มันเริ่มจากการที่เอสโทเพลถูกจับตัวกลับมาคุมขังเอาไว้ คานิกซ์ที่รู้เรื่องการหลบหนีของเด็ก ๆ ก็รีบรุดกลับมาด้วยความโกรธจัด
“ฉันสั่งว่าให้ดูเฝ้าตลอดไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงโง่ปล่อยมันหนีไปได้!!!”
ผลั่วะ
หมัดหนักเหวี่ยงเข้าหน้ายามที่ทำหน้าที่เฝ้าเด็ก ๆ อย่างแม่นยำจนลงไปนอนกองกับพื้น จมูกเขาหักและมีเลือดสด ๆ ไหลออกมาไม่หยุด
“ขะ ขอโทษครับ ไอ้เจสเตอร์มันทรยศเรา”
“ไอ้พวกโง่! แกทำให้ตัวทดลองที่มีค่าของฉันหนีไปได้ ความเสียหายมันมากแค่ไหนรู้หรือเปล่า!!”
ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากฆ่าพวกที่ทำงานผิดพลาดทิ้งมันให้หมด เขาอุตส่าห์ทุ่มเทไปกับโปรเจกต์นี้ตั้งเท่าไหร่แล้ว อีกนิดเดียวทุกอย่างก็จะสำเร็จอยู่แล้วเชียว!
“ไปตามล่าพวกมันกลับมาให้ได้!!!”
“คะ ครับ!”
คานิกซ์กลับเข้าไปในห้องที่เอสโทเพลถูกขังอยู่ เด็กชายดูอ่อนแรงกว่าปกติเล็กน้อยแต่ดวงตากลับแฝงได้ด้วยความมุ่งมั่นที่จะปกป้องคนสำคัญเอาไว้
“อย่าคิดว่าช่วยมันหนีออกไปแล้วจะจบนะ ตราบใดที่แกยังอยู่ที่นี่ฉันจะทำให้แกได้เห็นนรกเอง”
“.....”
“เตรียมโปรเจกต์ทดลองที่ 85 ฉันจะใช้มันกับไอ้เด็กนี่”
“แต่ท่านครับ เด็กนั่นอาจจะทนไม่ไหวเอานะครับ”
โปรเจกต์ทดลองที่ 85 เป็นโครงการทดลองที่โหดร้ายและมีผู้เสียชีวิตไปหลายสิบคนในระยะเวลาเพียง 1 ปี อัตราการเสียชีวิตที่สูงลิ่วทำให้กลายเป็นโครงการที่ถูกปิดผนึกไป
“ไม่ต้องห่วงเพราะถ้ามันตายผู้หญิงที่มันช่วยไว้จะต้องมารับช่วงต่อยังไงล่ะ”
คานิกซ์คิดจะใช้เจนัสเป็นตัวประกันทำให้เอสโทเพลมีแรงใจมากพอที่จะสู้แน่นอนว่ามันได้ผลเพราะเอสโทเพลมองเขาด้วยแววตาเคียดแค้น
“แววตาดีขึ้นเยอะเลยนะ ฉันจะทำให้แกกลายเป็นเครื่องจักรสังหารที่ไร้หัวใจและรู้จักแค่การฆ่าเท่านั้น”
ยิ่งได้เห็นใบหน้าหวาดกลัวของเอสโทเพลคานิกซ์ยิ่งชอบใจเข้าไปใหญ่ เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะก้มลงไปกระซิบกับเด็กชายเบา ๆ
“ในเมื่อเด็กนั่นสำคัญสำหรับนาย ฉันจะทำให้นายลืมเธอแล้วส่งไปฆ่ามันดีไหมล่ะ? คงตื่นเต้นน่าดูถ้าเด็กที่ตัวเองเลี้ยงดูมาเป็นฝ่ายตามไล่ฆ่าน่ะ ฮ่าๆ”
เอสโทเพลได้แต่กัดฟันแน่น ความรู้สึกมากมายที่อัดแน่นอยู่ในอกทำเขาแทบบ้า ถ้าเพียงแต่เขาแข็งแกร่งกว่านี้อีกนิด ถ้าไม่หมดแรงลงตรงนั้นเขาก็คงได้ไปกับเธอแล้วแท้ ๆ
