้วทั้งน้ำตา เธอถูกเข็นออกไปจากห้องโดยถูกล่ามทั้งมือและขาเอาไว้กับเตียงเพื่อป้องกันการหนีหรือขัดขืน เอสโทเพลเองก็มีสภาพไม่ต่างกันเขาถูกเข็นมาอยู่ใต้หลอดไฟดวงใหญ่ที่ทำให้สายตาพร่าเลือน แม้จะหวาดกลัวแต่เขาก็อดดีใจไม่ได้ที่สามารถปกป้องคนสำคัญเอาไว้ได้ “โปรเจกต์มนุษย์หมาป่าสายพันธุ์พิเศษครั้งที่ 13 ตัวทดลองเพศชาย อายุ 3 ขวบ ตาสีฟ้าอ่อน ผมสีดำ โค้ดเนมDTPX0013 ทำการปลูกถ่ายยีนส์หมาป่าเข้าสู่ร่างกายวันที่ 13/XX/XXXX” คานิกซ์ที่สวมเครื่องป้องกันพูดขึ้นเพื่อให้ผู้ช่วยทำการบันทึกข้อมูลทุกอย่างเอาไว้ นี่เป็นการทดลองตัดต่อยีนส์หมาป่าเข้าสู่ร่างมนุษย์ครั้งที่ 13 แล้ว ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมายังไม่เคยมีใครรอดชีวิตไปได้ เด็ก ๆ ที่ถูกทดลองไปก่อนหน้านี้ต่างรับภาระไม่ไหวและสุดท้ายก็ตายลงโดยยังไม่ผ่านขั้นแรกไปด้วยซ้ำ คานิกซ์จึงอดคาดหวังในตัวของเอสโทเพลไม่ได้เพราะผลจากการตรวจร่างกายที่ได้รับมาพบว่าเอสโทเพลอาจเข้ากันได้เป็นอย่างดีกับยีนส์ของหมาป่า “เริ่มกันได้แล้ว” คานิกซ์ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น การผ่าตัดครั้งนี้ไม่มีการใช้ยาชาหรือยานอนหลับ พวกเขาทำเพียงแค่ฉีดบางอย่างที่ทำให้เอสโทเพลเจ็บปวดเจียนตายเข้าไปทางเส้นเลือดเท่านั้น “อ๊ากกก มะ ไม่เอา!” “เริ่มเลย!” คนที่อยู่ในห้องผ่าตัดไม่ได้แสดงท่าทีเห็นใจเขาแต่อย่างใด พวกนั้นฉีดสารปริศนาเข้าไปในร่างกายมากขึ้นเรื่อย ๆ จำนวนหลอดเปล่าเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่เอสโทเพลกรีดร้อง ใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยน้ำตาและความเจ็บปวดจนแทบขาดใจ “พอก่อน” คานิกซ์เดินเข้ามามองเอสโทเพลที่แทบสิ้นสติบนเตีนงผ่าตัดก่อนจะยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ “มันเข้ากับยาได้เยี่ยมเลย หลังจากวันพรุ่งนี้ให้ฉีดยาเพิ่ม 5 โดส ทุก ๆ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นอีก 7 วันเพิ่มเป็น 10 โดสต่อชั่วโมง” “ครับ คุณคานิกซ์” “เอามันกลับไปไว้รวมกับเด็กนั่น เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง” “ครับ!” เอสโทเพลไม่ค่อยเข้าใจที่อีกฝ่ายพูดเท่าไหร่ ดวงตาเล็ก ๆ ปิดลงด้วยความอ่อนแรงและเมื่อลืมตาอีกครั้งเขาก็กลับมาอยู่ในห้องกับเจนัสแล้ว “เอส! ฮือออ” เด็กหญิงตัวเล็กโผกอดเขาไว้แน่นแล้วร้องไห้งอแงออกมา เอสโทเพลสลบไป 1 วันเต็ม ๆ แถมเขายังไข้ขึ้นและเอาแต่ละเมอไม่หยุด “พี่เจนัส ผมกลัว ฮึก....ละ แล้วผมก็เจ็บด้วย” เอสโทเพลเองก็ร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัว ทุกครั้งที่ยาถูกฉีดเข้ามาเขาจะรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังแตกเป็นเสี่ยง ๆ เหมือนมันถูกฉีกออกซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแทบขาดใจ “แกร๊ก....” “DTPX0012 ออกมาเดี๋ยวนี้!” “อ๊ะ!” “พี่เจนัส!” “เฮ้ย!! ถอดไปสิไอ้เด็กเวรนี่!!!” พลั่ก…. เอสโทเพลถูกเตะออกอย่างไม่ปราณีเพราะพยายามเข้าไปขัดขวางผู้คุมไม่ให้เอาตัวเจนัสไป ดวงตาเขาวาววับด้วยความโกรธและค่อย ๆ เปลี่ยนสีจากฟ้าไปเป็นสีแดงเลือด “ปล่อยพี่เจนัสนะ!!!!” ร่างเล็กพุ่งเข้าไปด้วยแรงโกรธที่อัดแน่นในอก กำปั้นเล็ก ๆ เหวี่ยงใส่หน้าอีกฝ่ายเต็มแรง เรี่ยวแรงมหาศาลที่เพิ่งตื่นขึ้นทำให้หน้ากากพวกนั้นแตกเป็นเสี่ยงพร้อมกับร่างที่ปลิวไปปะทะกำแพงอีกฟาก “พลั่ก!!” “อั่ก!!” อีกฝ่ายหมดสติไปแทบจะทันที ผู้คุมอีกคนและเจนัสได้แต่ยืนอึ้งอยู่แบบนั้น เอสโทเพลหายใจหอบถี่ ดวงตาทั้งสองเริ่มพร่าเลือน ในหัวเขาเหมือนมีอะไรกำลังเต้นตุบ ๆ ทำเอาแทบหมดสติ “พี่...