ถูกลงโทษ

1953 คำ
ตอนที่ 2 ตอนนี้ฉันได้แต่นั่งทำตัวให้เล็กๆ อยู่ภายในห้องทำงานของเฮีย โดยมีสายตาดุๆ จากเจ้าของห้องจ้องมาที่ฉันอย่างไม่วางตา ฉันอยากจะบอกว่าเฮียของฉันน่ะเป็นคนใจดี มีเหตุผล ไม่เคยด่าฉันแรงๆ เลยสักครั้ง แต่เวลาที่เฮียนิ่งๆ แล้วมองฉันด้วยสายตาแบบนี้ มันกลับทำให้ฉันกลัวมาก กลัวแบบไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวไปไหน ทั้งๆ ที่ฉันไม่เคยกลัวอะไรเลยแท้ๆ แต่ตอนนี้ได้แต่นั่งนิ่งๆ และพยายามหาข้อแก้ตัวเพื่อเอาตัวรอด หรือไม่ก็รอรับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น... "บอกเฮียมาเจ้าขา ว่าวันนี้เราเข้ามาทำอะไรที่สนาม" เฮียเอ่ยถามฉันขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่แฝงไปด้วยความเยือกเย็น หลังจากที่นั่งมองฉันมาเงียบๆ สักพัก "จะ...เจ้าขาแค่เข้ามาเล่นเฉยๆ ค่ะ" ฉันก้มหน้าตอบเฮียไปเสียงเบาๆ "เข้ามาเล่น? แค่นั้นเองเหรอ" "ละ...ลงแข่งรถด้วยค่ะ" น้ำเสียงและสายตากดดันจากเฮียทำให้ฉันต้องพูดความจริงออกไป ให้ตายสิ ฉันไม่ชอบน้ำเสียงและสายตาของเฮียตอนนี้เลย "...? " "แล้วก็...มีเดิมพันนิดหน่อยๆ " "เราแหกกฎของสนามด้วยใช่ไหม" "จะ...เจ้าขาเปล่านะคะเฮีย เจ้าขาไม่ได้ทำ" ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธไปทันควันอย่างร้อนรน ฉันจะให้เฮียรู้ไม่ได้ว่าฉันทำแบบนั้น ไม่งั้นฉันต้องแย่แน่ๆ แค่คดีที่มีอยู่ตอนนี้ก็หนักพอตัวแล้วนะ ถ้ามีเรื่องแหกกฎเข้ามาอีก บอกเลยว่าวันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายที่ฉันได้ใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้... อีกแล้ว...สายตากดดันอีกแล้ว "จะสารภาพมาดีๆ หรือจะให้เฮียไปดูกล้อง" "เจ้าขาขอโทษค่ะเฮีย..." ฉันก้มหน้ามองมือตัวเองแล้วพูดออกมาเบาๆ เพราะตอนนี้ฉันไม่กล้าสบตาเฮียเลยจริงๆ ฉันไม่ได้เจอเฮียในโหมดนี้นานแล้วนะ ล่าสุดที่เจอก็ตั้งแต่ฉันเรียนม. ปลายเลย ตอนนั้นฉันก็แอบมาแข่งรถนี่แหละ ก็จะทำไงได้อะ ฉันมันเป็นพวกชอบความเร็วนี่นา ฉันก็เลยหาทางเข้ามาแข่งจนได้ทั้งๆ ที่อายุฉันก็ยังไม่ถึงเกณฑ์ที่สนามระบุไว้ว่าสามารถลงแข่งได้ด้วยซ้ำ แต่ฉันก็สามารถทำให้ตัวเองลงแข่งได้จนได้ แล้วบังเอิญตอนนั้นรถฉันดันเกิดอุบัติเหตุ แต่ก็ไม่ได้รุนแรงอะไรมากหรอก แค่กระดูกร้าวนิดหน่อย ทำให้ต้องแอดมิดนอนโรงพยาบาลไปสามสี่คืน