เช้าวันถัดมา...
วริศเดินเข้ามาในออฟฟิศด้วยรอยยิ้มสดชื่นกว่าทุกวัน แต่แทนที่จะเดินตรงไปยังโต๊ะทำงานของตัวเองในฝ่ายบุคคลซึ่งอยู่ทางฝั่งซ้ายของออฟฟิศ ชายหนุ่มกลับเดินเลยตรงไปที่ฝ่ายบริหารซึ่งอยู่ลึกเข้าไป ในมือถือแก้วกาแฟแบรนด์ดัง หลังจากสืบรู้มาว่าคุณผู้ช่วยเลขานุการชอบดื่มกาแฟอเมริกาโนเย็นแบบหวานน้อย
“หวังว่าคุณขิงจะถูกใจ” วริศยิ้มให้แก้วกาแฟในมือ
เมื่อเดินมาถึงออฟฟิศฝ่ายบริหาร วริศเหลือบเห็นสาวใหญ่บุคลิกดี คุณเอมอร เลขานุการของท่านประธาน เช้านี้มีสีหน้ายุ่งกำลังก้มหน้าก้มตาวุ่นวายอยู่กับแฟ้มเอกสาร
“สวัสดีครับคุณเอม ขยันแต่เช้าเลยนะครับ”
แม้กำลังหาเอกสารบางอย่างที่คุณเตชัสโทร.มาสั่งให้เตรียมตั้งแต่เช้า ทว่าเลขานุการมืออาชีพก็เงยหน้าจากเอกสารขึ้นมายิ้มทักทายเพื่อนร่วมงานอย่างเป็นกันเอง
“สวัสดีค่ะคุณวริศ เอมก็ไม่ได้ขยันหรอกค่ะ แต่ท่านประธานสิคะ ให้หาแบบฟอร์มการปรับระดับชั้นงานเตรียมไว้ให้ วันนี้คุณเตจะเข้าออฟฟิศแต่เช้า”
วริศยิ้ม “ใครจะได้เลื่อนตำแหน่งกันครับ ทำไมฝ่ายบุคคลอย่างผมไม่เห็นทราบเรื่องเลย”
“อย่าว่าแต่ฝ่ายบุคคลยังไม่ทราบเลยค่ะ เอมก็เพิ่งทราบเรื่องตอนคุณเตโทร.มาสั่งงานนี่ละค่ะ”
ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวพับแขน สวมกางเกงสแล็กส์เนื้อดีสีดำ มีป้ายพนักงานคล้องคอพยักหน้า ไม่ได้ซักไซ้คุณเลขานุการใหญ่อีก คาดการณ์ได้ไม่ยากว่า ถ้าไม่มีข่าวมาถึงฝ่ายบุคคล นั่นคงเป็นการตัดสินใจเร่งด่วนของท่านประธาน เจ้าของขายาวเดินไปหยุดตรงโต๊ะทำงานของขวัญดาว ซึ่งปกติเธอมาทำงานเช้าเสมอ แต่วันนี้หญิงสาวยังมาไม่ถึง ซึ่งก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้ไม่รู้สึกเขิน
พอวริศวางแก้วกาแฟลงก็เอื้อมไปหยิบปากกากับกระดาษโพสต์อิตที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของขวัญดาวขึ้นมา ทว่ายังไม่ทันจดปลายปากกาลงบนกระดาษสีเหลืองอ่อน เสียงเอมอรก็ดังขึ้น
“คุณวริศซื้อกาแฟมาฝากน้องขิงเหรอคะ”
วริศที่กำลังจะวางแก้วลงบนพื้นที่ว่างบนโต๊ะทำงาน ชะงักหันกลับไปมองต้นเสียง
“ใช่ครับ”
เอมอรมีสีหน้าเปื้อนยิ้มเล็กน้อย ก่อนเอ่ยประโยคถัดมาที่ทำให้คนซื้อมาห่อเหี่ยว “ถ้างั้นกาแฟเย็นแก้วนี้คงต้องเป็นหมันแล้วค่ะคุณวริศ”
คนตั้งใจซื้อกาแฟมาฝากสาวถึงกับเบิกตากว้างน้ำเสียงผิดหวัง “ทำไมเหรอครับคุณเอม”
“ก็วันนี้น้องขิงเขาลากิจค่ะ”
วริศย่นคิ้ว รู้สึกเป็นห่วงเจ้าของโต๊ะทำงานขึ้นมาทันที ยังไม่ทันผ่านโปร ขวัญดาวก็ลากิจเป็นครั้งที่สองแล้ว เขาเกรงว่าจะมีผลกระทบต่อการประเมินผลทดลองงานของเธอ
แววตาห่วงใยสะท้อนออกมาก่อนจะเอ่ยขึ้น “ทำไมผมไม่เห็นใบลาคุณขิงเลยครับ แล้วอีกอย่าง คุณเอมน่าจะสะกิดคุณขิงบ้างนะครับ ว่าช่วงทดลองงานไม่ควรลาบ่อยๆ เพราะมันมีผลต่อการประเมิน”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ การลากิจของน้องขิงวันนี้คงไม่มีผลกระทบต่อการประเมินผลงาน เพราะคนที่โทร.มาลากิจให้น้องขิงวันนี้คือท่านประธานเองค่ะ”
“ท่านประธานโทร.มาลากิจให้คุณขิง!” วริศตกใจเมื่อได้ยินแบบนี้
“ใช่ค่ะ คุณเตขอให้น้องขิงช่วยดูแลน้องปลาวาฬ”
อีกฟากหนึ่ง
“นอนหลับแบบนี้น่ารักกันทั้งคู่ แหม ท่าทางสบายกันเชียว”
คนพูดอยู่ในชุดสูทสีเข้มหล่อเนี้ยบหย่อนบั้นท้ายลงข้างเตียง แล้วก้มลงไปหอมแก้มยุ้ยย้วยๆ ที่มีกลิ่นคาวน้ำลายน้อยๆ แต่เขากลับไม่นึกรังเกียจ ปกติแล้วเตชัสไม่ใช่สายรักเด็กแต่ก็ไม่ได้รังเกียจ เพราะเพื่อนๆ ที่หนีไปมีครอบครัวก่อน หอบบรรดาลูกลิงมาด้วยเวลามีนัดสังสรรค์กัน เขาจึงได้เปิดหูเปิดตาถึงระดับความซนของเด็กๆ หลายสิบคน ซึ่งไล่จาก...
เลเวล 0 - ไม่ซนเลย
เลเวล 1 - ซนพอเป็นพิธี หรือพอเป็นกระษัย
เลเวล 2 - ซนตามอายุ หรือตามวัย
เลเวล 3 - ซนเกินวัย เกินอายุ หรือเกินเด็ก
เลเวล 4 - ซนเกินคน หรือซนเหมือนลิง ซึ่งเด็กระดับนี้เข้าข่ายว่าจะกลายพันธุ์เป็นลิงในอีกไม่นาน
เลเวล 5 - ซนจนลิงอึ้ง ซึ่งระดับนี้ไม่ใช่แค่ลิงที่จะอึ้ง บรรดาผู้ใหญ่ถึงกับไมเกรนขึ้นกบาล
แถมเพื่อนบางคนยังบอกว่ามีระดับสูงกว่าที่เขาจัดให้ นั่นคือ เลเวล 10 - อภิมหาความซน หรือซนนรกแตก!
