“เฮ้! ยัยกระต่ายหมอ มารับภารกิจงั้นเหรอ ฉันนึกว่าเธอย้ายไปอยู่รังกระต่ายแล้วนะเนี่ย”
ฉันลอบถอนหายใจทันทีเมื่อได้ยินเสียงที่ไม่อยากได้ยินที่สุด เจ้าคนกวนประสาทนั่นก็มาวันนี้งั้นเหรอ....
“ไคโซตัส....”
“ไง ดีใจนะที่เธอยังสบายดี”
“นายก็ด้วย ปากยังมีหมาอยู่เหมือนเดิมเลยนะ”
“กัดเจ็บจังนะ แน่ใจนะว่าเธอเป็นกระต่ายไม่ใช่หมาบ้า?”
ไคโซตัสเป็นหนึ่งในหัวหน้าองค์กรโรเวก้า ภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มนั่นซ่อนบางอย่างที่น่าขนลุกเอาไว้ มันอาจดูอบอุ่นแต่สัญชาตญาณของฉันมันบอกว่าไม่ใช่ เขาซ่อนอะไรไว้ใต้รอยยิ้มกันนะ....
“ไว้ค่อยคุยกันดีกว่า ฉันไปล่ะยัยกระต่ายหมอ”
“อืม”
ฉันเห็นบางอย่างจากสีหน้าของเขา ดูเหมือนว่าภารกิจที่ได้รับคงจะทำให้เขาไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก ทำเอาอยากรู้เลยว่าเขาได้ภารกิจอะไรไปกันแน่
ไว้ค่อยไปถามจากเจ้าตัวทีหลังแล้วกันเพราะตอนนี้ฉันเองก็ต้องเข้าไปรับภารกิจเหมือนกัน หวังว่ามันจะไม่ใช่เรื่องใหญ่นะ ฉันรู้สึกไม่สบายใจยังไงชอบกล....
»»»»»«««««
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ขออนุญาตค่ะ ท่านผู้นำ”
“เข้ามาได้”
ฉันเปิดประตูเข้าไปทันทีหลังได้ยินเสียงอนุญาต ในห้องนี้ยังคงเย็นยะเยือกเหมือนกับทุกครั้งทำเอาหูกระดิกอย่างควบคุมไม่ได้ขึ้นมาเลยล่ะ
“มาแล้วเหรอเจนัส”
“ค่ะ ลุงเจสบอกว่าท่านผู้นำมีภารกิจให้ทำ”
“นั่งก่อนสิ เอาแครอทไหม?”
“มะ ไม่เป็นไรค่าาา”
เมื่อไหร่ท่านผู้นำจะเลิกหยอกฉันแบบนี้สักที เจอหน้าทีไรชอบชวนกินแครอทอยู่เรื่อยเลย
อาจเพราะฉันไม่สามารถเก็บหูกระต่ายได้มั้งเขาเลยชอบแซวอยู่เรื่อย มันเป็นผลจากการที่ฉันถูกทดลองเมื่อตอนเด็ก ๆ ก่อนที่จะหนีออกมาจากองค์กรที่ชั่วร้ายนั่นได้
ตอนที่ฉันอายุได้ 7 ขวบฉันถูกพวกเลวนั้นจับตัดต่อพันธุกรรมใหม่ มันเป็นยีนส์ของกระต่ายชนิดหนึ่งที่หาได้ยากและมีคุณสมบัติที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อมทุกรูปแบบ
ผลที่ได้จากการทดลองนั่นก็คือตัวฉันในตอนนี้ ตัวทดลองที่ไม่สมบูรณ์และมีข้อบกพร่อง แม้จะประสบความสำเร็จในการทำให้พลังรักษาเพิ่มขึ้นแต่ฉันกลับไม่สามารถซ่อนรูปลักษณ์ครึ่งสัตว์เอาไว้ได้
“เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะฉันอยากให้เธอไปรักษาคนคนหนึ่ง เขาเป็นบุคคลที่มีความสำคัญสูงแต่เราไม่สามารถพาเข้ามายังที่นี่ได้เพราะเหตุผลด้านความปลอดภัย เราเลยอยากขอให้เธอปกปิดตัวตนและออกไปทำภารกิจนี้พร้อมทั้งสืบหาเบื้องหลังคนที่ลอบทำร้ายคนคนนั้นด้วย”
“หมายความว่าให้ฉันออกไปนอกฐานเหรอคะ?”