เรื่องก็เลยถึงหูเฮีย พอเฮียรู้เรื่องก็ตามมาดุฉันที่โรงพยาบาลเลยทันที บอกเลยว่าฉันโคตรอายพยาบาลเลยตอนนั้น หลังจากวันนั้นฉันก็โดนห้ามเข้าไปเหยียบสนามอย่างเด็ดขาด แต่พอผ่านไปได้ไม่นาน ไม่ถึงปีด้วยซ้ำ ฉันก็แอบเข้ามาเรื่อยๆ พอไม่ถูกจับได้ก็เคยตัวไง เข้ามาซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนมาโดนจับได้วันนี้เนี่ยแหละ นี่ถ้าพวกนั้นมันไม่ชักช้าหรือฉันไม่เสี่ยงเข้ามาเอง วันนี้ฉันก็คงไม่โดนจับได้หรอก พลาดฉิบหาย! "รู้ใช่ไหมว่าสิ่งที่เราทำมันผิด" "...รู้ค่ะ" ฉันยอมรับไปด้วยสีหน้าหงอยๆ พยายามทำให้เฮียสงสาร เพราะว่า ณ. จุดนี้ต้องทำตัวให้น่าสงสารเท่านั้นค่ะ เผื่อเฮียอาจจะเห็นใจฉันขึ้นมาบ้าง "รู้แล้วทำไมยังทำ" "ก็พวกนั้นมันทำกับเจ้าขาก่อน" "? " "พวกนั้นมันพ่นควันใส่หน้ารถของเจ้าขา..." "แค่นั้น? " "...ค่ะ" "แล้วเรารู้ใช่ไหมว่าที่คนพวกนั้นทำ ถึงแม้จะจงใจ แต่มันก็ไม่ได้ผิดกฎของสนาม" "รู้ค่ะ" ต้องบอกก่อนนะคะว่ากฎของที่นี่มันจะแปลกๆ หน่อย เพราะว่ากฎเหล็กของที่นี่คือ 'ห้ามขับรถกระทบกระทั่งกันอย่างจงใจโดยเด็ดขาด' ถ้ามันเป็นอุบัติเหตุคณะกรรมการของที่นี่จะพิจารณาอีกที ทั้งนี้เพื่อรักษาความปลอดภัยของผู้แข่งในสนาม เพราะเหตุผลนี้เลยทำให้สิ่งที่พวกนั้นทำจึงไม่ผิด อ้อ! แต่ก็มีนะคะวันที่สนามจะปล่อยฟรีน่ะ ปล่อยฟรีในที่นี้ก็คือการแข่งรถแบบไม่สนกฎ และไม่สนอะไรทั้งนั้น แต่ต้องผ่านการอนุมัติจากเฮียหรือไม่ก็ป๊าเท่านั้น ถึงจะทำแบบนั้นได้ ฉันเคยเข้ามาดูครั้งหนึ่งกับป๊า บอกเลยโคตรมันส์ โคตรดุเดือด แล้วก็โคตรดี! "ตะ...แต่เจ้าขาไม่ได้ตั้งใจนะเฮีย" ฉันพูดขึ้นอีกครั้งเมื่อโดนเฮียจ้องด้วยสายตาที่ดุกว่าเดิม "ไม่ได้ตั้งใจ? " "...ตั้งใจก็ได้ค่ะ" สุดท้ายฉันก็โกหกเฮียไม่ได้เลยสักอย่าง "เฮียเคยพูดเคยบอกกับเจ้าขาแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าเราเป็นผู้หญิง และไม่ควรมาทำอะไรแบบนี้" "..." เอาแล้วค่ะ! มหกรรมการโดนเทศนาของเจ้าขาเริ่มขึ้นแล้ว โดยที่เฮียเจ้าขุนเป็นคนสวด "ไม่ใช่ว่าเฮียจะห้ามไม่ให้เราแข่งรถเลยนะ เราแข่งได้แต่ก็ควรอยู่ในความดูแลของเฮียกับป๊า ครั้งที่แล้วที่เข้าโรงพยาบาลไม่เข็ดเลยใช่ไหม ถึงได้แอบมาแข่งอีก" "ก็เจ้าขาชอบนี่คะ..." "เฮียรู้ว่าเราชอบ... เฮียถึงบอกว่าแข่งได้แต่ต้องอยู่ในความดูแลของเฮียกับป๊า แล้วเราเคยคิดไหมว่า...