“อย่าเพิ่งตายไปก่อนล่ะ ฉันยังมีของเล่นอีกเยอะที่จะใช้กับแก”
»»»»««««
ช่วงเวลาหลังจากนั้นเป็นช่วงที่เอสโทเพลไม่อยากจดจำมากที่สุด ไม่มีวันไหนที่เขาไม่กรีดร้องด้วยความทรมาน ไม่มีวันไหนที่ได้หลับตาลงเพราะคานิกซ์เล่นสนุกกับร่างกายเขาแทบจะตลอดเวลา
“อืมม ไปได้สวยเลย ร่างกายเข้ากับเซลล์ของหมาป่าได้ดีจริง ๆ เลยนะ”
“ใช่ครับ เขาตอบรับตัวยาและดูดซึมอย่างรวดเร็วตอนนี้เราเพิ่มจาก 5 โดสเป็น 10 โดสแล้วยังไม่ปรากฏผลข้างเคียงใด ๆ เลยครับ”
เป็นระยะเวลา 1 เดือนแล้วที่เอสโทเพลถูกทรมานในสภาพแบบนี้ ร่างกายเขาเปลี่ยนไปจนแทบจำไม่ได้ ขนสีดำขลับปกคุลมทั่วร่าง ใบหูเล็ก ๆ โผล่ขึ้นมาบนหัวทำให้เขาได้ยินเสียงทุกอย่างชัดเจนกว่าปกติ
ผลการทดลองเป็นที่พอใจของคานิกซ์มากเพราะนี่ถือว่าเป็นตัวทดลองที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดเท่าที่เคยทำมาเลย เอสโทเพลในตอนนี้ใกล้เคียงคำว่าหมาป่ามากกว่ามนุษย์ซะอีก
“งั้นก็เริ่มกันเถอะ โปรเจกต์ที่ 85 น่ะ”
โปรเจกต์ทดลองที่ 85 หรือที่เรียกกันอีกชื่อว่าโปรเจกต์ล้างสมอง มันคือการรีเซตข้อมูลในสมองของมนุษย์และป้อนคำสั่งใหม่เข้าไป ทำให้อีกฝ่ายกลายเป็นหุ่นยนต์ที่มีชีวิตและเชื่อฟังคำสั่งเหมือนกับสุนัขที่แสนซื่อสัตย์
ทว่ามันคือการทดลองที่อันตรายที่สุดเพราะการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความทรงจำของมนุษย์ไม่ใช่เรื่องง่าย การผ่าตัดที่เคยผ่านมาผู้ถูกทดลองต่างมีอาการเดียวกันคือสติฟั่นเฟือนแล้วสุดท้ายก็เสียชีวิตลงทั้ง ๆ แบบนั้น
กว่าที่คานิกซ์จะหาสาเหตุเจอก็ผ่านไปหลายศพแล้ว เขาพบว่าขั้นตอนการผ่าตัดไม่ได้มีอะไรผิดปกติแต่ความแข็งแรงของผู้เข้าทดลองต่างหากที่มีปัญหา
ร่างกายของมนุษย์ธรรมดาไม่อาจทนต่อการเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันได้ แม้จะผ่าตัดสำเร็จแต่ร่างกายกลับปฏิเสธความทรงจำอันใหม่ที่ถูกใส่เข้าไปจนสุดท้ายก็เกิดภาวะภาพหลอนรวมทั้งผลข้างเคียงอื่น ๆ อีกหลายอย่าง
ถึงจะหาสาเหตุเจอแต่ในเวลานั้นเขายังไม่มีหนูทดลองดี ๆ ที่จะใช้ คานิกซ์จึงเก็บโครงการนี้เข้าหีบไว้เพื่อรอวันสานต่อมันอีกครั้งและหลังจากรอคอยมาตลอดเขาก็คิดว่าเอสโทเพลอาจจะเหมาะกับมันก็ได้
“เริ่มผ่าตัดได้”
คานิกซ์ออกคำสั่งกับผู้ช่วยให้เริ่มลงมือได้ ร่างเล็กเกร็งกระตุกด้วยความเจ็บปวดเมื่อยาสีฟ้าไหลเข้าไปในเส้นเลือดช้า ๆ ไม่นานร่างกายรู้สึกชาไปทุกส่วน ความเจ็บปวดในตอนแรกหายเป็นปลิดทิ้งและมีเพียงลูกตาเท่านั้นที่ยังขยับได้