“ใช่แล้วล่ะนี่จะเป็นภารกิจแรกของเธอนอกฐานและเป็นความลับยิ่งกว่าใคร ๆ เรื่องนี้ไม่มีใครรู้แม้กระทั่งเจสเตอร์”
“รับทราบค่ะท่านผู้นำ”
ความพิเศษของพลังที่มีทำให้ฉันไม่สามารถออกไปนอกฐานได้ ความเสี่ยงที่จะถูกจับไปมีสูงมากจนน่ากลัว ท่านผู้นำเลยจำเป็นต้องให้ฉันอยู่แค่ในฐานและรับหน้าที่งานวิจัยต่าง ๆ แทน
“จำไว้นะเจนัสพลังของเธอเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากได้ อย่าให้ถูกจับได้ อย่าเปิดเผยตัวและอย่าลังเลถ้าต้องลงมือฆ่าคนเพื่อปกป้องตัวเอง”
ฉันลอบกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอเรื่องที่พลังของฉันหายากเป็นเรื่องที่รู้ตั้งแต่มาที่นี่ใหม่ ๆ แล้ว ขนาดในองค์กรบางคนยังไม่รู้เลยว่าฉันมีพลังรักษา
“เข้าใจ....แล้วค่ะ”
“ดีมาก ไปเตรียมตัวได้แล้ว”
“ค่ะ”
ฉันเดินออกจากห้องมาอย่างเหม่อลอยเล็กน้อยจนไม่ได้สังเกตว่ามีคนกำลังรออยู่จนกระทั่งอีกฝ่ายเอ่ยทักขึ้นมาก่อน
“เหม่อจังเลยนะ ภารกิจยากเหรอเจนัส”
คลารีสหรือแคลร์ส่งเสียงเรียกเบา ๆ ฉันดึงสติกลับมาก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้กับคนตรงหน้า
“ไม่หรอก ของเธอน่าจะยากกว่านะแคลร์”
“ก็....คงงั้นมั้ง ช่วยไม่ได้ล่ะนะคนตายพูดไม่ได้ จะถามอะไรก็ถามไม่ได้ด้วยสิ”
“ยังเหมือนเดิมเลยน้าา แคลร์”
“เธอก็ด้วยเจนัส”
เราทั้งคู่มองหน้ากันก่อนจะหัวเราะออกมา ฉันเป็นหมอส่วนแคลร์ก็เป็นหมอนิติเวช เรื่องที่เราคุยกันก็เลยมักไม่พ้นเรื่องคนเจ็บและคนตายซะส่วนใหญ่
“ไปกินกาแฟด้วยกันไหม มียาใหม่ ๆ อยากแนะนำพอดี” ฉันเอ่ยชวนคนตรงหน้าซึ่งเธอก็พยักหน้ารับทันที
“เอาสิ เพราะหลังจากนี้คงไม่ได้กลับมาสักพัก ไปร้านเดิมแล้วกันนะ”
“อื้อ งั้นไปกันเถอะ”
ฉันกับคลารีสเดินตรงไปยังร้านกาแฟใกล้ ๆ เพื่อพูดคุยกันเหมือนทุกครั้งที่เจอกัน เราแลกเปลี่ยนข้อมูลกันและคุยกันถึงตัวยาใหม่ ๆ อยู่พักใหญ่ก่อนจะเตรียมแยกย้ายกันไปเตรียมตัว
“นี่ แคลร์ฉันเตรียมของขวัญไว้ให้ด้วยนะ รับรองว่าเธอจะต้องชอบมันแน่ ๆ ”
“หืมม ไม่เอาของแปลก ๆ ได้ไหมเจนัส”
ฉันอดหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อเห็นท่าทีหวาดผวาของคนตรงหน้า เพราะรอบที่แล้วตอนแคลร์ทำภารกิจสำเร็จและกลับมาเยี่ยมที่นี่ฉันดันให้ของขวัญเป็นตุ๊กตาหนูที่เหมือนจริงซะจนแคลร์กลัว
ฉันยังจำปฏิกิริยาตอนที่แคลร์เปิดกล่องออกมาได้อยู่เลย เธอกริ๊ดลั่นห้องจนยามที่เฝ้ารอบ ๆ กรูกันเข้ามาด้วยความตกใจ
‘กริ๊ดด เจนัส ยัยบ้า เอามันออกไป๊!!!’
