“อ๊ากกกก!!!!”
“อืมมม เพิ่มตัวยาเข้าไป ไอ้เด็กนี่ยังรับได้อีก”
คานิกซ์ ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบและไร้ความรู้สึกในมือเขาถือแท็ปเล็ตที่ทันสมัยที่สุดอยู่และกำลังบันทึกผลการทดลองที่ได้ลงไปอย่างตั้งใจ
บนเตียงทดลองกลางห้องมีร่างเด็กชายวัยห้าขวบกำลังกรีดร้องทุรนทุราย เครื่องมือพันธนาการทุกชนิดถูกนำมาใช้ในการทดลองนี้ ตัวยานับไม่ถ้วนถูกฉีดเข้าไปอย่างต่อเนื่องจนเด็กชายแทบสิ้นสติ เขาเฝ้าภาวนาอยู่ในหัวซ้ำ ๆ
ว่าใครก็ได้ฆ่าเขาที
เจ็บ มันเจ็บเหลือเกิน
“อ๊ากกกก!!!”
“ดีมาก ร่างกายกำลังปรับเข้ากับยาได้อย่างดีเยี่ยม เป็นหนูทดลองที่มีค่าจริง ๆ แกน่ะชื่อเอสโทเพลสินะ ไม่ต้องกลัวแกจะแข็งแกร่งกว่าใคร ๆ เมื่อการทดลองนี้จบลง อย่าดิ้นรนอีกเลย”
“กรรรร....”
“ยีนส์หมาป่าที่หามาอย่างยากลำบากมันเหมาะสมกับกับแกซะเหลือเกิน มันจะค่อย ๆ รวมเข้ากับแกจนเป็นหนึ่งเดียวและแกก็จะกลายเป็นบุคลากรอันทรงคุณค่าของพวกเรา”
สติของเอสโทเพลเริ่้มพร่าเลือนลงไปเรื่อย ๆ สามัญสำนึกในฐานะมนุษย์หายไปทีล่ะนิด สัญชาตญาณสัตว์ป่าเริ่มเข้าควบคุมเขาและเริ่มบ้าคลั่ง ขนสีดำแซมเทาผุดขึ้นมาตามตัว หูสีดำงอกออกบนศีรษะเล็กพร้อมกับดวงตาที่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
“ฮ่า ๆ วิเศษไปเลย ตัวทดลองที่น่าทึ่งของฉัน แกมันทำให้เลือดฉันสูบฉีดดีจริง ๆ การทดลองสร้างมนุษย์หมาป่าสำเร็จแล้ว ยินดีด้วยนะ ‘DTPX0013’ แกผ่านการทดสอบทั้งหมดแล้ว หลังจากนี้เราจะสนุกมากขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน!! ฮ่าๆๆๆ”
“กรรร บรู้วววววว”
เสียงหอนอันโหยหวนยังดังออกมาจากฐานทดลองลับออกมาไม่ขาดสาย เด็กชายที่ถูกทดลองเหม่อมองไปนอกหน้าต่างและจับจ้องไปที่ดวงดาวบนท้องฟ้า
ใบหน้าเขาไร้ซึ่งสีสันและความรู้สึก การถูกนำไปทดลองต่อเนื่องนานหลายเดือนทำให้เขาจิตใจแตกสลาย ความทรงจำทั้งหมดถูกลบหายไปเหลือเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น
เจนัส
อาาา ดวงดาวเพียงหนึ่งเดียวของเอสโทเพล แสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวในค่ำคืนที่มืดมิด คนที่มอบทั้งชื่อและชีวิตให้กับเขา
ใบหน้าของเธอเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวเพียงอย่างเดียวที่ทำให้เขายังไม่ตายและมีลมหายใจ ทำให้เขาสงบยามบ้าคลั่งจนเกินใครจะหยุดไว้ได้และเป็นเป้าหมายในการมีชีวิตอยู่ต่อไป
เพื่อที่สักวันหนึ่งเขาจะได้โอบกอดเธอ
“เจ...นัส”
เขาเอียงคอเล็กน้อยและมองไปที่ดวงดาวบนท้องฟ้าพลางนึกถึงคำพูดที่เธอเคยพูดกับเขาเมื่อหลายเดือนก่อน
‘เอสโทเพลเห็นนั่นไหม นั่นคือดาวของฉัน ถ้านายกลัวหรือคิดถึงฉันนายแค่มองมันก็พอ ฉันจะอยู่ข้าง ๆ นายเสมอ’
‘ดาวของเจนัสมีชื่อไหม?’