เตชัสไม่อยากนึกถึงความรู้สึกของคนเป็นพ่อแม่เด็กว่าจะปวดหัวแค่ไหน ขนาดเป็นคนนอก แค่เห็นเท่านั้น เขาก็แทบจะยกขาก่ายหน้าผากแทน
แต่ก็ใช่ว่าเด็กทุกคนจะซนทั้งหมด เพราะพอได้รับตำแหน่งคุณพ่อจำเป็น ความน่ารักน่าชังของเจ้าหนูปลาวาฬก็ลบภาพเด็กซนๆ ออกจากหัวเขาแทบจะหมดสิ้น จากนั้นความเอ็นดูมันก็เกิดขึ้นมาเอง ดวงตาคมปลาบเริ่มเปลี่ยนเป็นอบอุ่นยามมองที่ร่างกลมสมชื่อ
“เด็กอะไร หุ่นกับชื่อสมกันจริงๆ” เมื่อคืนเขาเห็นขวัญดาวจับน้องปลาวาฬนอนพลิกทางด้านซ้ายบ้าง ขวาบ้าง สลับกัน จึงถามว่าเพราะอะไรถึงต้องทำแบบนั้น เธอบอกว่าการจัดท่านอนให้เด็กตะแคงทางซ้ายและขวาเสมอๆ กันจะทำให้เด็กหัวทุยสวย
พอเจ้าวาฬยักษ์นอนตะแคงแบบนี้ แก้มยุ้ยๆ ที่เหมือนอมซาลาเปาเอาไว้ทั้งลูกก็ไปทับกับริมฝีปากแดงระเรื่อนั่น ทำให้ดูเหมือนปากลูกนกที่คอยให้พ่อนกแม่นกหาเหยื่อมาป้อน เตชัสย่นหัวคิ้วเมื่อเห็นว่าทารกยักษ์นอนหลับแต่กลับยิ้ม แล้วทำปากเหมือนกำลังดูดนม
“สงสัยฝันดีว่าได้ดูดนม อยากฝันแบบนี้บ้างจัง”
เขาพูดแล้วยกมือลูบศีรษะทุยๆ นั้นอย่างเบามือ ก่อนก้มลงไปหอมแก้มอีกฟอด เพิ่งได้สัมผัสกับเด็กใกล้ๆ แบบนี้ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเนื้อตัวเด็กเล็กจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ จนอยากฟัดแก้มทั้งสองข้างอีกหลายครั้ง แต่ดูเหมือนเจ้าวาฬยักษ์จะเริ่มรำคาญที่ถูกเขารบกวน เจ้าตัวกลมดิ้นหนีราวกับว่ากำลังจั๊กจี้ แล้วขึงตาจ้องเขา
“แอ้ แอ้”
แขนเป็นมัดปัดถูกหน้าหล่อๆ “ไม่ชอบถูกฉันฟัดว่างั้น” เตชัสหัวเราะที่เจ้าปลาวาฬมันทำแก้มพองใส่ ท่าทางมันจะรำคาญ หรือเพราะเขาไม่อ่อนโยนเหมือนผู้หญิง มันเริ่มอาละวาด พลิกตัวหนีเปลี่ยนเป็นนอนตะแคงหันหน้าไปทางขวัญดาว เตชัสมองตามแล้วเห็นร่างกลมดิ้นดุกดิกขยับตัวอ้วนๆ กระเถิบเข้าไปซุกอกคนหลับ สาวเจ้าก็ยกแขนกอดแล้วดึงไปแนบอกราวกับแม่ลูกนอนกกกอดกัน
“แหม…เจ้าวาฬขี้อ้อน ที่สาวๆ กระแซะเข้าหา ร้ายนัก”
เตชัสยิ้มอย่างชอบใจ สงสัยมันจะได้เชื้อลุงมันไปบ้าง แล้วหันไปล้วงหยิบโทรศัพท์จากเสื้อสูท เพื่อจะแอบถ่ายภาพความน่ารักนี้ไว้ ทว่าเมื่อเขาเปิดกล้องกำลังจะถ่าย เจ้าวาฬยักษ์กลับเอามือล้วงเข้าไปในคอเสื้อขวัญดาว ราวกับว่ามันกำลังควานหาขวดนม
“เฮ้ย! เจ้าปลาวาฬทำอะไร อย่านะ แบบนั้นไม่ได้นะครับ”
เตชัสยื่นมือไปจับแขนป้อม ๆ ที่ล้วงเข้าไปในเสื้อหญิงสาว เป็นเวลาที่ขวัญดาวปรือตาขึ้นมองแล้วเห็นว่าเตชัสกำลังยื่นมือจะล้วงเข้าไปในคอเสื้อเธอ
“คุณเต! จะทำอะไรฉันคะ” ส่วนเจ้าวาฬยักษ์ตกใจเสียงขวัญดาวจนหดมือที่ล้วงคอเสื้อกลับไปแล้ว จากนั้นก็หันพลิกไปอีกข้างเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น
“คือว่า...ผมจะล้วง...” ชายหนุ่มรีบดึงมือกลับ