เช้าวันต่อมา
กุลพัทธ์รีบเดินทางมาที่สนามบินดอนเมืองอย่างเร่งรีบ เป้าหมายของเธอคือเดินทางสู่จังหวัดเชียงใหม่ ตอนนี้หน้าตาของหญิงสาวอิดโรยแทบไม่ได้นอน เธอคิดว่าเมื่อถึงเชียงใหม่แล้วเธอจึงจะโทรหามารดา และโทรไปลางานที่โรงพยาบาล ตอนนี้หญิงสาวต้องรีบหนีไปจากกรุงเทพให้เร็วที่สุด ก่อนที่เธอจะถูกบังคับให้แต่งงานกับเขา แล้วเขาแสดงอากัปกริยารังเกียจเธอชัดเจน ซึ่งเธอจะไม่ทนเห็นภาพแบบนั้นอีกแล้ว
เครื่องบินโดยสารภายในประเทศออกจากท่าอากาศยานดอนเมืองมุ่งตรงสู่จังหวัดเชียงใหม่ กุลพัทธ์หลับตาลงเพื่อพักสายตา ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาแค่ไม่กี่นาทีที่เครื่องจะลงจอดที่เชียงใหม่ แต่หญิงสาวก็ขอพักสายตาสักพัก พร้อมกับเตรียมตอบคำถามของมารดา เพราะหลังจากถึงเชียงใหม่เรียบร้อยแล้ว หญิงสาวจะรีบโทรหามารดาทันที
เสียงโทรศัพท์มือถือของคุณกุลธิดาดังขึ้นในช่วงเกือบเก้าโมงเช้า เมื่อเธอหยิบมาดูก็พบว่าปลายสายคือกุลพัทธ์บุตรสาวเพียงคนเดียวของท่าน คุณกุลธิดารีบกดรับสายทันที เพราะเธอยังรู้สึกเป็นห่วงบุตรสาวไม่หาย
“ว่าไงลูก” คุณกุลธิดากรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์มือถือราคาแพง
[แม่คะ เอยลาพักร้อนแล้วขอไปออกค่ายอาสาที่ต่างจังหวัดนะคะ] กุลพัทธ์กล่าวด้วยน้ำเสียงหม่น
“ทำไมเหรอลูก หนูมีปัญหาอะไรบอกแม่สิลูก” คุณกุลธิดาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตกใจ
[ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่ พอดีที่ดอยขาดหมอ แล้วเอยก็เลยอยากมาช่วยค่ะ] กุลพัทธ์ปดคุณกุลธิดา เพราะไม่ต้องการให้ท่านเป็นกังวล