ตอนที่16 ซ้ำเติมชีวิตที่โดดเดี่ยว

1557 คำ
3 วันต่อมา วัดประจำหมู่บ้านในเวลาช่วงสายของวันสุดท้ายของยายจันทร์ บรรยากาศวันนี้อึมครึมเหมือนท้องฟ้าเข้าใจความสูญเสียที่เกิดขึ้น ทุกอย่างเงียบเหงาราวกับโลกทั้งใบกำลังไว้ทุกข์ให้กับการจากไปของยายจันทร์อย่างพร้อมหน้า จิณห์วราสวมผ้าซิ่นสีดำเก่า ๆ กับเสื้อขาวเรียบ ๆ ที่ยายเคยถักทอเอาไว้ให้ ใบหน้าที่ดูเศร้าและอิดโรย ร่างกายที่ยังไม่ฟื้นจากการผ่าคลอดเต็มร้อย เธอกำลังก้าวเดินไปยังศาลาช้า ๆ ในอ้อมแขนมีลูกสาวตัวน้อยที่เพิ่งคลอดได้ 3 วัน แผลยังเจ็บร้าวในทุกย่างที่ก้าวเดิน แต่หัวใจของเธอกลับเจ็บปวดยิ่งกว่านั้นหลายเท่า คนในหมู่บ้านต่างแวะเวียนมาช่วยงานศพ ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีเสียงพูดคุยครึกครื้นเหมือนงานบุญทั่วไป เมื่อก้าวเข้าไปถึงศาลาวัดสายตาของจิณห์วราก็สั่นสะท้าน เห็นโลงไม้สีขาวที่ตั้งอยู่กลางศาลา กลิ่นธูปโชยเข้าจมูกมาแต่ไกล ราวกับจะตอกย้ำให้เธอต้องรับรู้ความจริงที่ไม่อยากยอมรับ “ยายจ๋า หนูกลับมาหาแล้วนะ” น้ำเสียงสั่นเครือพูดออกมาแทบไม่เป็นคำ น้ำตาเอ่อล้นพรั่งพรูออกมาอีกครั้งอย่างอดไม่ไหว เธอเดินไปนั่งคุกเข่าต่อหน้าโลงศพ อุ้มลูกสาวตัวน้อยไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะยกมือไหว้ยายทั้งน้ำตา “ยายทำไมไม่อยู่รอดูหน้าไอรินก่อน นี่ไงจ๊ะไอรินเหลนน้อยของยายทวด หนูพาเขามาหายายทวดแล้วนะจ๊ะ” เสียงสะอื้นไห้สลับกับเสียงร้องจ้าเล็ก ๆ ของทารกแรกเกิดดังให้ได้ยิน คล้ายกับว่ารับรู้ถึงความเศร้าโศกของผู้เป็นแม่เลย จิณห์วราก้มลงจูบหน้าผากลูกน้อย น้ำตาหยดลงบนแก้มใสของลูกน้อยจนเปียกชื้นไปหมด “นี่คือคนที่แม่รักที่สุดในโลก ยายทวดของหนูนะไอริน คนที่เลี้ยงดูแม่มา คนที่คอยกอดเรา คอยปลอบเรา คอยอยู่เคียงข้างแม่ทุกครั้งที่ร้องไห้ตั้งแต่กลับมาจากกรุงเทพฯ แต่หนูจะไม่มีวันได้เจอยายทวดแล้วนะลูก แม่เสียใจ แม่เสียใจที่สุดเลย” เสียงที่เปล่งออกมาขาดหายราวกับจะพูดไม่ได้อีกต่อไปแล้ว หัวใจมันปวดร้าวจนแทบหายใจไม่ออกเลยในตอนนี้ ภายในงานมีญาติผู้ใหญ่ที่รู้จักเพียงไม่กี่คนเดินเข้ามาลูบไหล่เพื่อให้กำลังใจ แต่ก็ไม่อาจปลอบประโลมหญิงสาวที่หัวใจแตกสลายได้ คุณแม่ป้ายแดงอุ้มลูกลุกยืนขึ้น ก่อนจะพาลูกน้อยเดินไปหยุดอยู่ด้านหลังของโลงศพแทน “ยายหนูอยากให้ยายรับรู้ว่าหนูจะเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด หนูจะทำให้ไอรินเป็นเด็กดีอย่างที่ยายอยากเห็น พวกเราคิดถึงยายนะ อยากกอดยายที่สุดเลย” เสียงร้องไห้จนแทบขาดใจก็ดังขึ้นให้ได้ยิน ร่างกายสั่นสะท้านแทบจะยืนทรงตัวเอาไว้ไม่ไหว