‘มีสิ ชื่อของมันก็คือ Piesces (กลุ่มดาวปลาคู่) ’
‘Piesces เพราะจังเลยแล้วฉันจะมีดาวเหมือนเธอไหม’
‘นายต้องดาวของตัวเองเจอแน่นอน ไม่ต้องห่วงนะฉันจะอยู่กับนายจนกว่าจะหาเจอเอง สัญญาเลย!’
‘อื้อ สัญญาแล้วนะ’
‘สัญญาชั่วชีวิต/สัญญาชั่วชีวิต’
ปึง!!
เสียงกระแทกประตูดึงเขาให้กลับมายังโลกแห่งความเป็นจริง คานิกซ์เดินเข้ามาพร้อมกับลูกน้องที่ติดอาวุธอีกหลายชีวิต ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เสแสร้ง
“สวัสดีเอสโทเพล ได้เวลาตรวจร่างกายแล้วนะ”
เด็กชายมองเขาด้วยแววตาไร้ความรู้สึกก่อนจะยอมเดินไปหยิบโซ่มาล่ามคอตัวเองไว้แต่โดยดี เขารู้ดีว่าหากไม่เชื่อฟังจะเกิดอะไรขึ้นความโหดร้ายของคานิกซ์นั้นเกินกว่าที่จะจินตนาการได้
“เด็กดี ไปกันเถอะ”
แกร๊ก ครืด....
เสียงกระชากโซ่และลากไปตามพื้นดังก้องไปทั่งโถงทางเดิน มันเป็นอีกค่ำคืนที่มีแต่เสียงกรีดร้องอันโหยหวนดังออกมาจากที่นี่และคงจะไม่ใช่คืนสุดท้ายอย่างแน่นอน....
»»»»««««
20 ปี ต่อมา
เอสโทเพล อายุ 25 ปี
“อืมม ร่างกายปกติดี การคุมพลังก็เสถียรขึ้นเยอะ ไม่มีอะไรน่าห่วงพักสักนิดก็ออกทำภารกิจได้แล้วล่ะ”
เสียงหมอประจำศูนย์พยาบาลที่กำลังตรวจร่างกายพูดเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาผมไปอย่างไร้ประโยชน์ ทำไมผมต้องมาฟังอะไรน่าเบื่อแบบนี้ด้วย
ก๊อก ก๊อก
“ขออนุญาตครับคุณหมอ”
“เชิญ”
คนที่เคาะห้องก้าวเข้ามาด้วยท่าทีสุขุม ใบหน้าเขาไม่บ่งบอกอารมณ์อะไรออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว
“บลู!”