“คลื่นสมองปกติครับ การรับรู้ทุกอย่างก็อยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยมเลย เด็กคนนี้อาจทำได้ก็ได้นะครับ”
ทุกคนในห้องต่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่เห็นว่าร่างกายของเอสโทเพลนั้นพิเศษกว่าที่คิดเอาไว้มาก เขาถูกจับให้นอนหงายบนเตียงผ่าตัดก่อนที่คานิกซ์จะจรดปลายมีดลงบนหลังคอ
“ดูกราฟดีล่ะ ๆ อย่าให้มีอะไรผิดพลาดได้”
“ครับ”
ตลอดการผ่าตัดเอสโทเพลรับรู้ทุกอย่างแต่เขาไม่สามารถตอบสนองได้ ร่างกายเหมือนถูกทำให้ไร้ความรู้สึกชนิดที่ว่าต่อให้คานิกซ์ตัดกระดูกเขายังไม่รู้สึกเลย
“เจอแล้วล่ะ กรรไกร”
คานิกซ์ยื่นมือไปรับกรรไกรเพื่อตัดก้อนเนื้อที่เป็นส่วนความทรงจำออกไป เอสโทเพลเบิกตากว้างร่างทั้งร่างกระตุกเล็กน้อยก่อนจะสงบลง ดวงตาของเขาปิดลงช้า ๆ และไม่รับรู้อะไรอีกต่อไป
“เขาสลบไปแล้วครับ”
“อืม ช่างมันของที่ต้องใช้ล่ะ?”
“ผมเตรียมไว้แล้วครับ”
ชิปข้อมูลขนาดเล็กถูกส่งต่อให้กับคานิกซ์ รูปร่างของมันเหมือนกับผลองุ่นแต่แท้จริงแล้วคืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกพัฒนามาเพื่อโครงการนี้โดยเฉพาะ
มันถูกออกแบบมาเพื่อให้เป็นตัวกลางในการรับส่งข้อมูล คานิกซ์จัดการต่อมันเข้ากับเซลล์รอบ ๆ แทนที่ก้อนเนื้อที่ตัดทิ้งไปแล้วทำการปิดบาดแผลทั้งหมด
“จัดคนเฝ้ายามหน้าห้องตลอด 24 ชั่วโมง รายงานความเปลี่ยนแปลงทุก ๆ 30 นาทีด้วย”
“ได้ครับ”
เอสโทเพลถูกนำตัวไปไว้ห้องพักฟื้นโดยที่ล่ามมือและเท้าติดกับเตียงไว้ ตอนนี้ความทรงจำทั้งหมดของเขาถูกลบหายไปจนหมดเหลือเพียงพื้นฐานการใช้ชีวิตทั่วไปเท่านั้น
ความรู้สึกที่เอสโทเพลได้รับรู้ในครั้งแรกที่ลืมตาตื่นคือความเจ็บปวดมหาศาลที่แผ่ไปทั่วร่าง เขากรีดร้องอย่างบ้าคลั่งพลางดิ้นจนโซ่ที่ล่ามไว้แทบขาด
“ไปเอายาระงับมา!”
“ไม่ต้อง ล่ามโซ่เพิ่มอย่างเดียวพอ”
“แต่ว่า....”
คานิกซ์ที่ลงมาดูสถานการณ์ด้วยตัวเองเอ่ยสั่งด้วยเสียงเย็นเฉียบพลางส่งสายตาที่ดูน่าขนลุกให้กับผู้ช่วยที่อยู่ข้าง ๆ เขาถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเพราะรู้ดีว่าความเจ็บปวดหลังการผ่าตัดมันรุนแรงแค่ไหน ขนาดคนที่ได้รับยาแก้ปวดยังทนไม่ไหวแล้วตายไปเลย
“มันไม่ตายเพราะความเจ็บปวดแค่นี้หรอก”
“ครับ.....”
เสียงกรีดร้องของเอสโทเพลยังดังมาเรื่อย ๆ ไม่ขาดสาย จาก 1 วันกลายเป็น 1 สัปดาห์และจากหนึ่งสัปดาห์ก็ผ่านไปอีกร่วมเดือน
“คุณคานิกซ์ครับ! ผลการทดลองของเราสำเร็จแล้วครับ”
นักวิจัยต่างพากันเฮลั่นด้วยความดีใจ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเอสโทเพลได้ก้าวข้ามความเป็นมนุษย์ไปสู่อีกเผ่าพันธุ์หนึ่งได้สำเร็จ
“ฮ่า ๆ เยี่ยมไปเลย! ผลงานที่แสนจะน่าภาคภูมิใจของฉัน ฮ่า ๆ ๆ”
เขากลายเป็นมนุษย์หมาป่าที่สามารถควบคุมการแปลงร่างได้ตามใจชอบ กลายเป็นสุนัขรับใช้ที่แสนซื่อสัตย์ของคานิกซ์ในวัยเพียงห้าขวบ
รวมทั้งกลายเป็นเครื่องจักรสังหารที่มีชีวิตอีกด้วย
“ในที่สุดฉันก็ทำมันสำเร็จ การวิจัยของฉันที่จะทำให้มนุษย์กลายเป็นเผ่าครึ่งสัตว์ได้สำเร็จแล้ว! อาา มานี่สิเจ้าลูกชาย”
เอสโทเพลที่มีใบหน้าไร้อารมณ์เดินเข้ามาคุกเข่าข้างหนึ่งหน้าคานิกซ์ เขาไม่มีความรู้สึกอะไรหลงเหลืออยู่อีกแล้วและไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป
“จากนี้ไปฉันจะเป็นพ่อให้นายเอง ส่วนชื่อก็ใช้เอสโทเพลเหมือนเดิม”
“ครับ...พ่อ”
“เด็กดีของพ่อ หลังจากนี้ต้องทำตามทุกอย่างที่พ่อสั่ง เข้าใจไหม?”
“เข้าใจครับพ่อ”
“ดีมาก งั้นก็ไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
คานิกซ์ให้คนพาเอสโทเพลกลับไปยังห้องพักห้องใหม่ที่จัดเตรียมเอาไว้อย่างดีพลางมองตามแผ่นหลังเล็ก ๆ ที่กำลังเดินออกไป
“คุณคานิกซ์ครับ เขาดูไร้อารมณ์แบบนั้นน่าจะทำงานด้านสายลับไม่ได้นะครับ”
คานิกซ์คิดตามคำพูดของคนสนิทแล้วก็อดเห็นด้วยไม่ได้ เอสโทเพลยังมีข้อบกพร่องอยู่และต้องรู้จักการแสดงสีหน้ามากกว่านี้
“นั่นสินะ จะว่าไปยัยครูนั่นยังอยู่ใช่ไหม”
“ครับ? หมายถึงครูที่มาสอนการแสดงน่ะเหรอครับ”
“ใช่ จัดการจ้างเธอให้ด้วย ฉันจะคุยกับเบื้องบนเอง”
พูดจบคานิกซ์ก็เดินออกไปจากห้องเลย เขามุ่งตรงไปยังห้องนอนของลูกชายหมาด ๆ พร้อมกับพาลูกน้องติดตามไปด้วยสองคน
แกร๊ก
เอสโทเพลนั่งเหม่อมองท้องฟ้าอยู่ริมหน้าต่างเขาไม่สนใจเสียงประตูหรือเสียงฝีเท้าที่กำลังก้าวเข้ามา ไม่แม้แต่จะหันไปมองจนกว่าจะได้รับคำสั่ง
“เอส มาหาพ่อสิ”
ร่างเล็กลุกออกมาจากริมหน้าต่างแล้วเดินมาหยุดอยู่หน้าคานิกซ์อย่างเชื่อฟัง รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความพอใจปรากฏอยู่บนใบหน้านักวิจัยหนุ่มก่อนที่เขาจะออกคำสั่งแรกให้กับเด็กชาย
“เอส นี่คือคำสั่งแรกในฐานะลูกชายของฉัน”
“ครับ...พ่อ”
“ฆ่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ซะ อย่าให้เหลือใครทั้งนั้น”