เธอแนบใบหน้าเข้ากับโลงที่บรรจุร่างของยาย เหมือนอยากซึมซับความอบอุ่นของยายจันทร์อีกครั้ง แม้มันเป็นเพียงไม้แข็งที่เย็นชา แต่หัวใจเธอก็ยังโหยหาอ้อมกอดเดิมที่ไม่มีวันกลับมา ทารกน้อยในอ้อมแขนยังคงส่งเสียงร้องเบา ๆ คล้ายรับรู้บรรยากาศเศร้าโศกที่อบอวลรอบตัวอยู่ในตอนนี้ เสียงที่เป็นทั้งความเจ็บปวดและความหวังในเวลาเดียวกัน เมื่อถึงเวลาวางดอกไม้จันทน์ คนทั้งหมู่บ้านทยอยออกมาจนพร้อมหน้า จิณห์วราก้าวเท้าเข้าไปช้า ๆ อุ้มลูกแนบอกเข้ามาหาโลงยายอีกครั้ง มือที่สั่นระริกถือดอกไม้จันทน์ไว้แน่น เธอวางมันลงช้า ๆ ที่หน้าโลง น้ำตาไหลราวกับเขื่อนแตกแล้วก้มลงกระซิบที่ขอบโลงเบา ๆ “ยายจ๋าหลับให้สบายเถอะนะ หนูจะพยายามเข้มแข็ง แต่ถ้าวันไหนที่หนูอ่อนแอ หนูอยากให้ยายมาหาหนูในฝัน มาปลอบหนูเหมือนเมื่อก่อนด้วยนะ หนูรักยายนะจ๊ะ” ทันใดนั้นสายลมเย็นวูบหนึ่งก็พัดผ่านหน้าไปอย่างประหลาด เหมือนยายจันทร์รับรู้แล้ว จิณห์วรากอดลูกไว้แน่นเหมือนโอบอุ้มกำลังใจสุดท้ายที่เหลืออยู่ในโลกใบนี้เอาไว้เป็นที่พักพิงใจ ไม่ถึงห้านาทีบนเมรุเปลวเพลิงก็เริ่มลุกโชนในเตาเผา หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ไม่อายใครอีกต่อไป ร้องไห้เหมือนหัวใจถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ “หนูไม่มีใครเหลืออีกแล้วจริง ๆ นะ นอกจากลูกในอ้อมกอดนี่ หนูจะต้องอยู่ต่อไปยังไง หนูคิดถึงยายเหลือเกิน” ท่ามกลางเปลวเพลิงที่เผาผลาญร่างของคนที่เธอรักที่สุด เหมือนหัวใจของเธอถูกเผาไปด้วยทั้งดวงแล้วในตอนนี้ “บ๊ายบายนะยายจันทร์ ยายที่แสนดีที่สุดในโลกของหนู” ภาพสุดท้ายที่ติดตาคือควันสีเทาที่ลอยฟุ้งขึ้นสู่ท้องฟ้า ราวกับวิญญาณของยายที่กำลังเดินทางไปสู่ที่ที่สงบสุข แต่ทิ้งให้เธอกับลูกน้อยต้องเผชิญชีวิตต่อไปด้วยหัวใจที่บอบช้ำที่สุดในเวลานี้ ทุกคนทยอยแยกย้ายกันกลับบ้าน เหลือเพียงหัวใจของจิณห์วราที่เจ็บหนัก อ้อมกอดที่เคยอบอุ่นที่สุดในชีวิตไม่มีอีกแล้ว บ้านไม้เก่าหลังนั้นคือสิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่เป็นความทรงจำดี ๆ แต่ใครจะคาดคิด เมื่อหญิงสาวอุ้มลูกกลับไปถึงบ้านหลังนั้น ความจริงที่โหดร้ายกว่าก็รออยู่ตรงหน้า “จีน่า แกยังมีหน้ากลับมาเหยียบบ้านนี้อีกหรือไง!” จิณห์วราอุ้มลูกไว้แนบอก น้ำตายังล้นเอ่อท่วมดวงตา ใบหน้าซีดเผือดมองจ้องน้าสาวที่ยืนเท้าเอวมองพวกเธอด้วยสายตาที่เย็นชามาก “น้าลำไยอย่าพูดแบบนั้นเลยนะ บ้านหลังนี้ยายสร้างมาด้วยมือของแก อยู่มาตั้งแต่หนูจำความได้ หนูขออยู่ที่นี่กับลูกต่อเถอะนะจ๊ะ” น้ำเสียงสั่นเครืออ้อนวอนขอขึ้นเบา ๆ แต่แทนที่จะได้รับความสงสาร กลับโดนถ้อยคำแหลมคมแทงใจชวนให้เจ็บปวด “ฉันไม่ใช่ยายแกนะ ฉันไม่ได้ใจดีอะไรขนาดนั้น ฉันไม่เคยชอบที่จะมีหลานอย่างแกมาอยู่ร่วมบ้านนี้ด้วยกันเลย ฉันเลี้ยงแกช่วยยายมาครึ่งค่อนชีวิต ต่อไปนี้ก็ต่างคนต่างอยู่เถอะจีน่า” “แต่หนูเป็นคนใช้หนี้ให้นะน้า หนูก็มีสิทธิ์ที่จะอยู่สิ” จิณห์วราพยายามสวนกลับด้วยความจริงที่เพิ่งเกิดขึ้น “หึหึ! มันก็สมควรแล้วไง หนี้แม่แกทำเอาไว้เองนะ เป็นลูกก็ใช้มันก็ถูกต้องแล้วนังจีน่า! เงินแกใช้หนี้ก็จริงแต่บ้านหลังนี้ ที่ดินผืนนี้มันเป็นชื่อฉัน มันเป็นของแม่ฉัน ฉันมีสิทธิ์จะให้ใครอยู่หรือไม่อยู่ก็ได้ ไสหัวออกไปซะ!” จิณห์วราน้ำตาร่วงหล่นลงอาบแก้ม มองจ้องน้าสาวด้วยความเสียใจและไม่อยากจะเชื่อหู เธอกอดลูกสาวแน่นจนตัวสั่น “แต่น้าลำไยจ๊ะ หนูอยากให้ลูกได้โตที่นี่ อยู่กับร่องรอยของยาย ได้เห็นต้นไม้ที่ยายปลูก ได้หายใจกลิ่นอายที่ยายเคยอยู่ได้ไหมจ๊ะ” “ไม่ได้! แกอย่ามาอ้างยายเลยว่ะ ยายตายไปแล้วก็จบกัน! ตั้งแต่วันนี้ไปแกไม่ต้องกลับมาเหยียบที่นี่อีก ของ ๆ ฉันมันคือของฉัน แกเข้าใจไหมนังจีน่า!” เสียงตะคอกกลับหนักแน่นเหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจ จิณห์วรารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังถล่มทับ เธอก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียใจ พยายามร้องขอความเห็นใจจากเขาที่เป็นน้าสาวร่วมสายเลือด “น้าลำไยหนูเพิ่งคลอดลูกนะ แผลยังไม่หายดีเลยด้วยซ้ำ น้าจะให้หนูกับลูกไปอยู่ที่ไหน หนูไม่มีใครเหลือแล้วนะจ๊ะน้า” “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ! อย่ามาเกะกะบ้านฉันเลย ออกไปให้พ้น!” คำว่า ออกไปให้พ้น! ดังสะท้อน ก้องเหมือนประตูทุกบานในชีวิตถูกปิดตายลงในทันที และไม่ถึงนาทีต่อมา ตุ๊บ! เสียงกระเป๋าเป้ใบเล็กที่สะพายมาจากกรุงเทพในครั้งนั้น ถูกโยนลงตรงหน้าของสองแม่ลูกอย่างแรง “ไม่ต้องเสียเวลามาเก็บเองหรอก ของแกทุกอย่างฉันยัดใส่ไว้ให้หมดแล้ว พอกันทีกับชีวิตที่ต้องมีแกมาอยู่เป็นญาติ!” ประตูไม้เก่า ๆ ถูกปิดลงใส่หน้าทั้งสองแม่ลูก ดวงตากลมโตที่เอ่อล้นไปหยาดน้ำตา มองจ้องหน้าลูกสาวสลับกับประตูบานนั้นด้วยความเศร้าใจ “ทำไมถึงไม่มีใครอยากให้เราสองคนอยู่ในชีวิตพวกเขาเลยนะลูก” ริมฝีปากอวบอิ่มขบเม้มเข้าหากันแน่น โอบอุ้มลูกสาวตัวน้อยเข้ามาในอ้อมอกอย่างสิ้นหวัง แต่ในความเจ็บปวดนั้นกลับมีเสียงหนึ่งกระซิบในใจ เสียงที่แข็งแรงกว่าความอ่อนแอใด ๆ ต่อให้ไม่มีใครเหลือ เราก็ยังมีลูกและลูกก็มีเรา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม