ใช้เวลาไม่นานนริศราก็เดินทางมาถึงคอนโดของปาวลิน ระหว่างเลี้ยวรถเข้าจอดที่ลานจอดรถก็พบว่า ปาวลินกับกอบัวกำลังขนกระสอบพลาสติกที่บรรจุเสื้อผ้านักแสดงอยู่ข้างในลงจากท้ายรถกระบะสี่ประตูสีขาว ทำให้เธอรีบลงไปขนของเหล่านั้นช่วยเพื่อนทันที
“ปุณณ์ บัว มาฉันช่วยยก”
“มาแล้วเหรอฟ้า เป็นไงบ้างรถติดมั้ย” ปาวลินวางถุงกระสอบเสื้อผ้าลงกับพื้นพร้อมๆ กับกอบัว แล้วยกหลังมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นล้อมกรอบหน้าไปด้วย
ย่านที่ปาวลินอาศัยอยู่เป็นใจกลางเมืองรถค่อนข้างหนาแน่น ถ้าเป็นช่วงเวลาคับขันจะเดินทางมาละแวกนี้ต้องเผื่อเวลาเอาไว้เกือบสองชั่วโมงเลยทีเดียว
“ติดแต่ไม่เท่าไหร่ แล้วนี่ก้อนหินหายไปไหนอ่ะ ไม่มาช่วยเหรอ”
นริศราถามถึงเพื่อนผู้ชายที่เป็นลูกเจ้าของคอนโดแห่งนี้ ซึ่งรับปากเอาไว้ว่าจะมาช่วยขนของ แต่ยังไม่เห็นแม้เงา ศิลาเรียนอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ แต่เขาก็รู้จักมักจี่กับสาวๆ กลุ่มนี้เป็นอย่างดี ด้วยว่าเคยเรียนวิชาเลือกเสรีด้วยกัน ช่วงที่หานักแสดงมาร่วมถ่ายหนังทั้งสามจึงอ้อนวอนให้ศิลามาช่วยแสดง เพื่อลดต้นทุนค่าตัวนักแสดง โดยศิลาก็ตลกขอรับค่าจ้าด้วยการให้พวกเธอเลี้ยงเหล้าเป็นการตอบแทน
“หินเอาของไปส่งให้แม่ของเขาอีกตึกน่ะ นายนั่นบอกให้รอแต่เราเกรงใจเลยขนเอง” ปาวลินเล่าพลางเช็ดเหงื่อตัวเองไปพลาง ส่วนกอบัวก็ถามขึ้นอีก
“ไปติดต่อสถานที่เป็นยังไงบ้าง เรียบร้อยดีใช่มั้ยฟ้า”
“จ้า เรียบร้อยแล้ว เราสามารถถ่ายทำได้ถึงสองวันเชียวนะ แต่ฉันคิดว่าแค่วันเดียวก็เสร็จแล้วล่ะ”
ทั้งสามคุยกันไปพลางหิ้วถุงกระสอบใบใหญ่ช่วยกัน ซึ่งทั้งหมดเป็นพร็อพสำหรับใช้ในการถ่ายทำหนังสั้น
“ฟ้า! ไม่ต้องยกนะ เราเรียกพี่ๆ มาช่วยยกแล้ว”
ระหว่างที่สามสาวกำลังลากถุงเสื้อผ้าเอาเข้าไปในคอนโด ศิลาก็เดินกลับมาพอดี พร้อมกับทีมรักษาความปลอดภัยของคอนโดอีกสามคน ที่นี่เป็นคอนโดของครอบครัวชายหนุ่ม จึงไม่แปลกเลยที่เขาจะเรียกใช้คนที่นี่ได้อย่างสบายๆ
“โห ขอบคุณนะ นี่อีกนิดเดียวมดลูกก็เคลื่อนลงไปอยู่ตาตุ่มแล้ว”
ทุกคนต่างหัวเราะร่วนกับคำพูดของปาวลิน เธอค้อมศีรษะให้แล้ววางถุงเสื้อผ้าลงหน้าลิฟต์ ส่งต่อให้ชายฉกรรจ์ยกขึ้นไปบนห้อง ส่วนตัวเองก็หันไปหยิบผลไม้แช่เย็นที่ศิลายื่นให้ไปกินระหว่างรอ
“ปลายฟ้านี่แตงโมสีน้ำผึ้งของโปรดเธอ”
