ห้องผ่าคลอด
อุแว้… อุแว้… อุแว้…
เสียงร้องไห้ของทารกแรกเกิดดังก้องขึ้นภายในห้องคลอด เหมือนเสียงแห่งชีวิตใหม่ที่ทำให้แม่ได้มีแรงเดินต่อไปในวันพรุ่งนี้
“ได้ผู้หญิงค่ะ ตัวเล็กหน่อยแต่น้องแข็งแรงมากเลยนะคะ"
คุณหมอผู้ทำคลอดเอ่ยขึ้นด้วยความยินดี พยาบาลรับทารกน้อยที่ยังเปื้อนคราบเลือดจากมือคุณหมอไปด้วยความอ่อนโยน ก่อนจะรีบพาไปตรวจเช็คอาการเบื้องต้นแล้วเช็ดตัวทำความสะอาดให้อย่างทะนุถนอม
เสียงร้องไห้ดังจ้าระหวั่น ตัวเล็กจิ๋วแต่เสียงดีตั้งแต่เกิด ทันทีที่ได้ยินเสียงลูกน้อยจิณห์วรารู้สึกราวกับโลกทั้งใบมันหยุดหมุน เสียงนั้นไม่ใช่แค่เสียงของทารกที่เพิ่งลืมตาดูโลก แต่เป็นเสียงของชีวิตใหม่ เสียงของความหวัง เสียงของหัวใจอีกดวงที่เธอเฝ้าถนอมมานานแสนนาน ริมฝีปากซีดเซียวคลี่ยิ้มอย่างดีใจ
“ไอรินลูกแม่”
น้ำเสียงที่สั่นเครือเอ่ยเรียกชื่อลูกน้อยขึ้นเบา ๆ คุณแม่ป้ายแดงยังมองไม่เห็นหน้าลูก แต่เสียงร้องไห้ที่ได้ยินนั้นก็เพียงพอแล้ว สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่จะรู้ว่าชีวิตจะอยู่ต่อไปเพื่อใคร ทุกลมหายใจต่อจากนี้คือของลูก ทุกก้าวเดินของชีวิตคือเพื่อลูกเพียงคนเดียว
“หนูคลอดแล้วนะจ๊ะยาย เหลนน้อยของยายทวดลืมตามาดูโลกแล้วนะจ๊ะ ยายต้องดีใจแน่ ๆ ถ้าได้ยินเสียงของเหลน ยายต้องอยากอุ้ม อยากหอม ยายต้องร้องไห้แน่ ๆ ใช่ไหมจ๊ะ”
ภาพในหัวของเธอชัดเจนราวกับฝัน อ้อมแขนเหี่ยวย่นที่เคยปลอบในวันที่ร้องไห้เสียใจ เสียงหัวเราะคิกคักของยายที่เคยได้ยินบ่อย ๆ ยังแว่วดังอยู่ในความทรงจำ มืออบอุ่นของยายที่เคยลูบท้องเธออย่างอ่อนโยนทุกคืน ยังคงจำสัมผัสนั้นได้ไม่เคยจางหาย
“หนูอยากให้ยายอยู่ตรงนี้จังเลยจ้ะ” เสียงสะอื้นไห้แผ่วเบาระบายออกมาเหมือนคนละเมอเพ้อฝัน ก่อนจะหลับตาลงช้า ๆ ฝ่ามือเรียวที่สั่นระริกเอื้อมขึ้นแตะสัมผัสหน้าอกตัวเองเบา ๆ เจ็บจัง ทำไมเจ็บแปลก ๆ นั่นคือคำถามเดียวที่ไม่รู้ว่าทำไม
ไม่นานนักพยาบาลก็พาลูกน้อยมาวางลงที่หน้าอก ใบหน้าจิ้มลิ้มดวงตาเบิกกว้างขึ้น กำลังมุดหน้าอ้าปากหาเต้านมตามสัญชาติญาณที่มี นี่น่ะหรือเด็กน้อยที่อุ้มท้องมาตั้งแปดเดือนเต็ม ลูกของเธอและเขาที่มีเค้าของดีเอ็นเอของพ่อมากกว่าแม่ที่อุ้มท้องมา
"น่ารักจังเลยลูก ขอให้หนูสุขภาพแข็งแรงนะคะ หนูต้องได้เห็นยายทวดจันทร์นะลูก พรุ่งนี้แม่จะพาลูกไปหายายที่หน้าห้องนะคะ"