หลังจากนั้นมาแคลร์ก็ไม่รับกล่องที่มีลักษณะทึบจากฉันอีกเลย ถ้าจะให้ก็ต้องเป็นแบบถุงหรือกล่องแบบใส ๆ เท่านั้น
“โธ่....ฉันไม่แกล้งเธอหรอกน่าาา รอบที่แล้วฉันไม่รู้นี่....”
“ถ้าเธอแกล้งฉันอีกฉันจะเอาแมลงสาบมาปล่อยในห้องทำงานรวมทั้งลิ้นชักแล้วฉันก็จะดึงหูตก ๆ ของเธอด้วย!”
“ก็บอกว่าไม่แกล้งไงล่ะ อีกอย่างส่วนหูมันอ่อนไหวห้ามแตะมันตามอำเภอใจเด็ดขาดเลยนะ! ยังไงก็เถอะเธอต้องชอบของชิ้นนี้แน่ ๆ ”
ฉันหยิบยานานาชนิดออกมาจากกระเป๋าก่อนจะวางมันลงอย่างเบามือ ของพวกนี้ฉันทำไว้เพื่อแคลร์โดยเฉพาะมันเป็นยาที่ทำออกมาในรูปแบบของขนมและลูกอมหลากสี
“นี่ไง ของที่ฉันบอก”
“ลูกอม? ขนม?”
“ใช่ ถึงหน้าตาจะเหมือนขนมแต่เอาเข้าจริงมันคือยาน่ะ ฉันเลียนแบบรูปร่างของกินต่าง ๆ ที่เคยเจอและทำมันออกมาให้ใกล้เคียงที่สุดเพื่อที่เวลาใช้จะได้ไม่ผิดสังเกต”
“สรรพคุณล่ะ?”
“ตัวนี้เพิ่มพละกำลังในพริบตา มันจะทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้นในเวลาสั้น ๆ ได้ แต่อย่าใช้ต่อเนื่องจนเกินไปล่ะเพราะมันจะทำให้ร่างกายเธอรับภาระมากขึ้น”
ฉันหยิบยาที่หน้าตาเหมือนพาราทั่ว ๆ ไปขึ้นมาแล้วยื่นให้แคลร์เอาไปดูใกล้ ๆ เธอมองมันด้วยความสนใจและยกยิ้มที่มุมปาก
“เห็นแบบนั้นแต่ทำยากมากนะ กว่าฉันจะใส่ส่วนผสมลงไปได้ทำเอาไม่ได้นอนตั้งหลายวัน”
“แต่เธอก็เก่งจริง ๆ ที่ทำมันออกมาได้ แถมหน้าตายังเหมือนยาทั่ว ๆ ไปอีกด้วย แล้วอันนี้ล่ะ?”
“อ้อ อันนั้นก็คล้ายกับตัวแรกนะแต่ความพิเศษของมันอยู่ด้านใน ลองแบ่งครึ่งมันดูสิ แบ่งครึ่งนะไม่ใช่บด!!”
ฉันรีบห้ามเมื่อเธอทำท่าจะบี้มันด้วยปลายนิ้ว ขืนทำแบบนั้นได้เสียของกันพอดี
“โทษที ๆ ชินมือน่ะ”
เธอออกแรงแค่นิดเดียวลูกอมก็หักออกอย่างง่ายดาย น้ำยาที่อยู่ด้านในซึมออกมาพร้อมกับส่งกลิ่นหอมพิเศษที่ลอยอบอวลไปทั่ว
“กลิ่นนี้มัน....”
“ยานอนหลับชนิดแรงพิเศษที่ขนาดช้างก็ยังหลับได้”
ฉันพูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจก่อนจะนำผ้ามาซับกลิ่นและลูกอมที่แตกเอาไว้ ก่อนที่คนที่อยู่ในร้านจะพากันสลบไปหมด
“ฉันออกแบบมันมาเพื่อเธอโดยเฉพาะเลยนะ ถ้าเป็นเธอที่กินหรือดมเข้าไปมันจะช่วยเพิ่มพละกำลังเล็กน้อย แต่ถ้าเป็นคนอื่นที่สภาพร่างกายแตกต่างจากเธอกลิ่นและรสของมันจะทำให้สลบไปทันที”
“เธอนี่เก่งสุดยอดเลยเจนัส ทำได้ไง....”