“ไงไอ้หมา ป่วนหมอหรือเปล่า”
บนโลกนี้คงมีแค่เขาคนเดียวนี่ล่ะที่กล้าเรียกผมว่าหมา ผมรู้จักกับบลูตั้งแต่สิบขวบ เขาแก่กว่าผม 5 ปีและเป็นคนที่คอยดูแลผมมาตลอด
“คุณหมอครับ ผมขอพาไอ้หมาเด็กนี่ไปก่อนนะครับ พอดีมีภารกิจเข้ามา”
“ได้สิ เสร็จพอดีเลยล่ะ”
“ขอบคุณครับ ไปกันได้แล้ว”
“คร้าบบบ”
ผมเดินตามหลังบลูออกจากห้องรักษาเพื่อไปยังห้องทำงานของคานิกซ์ ระหว่างนั้นบลูก็ไม่ได้พูดอะไรกับผมเลยแม้แต่นิดเดียว ก็เป็นปกติของหมอนี่ล่ะนะ
“นี่บลู รอบนี้ภารกิจอะไรเหรอ นายรู้ใช่ไหม”
ไม่รู้ทำไมเวลาอยู่กับหมอนี่ผมรู้สึกเหมือนอยู่กับคนฝึกหมายังไงชอบกล เขามีบางอย่างที่ทำให้ผมสงบและเชื่องได้อย่างไม่ยากเย็น
“ฉันบอกนายกี่รอบแล้วว่าให้เรียกฉันว่าพี่ ฉันแก่กว่านายนะ”
“โอ้ยยย พอ พอแล้ว ๆ”
ผมร้องออกมาดังลั่นเมื่ออยู่ดี ๆ บลูก็ดึงหูผมอย่างแรง ส่วนหูมันอ่อนไหวนะเฮ้ย!
“หึ ให้ตายสินายนี่นับวันยิ่งเหมือนหมาเข้าไปทุกที”
“ก็เป็นหมาจริง ๆ นี่ ทำไงได้ล่ะ”
ผมหยักไหล่ตอบก่อนจะลูบหูปอย ๆ ผมจำอดีตของตัวเองไม่ได้รู้แต่ว่าตัวเองทำงานอยู่ในองค์กรที่ชื่อ ‘ดิสโทเปีย’
ผมได้รับการปลูกถ่ายยีนส์ของหมาป่าเข้าสู่ร่างกายจนตอนนี้แทบจะใช้ชีวิตเหมือนสัตว์ไปแล้ว หน้าที่ผมในองค์กรมีแค่อย่างเดียวเท่านั้น
คือการฆ่า
แน่นอนว่ามันคือเรื่องกล้วย ๆ สำหรับผมที่มีพละกำลังมหาศาลเลยล่ะแถมมันยังสนุกที่ได้ล่าเหยื่ออีกด้วย นิ่งมีคนตายด้วยน้ำมือผมมากเท่าไหร่ ผมยิ่งสนุกมากขึ้นไปเท่านั้น
กลิ่นของเลือดมักหอมหวานและมอมเมาเราได้เสมอ นั่นแหล่ะ ตัวตนของผม
นักฆ่าที่ไร้เมตตา
“คานิกซ์รอนายอยู่ข้างใน เข้าไปซะสิ”
“ไม่เข้าไปด้วยกันเหรอ”
“ไม่ ฉันมีงานต้องไปทำต่อเราคงไม่ได้เจอกันสักพัก อย่าทำหน้าหงอยแบบนั้นสิ ฉันแค่ไปทำงานเดี๋ยวก็กลับมาอยู่ดี”
เขายกมือมายีหัวผมซ้ำ ๆ เหมือนที่ชอบทำตอนผมเด็ก ๆ เอาจริงพอรู้ว่าจะไม่ได้เจอกันพักใหญ่มันก็ทำเอาผมเหงาไปนิดหน่อย
“ใครหงอยกัน พูดเพ้อเจ้อ เอามือออกไปเลยนะ”
ผมรีบปัดมือเขาออกก่อนจะก้าวเข้าไปรับภารกิจในห้องทำงานของคานิกซ์ ในห้องนี้ยังคงเต็มไปด้วยสิ่งของที่น่าสะอิดสะเอียนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ทั้งขวดโหลที่ดองเครื่องในนา ๆ ชนิดเอาไว้ ไหนจะของประดับตกแต่งที่เป็นพวกหัวสัตว์ตัวต่างๆ อีก น่าขนลุกเป็นบ้า
“ผมมาแล้วครับ พ่อ”
คนตรงหน้าผมมีชื่อว่าคานิกซ์ นักวิจัยและพัฒนาศักยภาพของเหล่ามนุษย์ทดลอง บุคคลที่ผมต้องเรียกว่าพ่อ
ผมกับเขาเราไม่ได้เกี่ยงข้องกันด้วยสายเลือดแต่เพราะเหตุผลบางอย่างทำให้คานิกซ์รับเลี้ยงผมในฐานะลูกบุญธรรม ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมผูกพันกับเขาเลย
สัญชาตญาณของผมมันบอกว่าคนตรงหน้าไว้ใจไม่ได้
“อ้าว มาแล้วเหรอลูกชายของฉัน เป็นไงบ้างร่างกายโอเคดีไหม?”
“ดีครับ หมอบอกว่าไม่มีปัญหาอะไร”
“งั้นเหรอ ดีเลย พ่อมีงานให้ทำ งานนี้คงมีนายคนเดียวนี่ล่ะที่พอจะทำได้”
“ด้วยความยินดีครับ”
ไม่ว่าจะภารกิจอะไรมันก็เป็นแค่เรื่องง่าย ๆ สำหรับผมเสมอ ความแข็งแกร่งของผมไม่เป็นสองรองใครทั้งนั้นและผมก็ไม่เคยทำภารกิจพลาดแม้แต่ครั้งเดียว.....
“ภารกิจในครั้งนี้คือ ฉันอยากให้นายไปแทรกซึมและตามหาคนคนหนึ่ง อย่าหนักมือจนเกินไปนะเพราะเราต้องการตัวเธอแบบเป็น ๆ”
“ได้ครับ”
“ช่วงนี้ฉันจะไปอยู่ฐานที่ลอนดอน ถ้ามีอะไรก็ให้ไปหาฉันที่นั่นเข้าใจไหม”
“ครับ”
เขาพูดพร้อมยื่นแฟ้มสีแดงมาให้ผม สีของแฟ้มบ่งบอกถึงความสำคัญของภารกิจและสีแดงคือระดับความสำคัญสูงสุด ผมรับมันมาตั้งใจจะเปิดอ่านคร่าว ๆ แต่เมื่อเห็นชื่อและหน้าตาคนในรูปเลือดมันก็สูบฉีดไปทั้งตัว ผมรีบเก็บสีหน้าให้นิ่งที่สุดและทำทีเปิดอ่านอย่างไม่ใส่ใจนัก
“เธอมีชื่อว่า ‘เจนัส ธาร์เวียร์’ เป็นตัวทดลองหมายเลข DTPX0012 ที่หนีออกจากที่นี่ไปเมื่อ 20 ปีก่อน เราต้องการเธอกลับมาในสภาพที่ยังมีชีวิต พลังที่เธอมีสำคัญต่อองค์กรเรามาก นายเข้าใจใช่ไหม เอสโทเพล?”
“ผมเข้าใจดีครับ จะไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอนครับ”
“ดี ไปได้แล้วล่ะ พ่อคาดหวังในตัวนายนะ เจ้าลูกชาย”
“.....ครับ พ่อ”
ผมเดินออกจากห้องทำงานของคานิกซ์มาด้วยใจที่ว้าวุ่น แม้จะจำอดีตไม่ได้แต่ชื่อและใบหน้าของเธอผมไม่มีวันลืมได้ลง ภาพของเธอยังคงชัดในความทรงจำที่เลือนรางของผม
หญิงสาวที่มีใบหน้าหวาน ใบหูรูปกระต่ายที่มักตกลงข้างศีรษะเสมอ เจ้าของเส้นผมสีทองที่นุ่มสลวยและกลิ่นดอกไอริสจาง ๆ ที่โชยออกมาจากตัวของเธอ
ผมจำมันได้ทุกอย่าง สิ่งมีค่าเพียงอย่างเดียวในชีวิตของผม....
“ในที่สุด....เราก็จะได้เจอกันแล้วพี่เจนัส ผมจะหาพี่ให้เจอให้ได้ ดวงดาวเพียงหนึ่งเดียวของผม”