จิณห์วราคิดเช่นนั้นด้วยความหวัง แม้จะยังไม่รู้เลยว่าเวลานี้ในอีกห้องหนึ่งของโรงพยาบาล หัวใจอีกดวงหนึ่งได้หยุดเต้นไปแล้วเรียบร้อย ในวันที่เธอควรจะมีความสุขที่สุด กลับเป็นวันที่สุขได้ไม่เต็มร้อย ใครจะไปคาดคิดว่าหนึ่งชีวิตที่เกิดมาเติมเต็มในวันนี้ จะเป็นวันเดียวกับที่ต้องเสียคนที่รักไปอย่างไม่มีวันหวนกลับเลยเหมือนกัน
เช้าวันต่อมา
เสียงประตูห้องพักฟื้นเปิดเข้ามาเบา ๆ จิณห์วรานอนกอดลูกน้อยไว้แนบอก ใบหน้ายังดูซีดเซียวและเหนื่อยไม่หาย แต่มีรอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏให้ได้เห็นเหมือนเคย
เมื่อคืนเธอนอนหลับไปทั้งน้ำตา หลังจากที่ได้อยู่กับลูกทั้งคืนเป็นครั้งแรก แถมเมื่อคืนยังฝันว่าตอนที่ลืมตาขึ้นมาเห็นยายจันทร์ยืนอยู่ตรงปลายเตียงนอน อุ้มถุงขนม ขวดนมเล็ก ๆ มาด้วย ส่งยิ้มอบอุ่นให้เหมือนกับทุกครั้งเลย
"อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณแม่ เป็นยังไงบ้างคะเจ็บแผลมากหรือเปล่าวันนี้?"
เสียงของคุณหมอผู้ทำคลอดถามขึ้น พร้อมกับพยาบาลที่เดินตามกันมาอย่างเงียบ ๆ ยิ้มทักทาย
"เจ็บนิดหน่อยค่ะหมอ ตึง ๆ แผลผ่าคลอด วันนี้หนูเดินได้แล้วใช่ไหมคะ?"
"สามารถลุกหัดเดินได้แล้ว เดี๋ยวจะให้พยาบาลมาช่วยพาเดินนะคะ แล้วนี่ไม่มีญาติมาเยี่ยมเลยเหรอ?"
คำถามนั้นของหมอทำให้รอยยิ้มของจิณห์วราจางหายไป จะให้มีญาติที่ไหนก็ในเมื่อน้าสาวเพียงคนเดียวของเธอก็ไม่ได้สนใจใยดีกันเลยสักนิด จะมีก็คงยายจันทร์ที่นอนอยู่ในห้องไอซียูไม่ไกลจากตรงนี้เพียงเท่านั้น
"ไม่มีหรอกค่ะ แต่หนูอยากไปหายายที่ห้องไอซียู สามารถไปได้ไหมคะ อยากพาลูกไปหายายทวดของแกด้วย"
ทำเอาหมอและพยาบาลถึงกับมีสีหน้าที่เศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะเพิ่งทราบข่าวจากหมออีกแผนกที่แจ้งให้รับรู้เรื่องเมื่อเช้านี้เหมือนกัน
"สามารถไปได้ไหมคะหมอ เผื่อยายจะรับรู้ ยายอาจจะฟื้นตื่นขึ้นมาดูหน้าเหลนน้อยก็ได้นะคะ"
หมอและพยาบาลหันหน้ากลับไปมองกันและกันอีกครั้ง ก่อนที่จะหันกลับมามองจ้องหน้าของคุณแม่ป้ายแดงอีกหน
“เอ่อ..คุณยายจันทร์ ท่านจากไปอย่างสงบเมื่อเช้านี้ค่ะ”