“ก็ฉันมันอัจฉริยะ!”
“จ้า ๆ เชื่อแล้ว ๆ”
แคลร์ยกมือมายีหัวฉันแรง ๆ จนผมยุ่งไปหมด เราสองคนสนิทกันมากจนเหมือนพี่น้องแท้ ๆ กันเลยล่ะ
“ส่วนอันนี้ฉันให้ไว้เผื่อฉุกเฉินนะ”
ฉันยื่นกล่องเล็ก ๆ ที่บรรจุยาเอาไว้ข้างในให้กับเธอ แคลร์รับไปเปิดดูก่อนจะมองหน้าฉันอย่างทึ่ง ๆ
“นี่มัน....”
“ใช่ ยาที่เธอเคยขอ ความอันตรายไม่ต้องพูดถึงเลยล่ะ ทั้งขั้นตอนการทำและส่วนผสมที่กว่าจะหามาได้ฉันเลยทำออกมาได้แค่ 5 เม็ดเท่านั้น”
“ขอบใจนะเจนัส ฉันจะใช้มันอย่างดีเลย”
“นี่....แคลร์”
“หืม?”
“ถ้าไม่จำเป็นอย่าใช้มันจะดีกว่านะ”
“....”
“เพราะเป็นเธอฉันถึงกล้าทำมาให้ แต่ถ้าไม่จำเป็นหรือไม่มีคนหนุนหลังอย่าคิดจะกินมันเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเธออาจถึงตายได้เลยนะ”
ตอนแรกฉันจะไม่ทำมันออกมาด้วยซ้ำเพราะยานั่นอันตรายเกินกว่าจะให้คนกินได้ ถึงจะมีร่างกายที่พิเศษแค่ไหนแต่การรับเอาสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเองเข้าสู่ร่างกายย่อมไม่เกิดผลดีตามมาอย่างแน่นอน
“เข้าใจแล้วน่าาา ฉันจะใช้แค่ตอนฉุกเฉินเท่านั้น เธอด้วยนะถ้ามีเรื่องอะไรก็ติดต่อฉันมาได้เลย ฉันจะรีบไปช่วยให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“อื้ออ เข้าใจแล้ว”
“งั้นฉันไปก่อนนะเจนัส ไว้เจอกันนะ ดูแลตัวเองดี ๆ ล่ะ”
“เธอด้วยนะแคลร์ อย่ามุทะลุเกินไปนะ!”
ฉันยืนมองแผ่นหลังของคนที่ได้ชื่อว่ารักเหมือนพี่สาวเดินห่างออกไปเรื่อย ๆ บอกตามตรงว่าอดห่วงไม่ได้เลย ด้วยนิสัยของแคลร์ที่มักจะไม่ยอมคนมันอาจนำเรื่องยุ่งยากมาให้ก็ได้
ถึงเธอจะแข็งแกร่งแค่ไหนแต่ก็ยังเป็นมนุษย์ แม้ร่างกายจะพิเศษก็ใช่ว่าจะตายไม่เป็น พวกเรามีเลือดเนื้อ จิตใจและความรู้สึกเหมือนคนทั่ว ๆ ไป
“ต้องปลอดภัยกลับมานะแคลร์”
ฉันได้แต่ฝากคำพูดไปกับสายลมและภาวนาให้เธอรอดจากภารกิจกลับมาเจอกันอีกครั้ง ก่อนที่ฉันเองก็จะไปเตรียมตัวเพื่อทำภารกิจแรกเช่นกัน
เป้าหมายของเราคือการทำลายดิสโทเปีย การที่ท่านผู้นำส่งฉันออกไปรักษาคนนอกและให้สืบหาเบาะแสต่าง ๆ นั่นย่อมแปลว่าเรื่องนี้องค์กรชั่วนั่นมีเอี่ยวอย่างแน่นอน
ไม่ว่ายังไงฉันก็อยากจัดการดิสโทเปีย องค์กรชั่วร้ายที่พรากทั้งชีวิตและคนสำคัญไปจากฉัน ต่อให้มันจะยากแค่ไหนฉันก็จะทำให้ได้
“เอสโทเพล ฉันจะล้างแค้นให้กับนายเอง....”