“ว้าว น่ากินจัง” รอยยิ้มสดใสฉายอยู่บนใบหน้า แล้วหยิบถุงแตงโมสีเหลืองไปกินระหว่างรอลิฟต์ โดยไม่ลืมที่จะแบ่งให้กอบัว แล้วหันไปขอบคุณศิลาด้วยรอยยิ้มหวานแหวว
“ขอบคุณนะหิน”
ห้องพักของปาวลินถูกใช้เป็นสถานที่ประชุมโพรเจกต์จบส่วนที่เหลือ พวกเธอทำหนังสั้นรณรงค์เมาไม่ขับซึ่งเหลืออีกไม่กี่ฉากก็ถ่ายทำเสร็จแล้ว
เสียงคลิกเมาส์เลื่อนดูสตอรี่บอร์ดของหนังที่กำลังถ่ายทำอยู่ นริศราไล่ดูเหตุการณ์เทียบเคียงกับสตอรี่บอร์ดที่ทำไว้ ก่อนจะสรุปงานให้เพื่อนร่วมชะตากรรมรู้ความคืบหน้าเพิ่มเติม
“สรุปตอนนี้เราเก็บอีกแค่สองฉากก็จบเรื่องเลย”
“ใช่ เหลือฉากที่ตัวเอกจะต้องไปเรียนที่มหาวิทยาลัย แบบขาข้างซ้ายเข้าเฝือก...ฉากขับรถชน อันนี้ใช้สแตนด์อิน” ปาวลินบอกรายละเอียดซึ่งกอบัวก็ยกมือขึ้นชี้แจง
“ฉันติดต่อเรื่องนี้ขอเข้าเฝือกโรงพยาบาลเอาไว้แล้ว วันถ่ายทำหินต้องไปเข้าเฝือกตอนเก้าโมงเช้า นายโอเคนะ”
“อือ..ได้สิ แต่ฟ้าไปกับเรานะ เรากลัว” คนว่ายิ้มกริ่มใช้แขนเท้าคางหันไปทางนริศรา ในแววตาเปล่งประกายไปด้วยความรักอย่างชัดเจน
“น้อยๆ หน่อย กลัวทำไมมันเป็นของปลอม”
“ไม่เป็นไรหรอกกอ” นริศรายิ้มบางๆ แล้วหันไปพยักหน้าให้ศิลา “เดี๋ยวฟ้าไปด้วย จะได้บอกพี่หมอทำเจ็บๆ ให้”
“หินเจ็บฟ้าก็ต้องดูแล”
“โอ๊ย หมั่นไส้วุ้ย สองคนนี้เลิกจีบกันสักที” ปาวลินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามขัดจังหวะขึ้น เมื่อเห็นศิลาเอาแต่หยอดคำหวานเลี่ยนจีบนริศรา แต่จีบมาทั้งปีก็ยังจีบไม่ติดสักที กลายเป็นตอนนี้งานจะไม่เสร็จแทน
“เอาล่ะๆ แล้วสถานที่เป็นยังไงบ้างฟ้า” คราวนี้เป็นกอบัวที่แทรกขึ้นอย่างเป็นงานเป็นการ ต่างจากศิลากับปาวลินที่เริ่มโยนเครื่องเขียนใส่กันไปมา ราวกับเด็กอนุบาลอายุไม่เกินหกขวบ
“สถานที่เมื่อกี้คุณเลขาไลน์มาแจ้งว่าเขาย้ายลานกิจกรรมแล้ว เราสามารถถ่ายทำได้เท่าที่ต้องได้ใช้เลย ฉันว่าฉากขับรถบนถนนถ่ายช่วงสาย ส่วนฉากไปเรียนคงต้องเป็นช่วงเที่ยง ตอนนั้นนักศึกษาจะนั่งอยู่ใต้อาคารเรียนเยอะหน่อย เราจะใช้ฝูงชนตรงนี้ช่วยในเรื่องส่งอินเนอร์ที่แสดงออกตอนเห็นศิลาด้วย”
นริศราอธิบายเพิ่มเติม ในเรื่องศิลาซึ่งรับบทแสดงเป็นตัวเอกในเรื่อง ขับรถชนนักศึกษาสถาบันเดียวกันเพราะเมาแล้วขับ หลังจากกลับมาเรียนบรรยากาศจึงเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
ครืดๆ ครืดๆ
“แป๊บนะ ฉันไปรับโทรศัพท์ก่อน สายนี้มาจากต่างประเทศ พวกแกปรึกษากันไปนะอย่ามัวแต่จีบกันล่ะ”
ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของปาวลินก็ดังขึ้น เธอไม่อยากรบกวนเพื่อนจึงลุกออกไปรับสายตรงนอกระเบียงห้อง
“เห็นว่าเป็นฟ้านะเนี่ยเลยช่วยแบบไม่คิดค่าตัว”
คนฟุบหน้าหนุนแขนราบไปกับโต๊ะกระจกเอ่ยอย่างกระเง้ากระงอด ศิลาย่นจมูกโด่งคมสันใส่นริศรา ทำท่าทางน่าเอ็นส่งไปให้เธอ ท่ามกลางสายตาหมั่นไส้ของกอบัว แม้ไม่เคยได้รับกลับคืนแต่ในเมื่อน้ำหยดลงหินทุกวัน หินมันยังกร่อน นับประสาอะไรกับใจผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างนริศรา จะใจอ่อนให้เขาไม่ได้เชียวเหรอ
“ขอบคุณนะที่ช่วยพวกเรา ไม่อย่างนั้นคงต้องเสียเงินไปจ้างนักแสดงอีก”
“ก็เราทำเพื่อฟ้าไง นี่เรียนจบแล้วต้องไปช่วยงานที่บ้านจริงจัง คงไม่ค่อยมีเวลาได้เจอกันอีก”
โป๊ก!
“โอ๊ย!อะไรเนี่ยกอ”
ศิลายังพูดไม่จบก็มีดินสอสองบีลอยเด่นมาตกลงกลางศีรษะดับฝันเสียก่อน ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นกอบัวที่แกล้งขัดจังหวะเขาด้วยความหมั่นไส้
“น้อยๆ หน่อยก้อน นายไม่ได้เป็นอะไรกับยัยฟ้าสักหน่อย ทำมาเป็นอาลัยอาวรณ์”
“ก็จีบอยู่นี่ไงกอ วู้!”
‘ก้อน’ เป็นชื่อย่อที่กอบัวใช้เรียกก้อนหิน เช่นเดียวกับที่เขาเรียกกอบัว ว่า ‘กอ’ เฉยๆ นั่นล่ะ
“เอาล่ะๆ ทะเลาะกันอีกแล้ว งั้นเอาอย่างนี้ดีมั้ยฟ้าเลี้ยงหนังตอบแทนที่หินมาช่วย”
นริศรายื่นข้อเสนอที่ทำให้ศิลาถึงกับตาลุกวาว ดันกายลุกขึ้นนั่งตัวตรงอย่างร่าเริง ต่างจากตอนคุยกับกอบัว
“ไปวันนี้เลยได้มั้ย เราว่างพอดี”
“มีอะไรกันเหรอ จะไปไหนกัน” ปาวลินเดินเข้ามาพอดีจึงถามด้วยความสงสัย
“ไปดูหนัง ฟ้าจะเลี้ยงฉัน”
“อารมณ์ไหนฟ้า อยากเลี้ยงหนังคุณวิศวะเถื่อนนี่”
ปาวลินเดินกลับมานั่งเก้าอี้ตัวเดิม สายตาก็จับจ้องอยู่ที่ใบหน้าคมของศิลา ซึ่งกำลังทำท่าปาดคอหอยส่งไปให้เธอ ผู้หญิงในกลุ่มชอบเรียกศิลาว่าวิศวะเถื่อน เพราะเขามีรอยสักที่ต้นแขน ซึ่งมองดูแล้วดูเป็นผู้ชายแบดบอยเหมือนตัวร้าย แต่กร้าวใจสาวๆ จนหัวกระไดคอนโดไม่แห้ง
“ก็หินอุตส่าห์มีน้ำใจมาช่วยงานเรา ค่าจ้างก็ไม่เอาเลยอยากเลี้ยงหนังด้วย”
“แหม...เลี้ยงทั้งเหล้า เธอยังใจดีเลี้ยงหนังด้วย”
“งั้นไม่ต้องเลี้ยงเหล้าแล้ว ให้ฟ้าเลี้ยงหนังจบเลย” ศิลาตัดบทแบบว่าง่าย ทำให้ปาวลินพยักหน้ารับอย่างขันแข็ง
“โอ้โห คนประเภทนายศิลาแฟนตายไม่เสียดายเท่าเหล้าหก ปฏิเสธดีกรีเว้ยเฮ้ย!”
ใบบัวเอ่ยขำพลางรวบเอกสารบนโต๊ะลงกระเป๋า ส่วนศิลาก็จิ๊ปากใส่ปาวลินที่มาขัดคอระหว่างคุยกับนริศรา ใครๆ ก็รู้ดีว่าศิลาเป็นสายปาร์ตี้ แต่ครั้งนี้เลือกดูหนังกับนริศราแบบไม่ต้องคิดเยอะ นั่นเพราะเขาพยายามจีบนริศราอยู่ยังไงล่ะ
“ถ้าอย่างนั้นไปกันเลยมั้ย วันนี้เราว่างพอดี”
“เอ่อ...ขอเป็นหลังถ่ายทำเสร็จได้มั้ย วันนี้ฟ้ามีธุระต่ออ่ะ”
นริศราจำใจต้องปฏิเสธทั้งๆ ที่เป็นคนเสนอเอง ธุระของเธอก็คงหนีไม่พ้นการกลับไปเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำกับข้าวให้ปราณเพลิงเย็นนี้
“อืม ...งั้นเอาที่ฟ้าสะดวกก็ได้”
สุดท้ายศิลาก็ต้องรับปากอย่างไม่มีทางเลือก จากนั้นทุกคนก็ช่วยกันเก็บขอแล้วแยกย้ายกัน ซึ่งมีศิลาคอยถือของให้ โดยระหว่างที่เดินออกจากห้องพักของปาวลิน กอบัวก็สะกิดที่แขนนริศราแล้วกระซิบบอกข้างหู
“ฉันรู้นะว่าก้อนหินคิดกับแกมากกว่าเพื่อน แกไม่ลองรับรักเขาดูล่ะ มันอาจจะดีกว่าอยู่เป็นโสดก็ได้นะ”
นริศราไม่ได้ตอบกลับอะไรนอกจากพยักหน้าให้เบาๆ แล้วเดินตามศิลาเข้าไปในลิฟต์ เธอจะตอบรับรักศิลาได้ยังไง ในเมื่อหัวใจทั้งดวงของเธอมันมีแต่ผู้ชายอีกคนอยู่จนเต็มทุกห้องหัวใจ
เรื่องระหว่างสองคนไม่มีใครรู้นอกจากเพื่อนสนิทของปราณเพลิง แม้มีข่าวออกมาหนาหูว่าฝ่ายชายกับคบหาอยู่กับสาวนอกวงการ แต่ด้วยอิทธิพลในวงการสื่อของเขา ทำให้ไม่มีใครอยากเอาไปประโคมข่าว อีกทั้งปราณเพลิงไม่เคยบังคับการใช้ชีวิตของนริศรา เธอสามารถคบเพื่อน เที่ยวเล่น สังสรรค์ ไปไหนมาไหนได้ตามสบาย แต่ห้ามนอกใจนอกกายเด็ดขาด โดยเฉพาะเรื่องบนเตียงเธอต้องซื่อสัตย์ต่อเขาคนเดียวเท่านั้น