เจนัส....” ตุบ.... “เอส!!” เธอสลัดแขนออกจากมือผู้คุมที่กำลังรายงานเรื่องนี้ให้กับเบื้องบนทราบแล้วรีบวิ่งไปกอดร่างของเอสโทเพลไว้แน่นและไม่นานหลังจากนั้นคานิกซ์ที่ทราบเรื่องก็จัดการขังแยกทั้งคู่ทันที นับตั้งแต่นั้นมาเอสโทเพลและเจนัสก็ไม่มีโอกาสได้พบกันอีกเลย พวกเขาถูกจับแยกและทำการทดลองทั้งวันทั้งคืนแม้จะอยู่ห้องติดกันแต่กลับไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของกันและกัน ทั้งเอสโทเพลและเจนัสต่างตกเป็นของเล่นของคานิกซ์ การทดลองที่แสนอันตรายและบ้าบิ่นถูกนำมาใช้กับพวกเขาทั้งสองคน ใบหน้าของเด็ก ๆ เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดวงตาคู่เล็กเหม่อลอยไร้ชีวิตชีวา น้ำเสียงสดใสที่ใคร ๆ ในบ้านพักเคยได้ยินเปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้องที่พบได้ทุกเวลา ทั้งคู่ทนทรมานเพราะคำพูดของคานิกซ์ที่มักจะบอกอยู่เสมอว่าหากยอมแพ้และตายไปเขาจะทำร้ายคนสำคัญของอีกฝ่ายอย่างแน่นอน ตัวเจนัสเองที่ห่วงเอสโทเพลก็ต้องยอมทนรับการทดลองทั้งทดสอบความไวการหายบาดเจ็บจากอาวุธ ทั้งการให้ดื่มกรดชนิดต่าง ๆ ที่จะทำลายอวัยวะภายในเพื่อดูว่าเธอจะรอดไหมหรือแม้กระทั่งจับเธอผ่าสด ๆ โดยไม่ใช้ยาสลบเธอก็ผ่านมาแล้วทั้งนั้น แต่ล่ะวันที่ผ่านไปล้วนมีแต่คราบน้ำตาและความทรมาน เจสเตอร์ที่แฝงตัวเข้ามาทำงานหลายปีทนสงสารเด็กทั้งสองไม่ไหวจึงได้รายงานเรื่องนี้กลับไปหาท่านผู้นำพร้อมกับขอถอนตัวออกจากภารกิจสายลับและจะขอทำการช่วยเหลือเด็กทั้งสองออกไปด้วย ‘เด็ก ๆ ลุงมาช่วยแล้วนะ’ ‘ลุงเจส?’ ‘ใช่ ลุงเอง อดทนนะลุงจะพาออกไปจากที่นี่’ เพราะเห็นเด็ก ๆ มาตั้งแต่วันแรกและรับรู้มาทุกอย่างทว่าด้วยหน้าที่ของสายลับทำให้เขาไม่สามารถลงมือได้ในช่วงเวลาที่ผ่านมาแแต่ตอนนี้เขาสามารถช่วยทั้งสองคนได้แล้ว เจสเตอร์อาศัยวันที่คานิกซ์ไปประชุมที่เขตอื่นเป็นวันลงมือโดยมีเพื่อน ๆ จากองค์กรลับคอยให้การสนับสนุนอยู่อีกฟากของป่า ส่วนเจสเตอร์ก็ลักลอบพาเด็ก ๆ ออกมาได้ ทว่าเพียงออกมาได้แค่ครึ่งทางพวกเขาก็ถูกจับได้ เจสเตอร์จึงใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อและให้เด็ก ๆ หนีไปยังป่าที่พวกของเขารออยู่ เจนัสจับมือเอสโทเพลและวิ่งไปอย่างไม่คิดชีวิตก่อนจะหมดแรงลงหน้าหุบเหวลึก ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ทำอะไรเอสโทเพลก็เลือกที่จะสละตัวเองไว้ข้างหลัง เขาเหวี่ยงเจนัสข้ามไปหาเจสเตอร์ที่อีกฟากพร้อมกับรอยยิ้มที่เป็นประกาย ‘รอดไปให้ได้นะครับพี่เจนัส....’ นั่นคือครั้งสุดท้ายที่เจนัสเห็นเขาและในทางกลับกันมันคือจุดเริ่มต้นของฝันร้ายอันยาวนานของเอสโทเพลด้วย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม