“ฆ่าให้หมดอย่าให้ใครรอดไปได้”
“ครับ พ่อ”
คานิกซ์ดึงมีดออกมาวางบนฝ่ามือเล็กก่อนจะเดินไปนั่งชมการแสดงที่โซฟาด้านข้าง ลูกน้องที่เดินตามเข้ามาพากันลนลานและพยายามจะวิ่งออกไปจากห้องนี้แต่มันก็สายไปแล้ว
เอสโทเพลใช้ความว่องไวที่มีพุ่งเข้าไปปาดฉับผ่านลำคอทั้งสองคนอย่างแม่นยำในพริบตา ใบหน้าของเขายังคงนิ่งเฉยแม้จะเปียกโชกไปด้วยเลือด
“ค่อก!!!”
“อึ่ก....”
ลูกน้องของคานิกซ์ทั้งสองล้มลงขาดใจตายทันที ไม่มีโอกาสร้องขอ ไม่มีโอกาสแม้แต่จะอ้อนวอนสักคำ
“พ่อให้เวลาแค่ 10 นาทีนะ เอาหัวของคนดูแลศูนย์วิจัยแห่งนี้มาวางแทบเท้าพ่อ เข้าใจไหม?”
“ครับ พ่อ”
เอสโทเพลรับคำด้วยท่าทีสงบเสงี่ยมก่อนจะเดินออกไป เขาเดินไปตามโถงทางยาวด้วยเนื้อตัวที่เปื้อนเลือด ดวงตาทั้งสองว่างเปล่าและไร้ความรู้สึก
“เฮ้! นายจะออกมาเดิ-”
ฟึ่บ!!!
“ค่อก!!”
อีกฝ่ายยังพูดไม่ทันจบด้วยซ้ำเอสโทเพลก็ตวัดมีดปาดคออย่างแม่นยำ เท้าของเขาย่ำไปบนกองเลือดและและซากศพ ทิ้งรอยเท้าไว้เป็นของดูต่างหน้า ใครก็ตามที่เข้ามาใกล้เขาเอสโทเพลจะลงมือสังหารอย่างไม่ปราณี
ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้เด็กตัวเล็ก ๆ ที่อายุเพียงสามขวบจะสร้างความหวาดหวั่นให้กับคนหมู่มากได้ เสียงสัญญาณเตือนถูกเปิดขึ้นพร้อมกับเจ้าหน้าที่ติดอาวุธหลายนายที่เขามาขวางเขาไว้
แน่นอนว่ามันไร้ความหมาย กระสุนปืนธรรมดาทำอะไรเขาไม่ได้ ไม่แม้แต่จะสร้างรอยขีดข่วนด้วยซ้ำไป.....
“นะ หนีเร็ว มันบ้าไปแล้ว อ๊ากก!!!!!”
ตู้ม!!!!
ใบหน้าที่ปกติดูเหมือนมนุษย์ตอนนี้มีขนสีดำปกคลุม ดวงตาของเขากลายเป็นสีแดงและดุร้ายราวกับสัตว์ป่า พละกำลังมหาศาลทำให้เอสโทเพลได้เปรียบอย่างไม่ต้องสงสัย
เขาฆ่าคนที่อยู่ภายในฐานลับไปทีล่ะคนอย่างไม่เร่งรีบ คราบเลือดนับไม่ถ้วนปรากฏอยู่ทุกมุมของตัวบ้าน ข้าวของพังเสียหายจากการพยายามดิ้นรนเอาตัวรอด
มือเล็กจิกผมของเด็กสาวคนหนึ่งที่ไร้ชีวิตขึ้นมาก่อนจะเริ่มลากไปตามทางเดิน เนื้อตัวของเด็กสาวคนนั้นมีแต่บาดแผลและคราบเลือดเต็มไปหมด เธอถูกเอสโทเพลเอามีดกรีดและแทงจนพรุนไปทั้งตัวเพราะไม่ยอมบอกว่าพ่อของเธออยู่ที่ไหน
“เจ้าหนู ปล่อยลูกสาวฉันไปเถอะ ขอร้องล่ะ”
ชายวัยกลางคนเจ้าของเสียงเอ่ยขึ้นท่ามกลางแสงไฟที่ริบหรี่ เอสโทเพลหันมองเขาเพียงนิดเดียวก่อนจะเหวี่ยงร่างของหญิงสาวไปกระแทกกำแพงอีกฟาก
พลั่ก....
“คานิกซ์สั่งให้มาเก็บกวาดสินะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเด็กอายุแค่ 5 ขวบอย่างนายจะทำได้ถึงขนาดนี้”
มือหนายกปืนในมือขึ้นแล้วยิงกล้องวงจรปิดรอบ ๆ ทิ้งทันที คานิกซ์ที่นั่งมองอยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะกดสลับจอไปกล้องที่ใกล้ที่สุดแต่น่าเสียดายที่มันเห็นแค่ด้านหลังของผู้ชายคนนั้นอย่างเดียว
“นายชื่อเอสโทเพลสินะ”
“.....”
“ขอพูดอะไรสักอย่างก่อนตายได้ไหม?”
เอสโทเพลลังเลเล็กน้อยเพราะเขารู้สึกอะไรแปลก ๆ ที่หัวใจ มันยุบยิบ ๆ เหมือนอะไรบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ น้ำเสียงของชายตรงหน้าไม่มีทีท่าว่าจะแค้นเขาที่ฆ่าลูกสาวตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว สุดท้ายเขาเลยพยักหน้าตกลง
“ถึงคนจะลือกันว่าคานิกซ์ทำโปรเจกต์ 85 สำเร็จแล้วแต่ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคนเราจะลืมเรื่องราวในอดีตได้ เขาอาจจะควบคุมนายได้แต่ไม่สามารถพรากสิ่งสำคัญไปจากนายได้....”
“สิ่ง....สำคัญ...?”
“เอสโทเพล นายเองก็มีคนสำคัญที่ไม่ว่ายังไงก็อยากปกป้องไม่ใช่หรือไง”
“.....”
“เด็กคนนั้นที่นั้นพยายามปกป้องเอาไว้จะลืมเธอไ- “
ปัง!
กระสุนพุ่งมาจากด้านหลังของชายคนนั้นแล้วเจาะผ่านคอก่อนที่เขาจะพูดจบซะอีก เลือดสด ๆ พุ่งอาบใบหน้าและหัวของเอสโทเพลจนชุ่ม ดวงตาเขายังคงเหม่อลอยในขณะที่มองอีกฝ่ายล้มลงมาหา
“นาย....จะ....เจ-”
ตุบ.....
ร่างโชกเลือดของชายคนนั้นทรุดลงมากองแทบเท้าของ เอสโทเพลที่ยังยืนนิ่งอยู่ คานิกซ์ที่เป็นคนลั่นไกโยนปืนคนสนิทแล้วเดินเข้ามาหาเอสโทเพลด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
“อย่าได้ลังเล หน้าที่ของนายมีแค่การฆ่าเท่านั้น เข้าใจไหมเอสโทเพล?”
“...ครับ”
“ดี กลับศูนย์ใหญ่กันได้แล้ว ทำลายที่นี่ไม่ให้เหลือซากซะ”
เขาออกคำสั่งเสร็จก็หันหลังเดินจากไปพร้อมกับผู้ช่วยคนสนิท เอสโทเพลเริ่มลงมือทำลายที่นี่ตามคำสั่ง เขาก้าวข้ามศพแต่ล่ะศพไปอย่างไร้อารมณ์
หมับ!
มือหนาที่คว้าข้อเท้าเล็ก ๆ เอาไว้ทำให้เอสโทเพลยกมีดขึ้นตัดมันทิ้งอย่างไม่ลังเล เลือดสด ๆ ทะลักออกมาจากบาดแผลของชายที่จวนเจียนจะตายอยู่ร่อมร่อ
“อึ่ก....แค่ก...”
เขาพยายามอย่างมากที่จะเปล่งเสียงออกมาแต่บาดแผลนั้นรุนแรงกว่าที่คิดไว้ กระสุนทำลายหลอดลมเขาไปจนไม่สามารถช่วยอะไรได้อีกแล้ว
ในเมื่อไม่สามารถออกเสียงได้เขาจึงใช้วิธีอื่น มือหนาที่สั่นเทาพยายามขีดเขียนตัวอักษรที่อาจจะช่วยเอสโทเพลจากความมืดเอาไว้ได้
‘JANUS’
วินาทีแรกที่ได้เห็นชื่อนั้นดวงตาของเอสโทเพลก็ไหววูบ มันถูกเขียนเพื่อให้เขาอ่านก่อนจะถูกลบทิ้งด้วยแรงเฮือกสุดท้ายของคนตรงหน้าทิ้งไว้เพียงไฟดวงเล็ก ๆ ในจิตใจที่มืดมนของหมาป่าตัวน้อยซึ่งจะช่วยนำทางเขาในอนาคตอันใกล้
“เจ...นัส...”
เอสโทเพลสะบัดมือที่ตัดออกแล้วเดินไปยังห้องเก็บของ ที่นั่นมีระเบิดที่ใช้ทำลายล้างและก่อสงครามอยู่จำนวนหนึ่ง เขาจุดไฟแล้วโยนมันเข้าไปในห้องก่อนจะเดินจากไปพร้อมเสียงระเบิดที่ไล่หลังมา
ศูนย์พักพิงแห่งนี้ถูกทำลายย่อยยับลงในค่ำคืนเดียว ผู้พักอาศัยในที่แห่งนี้กว่าร้อยชีวิตต่างถูกฆาตกรรมและกลายเป็นเพียงซากศพเท่านั้น
ผลงานในครั้งนี้ถูกยกให้กับคานิกซ์และเอสโทเพลเต็ม ๆ เขากลายเป็นเด็กชายที่อายุน้อยที่สุดผู้ซึ่งทำการสังหารหมู่และเป็นร่างทดลองที่สมบูรณ์แบบที่สุด
เอสโทเพลถูกใช้เป็นตัวอย่างในการทดลองอีกหลายอย่างพร้อมกับหล่อหลอมให้เขาเป็นเครื่องจักรสังหารที่ไร้ชีวิต ท่ามกลางคืนวันที่โหดร้ายประกายไฟที่ถูกจุดเอาไว้ในก้นบึ้งของหัวใจก็กำลังเยียวยาเขาอย่างช้า ๆ
จนกระทั่งวันนั้นมาถึง วันที่เขาอายุได้ 6 ขวบและได้ความทรงจำเกี่ยวกับเจนัสกลับมา มันเป็นเพียงวันธรรมดาที่เขาเพิ่งกลับจากการฆ่าคนตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายและกำลังแหงนหน้ามองท้องฟ้าจากหน้าต่างห้องด้วยความเหนื่อยล้า
ดวงดาวดวงหนึ่งกำลังทอประกายในยามค่ำคืนที่มืดมิดและเหน็บหนาว มันดูคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก สายลมเย็น ๆ พัดผ่านผิวหน้าที่ไม่แสงความรู้สึกออกมาพร้อมกับเสียงเล็ก ๆ ที่ถูกฝังไว้ส่วนลึกภายในใจ
‘เอสโทเพลเห็นนั่นไหม นั่นคือดาวของฉัน ถ้านายกลัวหรือคิดถึงฉันนายแค่มองมันก็พอ ฉันจะอยู่ข้าง ๆ นายเสมอ’
‘ดาวของเจนัสมีชื่อไหม?’
‘มีสิ ชื่อของมันก็คือ Piesces (กลุ่มดาวปลาคู่) ’
‘Piesces เพราะจังเลยแล้วฉันจะมีดาวเหมือนเธอไหม’
‘นายต้องดาวของตัวเองเจอแน่นอน ไม่ต้องห่วงนะฉันจะอยู่กับนายจนกว่าจะหาเจอเอง สัญญาเลย!’
‘อื้อ สัญญาแล้วนะ’
‘สัญญาชั่วชีวิต/สัญญาชั่วชีวิต’
ดวงตาที่ไร้วี่แววของการมีชีวิตค่อย ๆ เป็นประกายขึ้นมาทีล่ะนิด ความทรงจำที่เคยเหมือนมีเมฆหมอกปกคลุมตอนนี้กลับสว่างยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ
“เจนัส...เจนัส....เจนัส!”
เขาเข้าใจคำพูดที่ชายคนนั้นพยายามบอกแล้ว คนสำคัญของเขา หัวใจเพียงดวงเดียวของเขา ดวงดาวของเขา....
น้ำตาที่เหือดหายไปเนิ่นนานเริ่มไหลรินลงมาช้า ๆ พร้อมกลับรอยยิ้มที่หวนคืนในรอบปี
“ผมคิดถึงพี่เหลือเกิน พี่เจนัส....
»»»»««««
“.....”
“นั่นคือทั้งหมดที่ผมเจอมา”
“เอส....”
“ผมเสียทุกอย่างไปแล้ว ทั้งความรู้สึกทั้งความทรงจำ พี่เป็นอย่างเดียวที่ทำให้ผมยังมีชีวิตอยู่”
เขาไม่กล้ามองหน้าเธอด้วยซ้ำตอนที่เล่าทุกอย่างออกไป เจนัสไม่เคยคิดมาก่อนว่าคานิกซ์จะโหดร้ายถึงขึ้นที่เปลี่ยนเด็กคนหนึ่งให้กลายเป็นเครื่องจักรสังหารที่ไร้ชีวิตแบบนั้น
“พี่อย่าทิ้งผมไว้นะ จะใช้ประโยชน์จากผมก็ได้ จะให้ผมทำอะไรก็ได้ขอแค่อย่-”
หมับ!
ร่างบางโผกอดเขาไว้แทนคำตอบทำให้คำพูดสุดท้ายของหมาป่าหนุ่มถูกกลืนหายไป ไออุ่นที่เธอส่งต่อมาให้มันช่างอบอุ่นยิ่งกว่าแสงอาทิตย์ยามเช้าซะอีก
“ไม่เป็นไรนะ เอส ไม่เป็นไรแล้ว”
“พี่เจนัส....”
“นายไม่ต้องทำแบบนั้นเพื่อใครแล้วและพี่ก็จะไม่ทิ้งนายไปไหนทั้งนั้น”
ตัวเอสโทเพลเองก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่านี้ เขาแค่อยากได้การยอมรับจากใครสักคนก็เท่านั้น การที่ตัวเองจดจำอดีตไม่ได้และยังฆ่าคนโดยไม่รู้สึกผิดมันน่ากลัวกว่าอะไรทั้งหมด
เขาไม่เคยนอนหลับสนิทแม้แต่คืนเดียว บางครั้งก็มีภาพแปลก ๆ โผล่ขึ้นมาในหัว ความหวาดกลัวในวัยเด็กยังคงตามหลอกหลอนทุกครั้งที่หลับตาลงเหมือนกับกำลังตอกย้ำถึงความผิดของเขา
“ผมฆ่าคนบริสุทธิ์ไปนับไม่ถ้วน....”
“พี่รู้”
“ผม....ไม่ได้อยากทำนะ”
“เด็กดี ไม่เป็นไรนะ”
เจนัสลูบหัวหมาป่าหนุ่มเบา ๆ เพื่อช่วยให้เขาสงบลง ดวงตาสีแดงของเธอฉายชัดถึงความโกรธ สิ่งที่คานิกซ์ทำไว้กับเอสโทเพลมันมากจนเธอไม่อยากให้อภัย
“นายจะไม่เป็นไรเอส เชื่อพี่นะ”
“ครับ....”
เจนัสเอื้อมไปหยิบเข็มฉีดยาที่มักจะวางไว้ตรงหัวเตียงมาถือไว้ เธอลังเลเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจแทงมันเข้าที่คอของหมาป่าหนุ่ม
“เอ๊ะ....พี่เจ....”
ฟุ่บ.....
“ขอโทษนะเอสแต่ฉันจำเป็นจริง ๆ”
ยานอนหลับชนิดพิเศษที่เธอคิดค้นออกฤทธิ์ในเวลาแค่ไม่ถึงสามวินาที เขาคงหลับไปอีกพักใหญ่กว่าจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
เธอดึงผ้าห่มคลุมร่างของเขาเอาไว้ก่อนจะเดินไปหยิบอาวุธจากกระเป๋าเป้ออกมา เท่าที่ฟังจากเขาเธอได้ข้อสรุปมาหลายเรื่องเลยและพอจะเดาภารกิจคร่าว ๆ ของเขาได้แล้ว
ถ้าเธอคิดไม่ผิดมันต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีของคาลเตอร์แน่นอนและเบาะแสของมันจะต้องอยู่ที่นั้นแน่ๆ
ที่เขตนอกกำแพงเมืองเวสเปอร์