จิณห์วรานิ่งอึ้งไปกลางอากาศ เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนลงอีกครั้ง เธอส่ายหน้าไปมาเบา ๆ เหมือนกับไม่เชื่อหู น้ำตาไหลพรากลงอาบแก้มเป็นทางยาว ริมฝีปากบางสั่นระริก หัวใจเหมือนหล่นวูบหายไปทั้งดวง ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองได้ยินเมื่อครู่นี้ มันคือความจริงหรือเพียงแค่หูแว่วไปเพียงเท่านั้นเอง
“ไม่จริงใช่ไหมคะหมอ ไม่จริง! ไม่ใช่ยายของหนูเขายังไม่ตาย!” น้ำเสียงที่สั่นเครือพยายามถามหมอย้ำซ้ำ ๆ อีกครั้ง
"เราเพิ่งได้รับแจ้งมาเหมือนกันค่ะ หมอยังตัดสินใจอยู่ว่าจะบอกคุณดีหรือเปล่า หมอเสียใจด้วยนะคะ คุณยายท่านไปสบายแล้ว"
“ไม่นะ ไม่จริง.. ยายหนูยังรออยู่ ยายยังต้องได้เจอลูกหนูนะคะหมอ”
หญิงสาวส่ายหน้าเบา ๆ ไม่อยากยอมรับ น้ำตาแห่งความเสียใจพรั่งพรูออกมาอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่ หมอเอื้อมมือมาจับมือของเธอเอาไว้เพื่อให้กำลังกับการสูญเสียในครั้งนี้
“สู้ ๆ นะคะ คุณแม่ยังต้องอยู่ต่อเพื่อลูก คุณยายท่านไปสบายดีแล้ว”
เธอที่เพิ่งคลอดชีวิตใหม่ให้ลูกสาว ในวันที่ต้องสูญเสียอีกหนึ่งชีวิตที่เธอรักที่สุดไปเหมือนกัน มันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยกับสภาพจิตใจของคุณแม่ที่เพิ่งคลอดลูกมาหมาด ๆ เพราะหมอก็รู้ดีว่าที่เธอต้องคลอดฉุกเฉินเมื่อวานนี้ เป็นเพราะเครียดหนักกับอาการป่วยของยายที่นอนพักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูมาหลายวัน
"ฮึก ฮือออ ทำไมทุกอย่างต้องเป็นแบบนี้นะ ทำไมยายไม่รอดูหน้าเหลนก่อน ต่อไปนี้ชีวิตหนูจะอยู่ยังไงจ๊ะยาย หนูกับลูกจะอยู่กันยังไง ฮืออออ…"
เสียงสะอื้นไห้ดังขึ้น เมื่อได้อยู่ตามลำพังกับลูกน้อยอีกครั้ง ในอ้อมกอดของเธอมีลูกสาวตัวน้อยที่ยังคงนอนหลับตาพริ้ม ไม่รับรู้เรื่องโลกภายนอกที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้เลยสักนิด
"แทนที่จะเป็นวันที่แม่มีความสุขที่สุด ทำไมมันถึงเจ็บปวดมากที่สุดแบบนี้ล่ะลูก แม่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไง เราสองคนจะมีความสุขอยู่บนโลกใบนี้ไปได้ยังไงกัน"
ตอนนี้เธอไม่รู้สึกเลยว่าแผลผ่าคลอดที่เพิ่งโดนกรีดมาเมื่อวานมันรู้สึกเจ็บมากแค่ไหน เพราะในเวลานี้หัวใจที่แตกสลายมันเจ็บปวดปางตาย มากกว่าแผลที่เพิ่งให้กำเนิดลูกน้อยเมื่อวานนี้หลายร้อยเท่าเลย…