ถ้าเกิดเราเป็นอะไรขึ้นมา แม่กับป๊าจะเสียใจแค่ไหน" ฉันก้มมองมือตัวเองอย่างสำนึกในสิ่งที่เฮียพูด เพราะภาพป๊ากับแม่ตอนที่ฉันเข้าโรงพยาบาลตอนนั้นเริ่มฉายเข้ามาในหัวอีกครั้ง วันนั้นแม่ร้องไห้หนักมากเพราะคิดว่าฉันอาการหนัก ส่วนป๊าก็มีแววตาที่เป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัดเหมือนกัน "แล้วอย่าคิดว่าเฮียไม่รู้นะว่าที่ผ่านมาเราก็แอบเข้ามาที่นี่บ่อยๆ " "เฮียรู้!? " ฉิบหายแล้ว แล้ววีรกรรมแต่ละครั้งที่เข้ามานี่ไม่ใช่วีรกรรมที่เด็กๆ เขาทำกันด้วยนะ โว้ย! วันนี้มันจะซวยอะไรขนาดนี้วะ "พี่ธูปคือลูกน้องของเฮียนะเจ้าขา เรื่องแค่นี้ทำไมจะไม่รู้" "!? " ไม่ใช่ดิ! พี่ธูปเป็นลูกน้องเป็นคนของเฮียก็จริง แต่ก็โดนฉันซื้อตัวมาแล้ว แถมจ่ายแพงด้วยนะ นี่อย่าบอกนะว่า... "...ป๊าคงให้เงินค่าขนมเราเยอะไปสินะ ถึงได้มีเงินเหลือมาซื้อตัวลูกน้องเฮียไปแบบนี้" ชัดเจนเลยค่ะแบบนี้ ไอ้พี่ธูปมันหักหลังฉัน แล้วเรื่องที่บอกว่าป๊าให้ค่าขนมเยอะนี่ไม่จริงเลย เอาจริงๆ มันก็เยอะอยู่แต่มันก็ไม่พอหรอกสำหรับฉันน่ะ และเงินที่ฉันให้พี่ธูปทุกเดือนๆ ก็มาจากการแข่งรถนี่ทั้งนั้น "พี่ธูปนะพี่ธูป ฝากไว้ก่อนเถอะ! " ฉันพูดออกมาเบาๆ เหมือนพูดกับตัวเองมากกว่า แต่เหมือนเฮียจะสังเกตเห็นท่าทางของฉันมั้งเลยพูดขึ้นมาดักฉันไว้ "ไม่ต้องไปเอาเรื่องพี่ธูปเลยนะ เขาแค่ทำตามหน้าที่" หน้าที่บ้าอะไรล่ะ หน้าที่ของพี่ธูปสำหรับฉันก็คือคอยรายงานว่าเฮียจะเข้าสนามตอนไหน กับจัดการและปิดเรื่องที่ฉันสร้างไว้ให้เงียบที่สุด ไม่ใช่ให้ไปรายงานเฮียว่าฉันทำอะไร บอกเลยว่าตอนนี้ฉันโคตรเคืองพี่ธูปเลย "เฮียรู้ทุกครั้งที่เราแอบเข้ามา แล้วก็รู้ด้วยว่าเราทำอะไรไว้บ้าง แต่ที่เฮียไม่พูดก็เพราะว่าเฮียอยากให้เราคิดเอง สำนึกเอง และเรียนรู้เอง ว่าสิ่งที่เราทำมันส่งผลเสียให้กับคนอื่นแค่ไหน แต่ดูเหมือนเฮียจะคิดผิดไป เพราะถ้าไม่โดนจับได้เหมือนครั้งนี้ เราก็ไม่ได้มีท่าทีว่าสำนึกหรือคิดได้กับสิ่งที่ทำเลยสักครั้ง..." "เจ้าขาขอโทษค่ะ..." มันจริงอย่างที่เฮียพูดจริงๆ นั่นแหละ ถ้าวันนี้ฉันไม่โดนจับได้ ฉันก็จะไม่มีความรู้สึกผิดใดๆ ทั้งนั้นกับสิ่งที่ฉันทำ "เฮ้ออ..." เฮียถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจกับฉัน แต่ก็ยังมองฉันอยู่ไม่วางตาเหมือนเดิม "..." ส่วนฉันนั่งเงียบเมื่อทำอะไรไม่ได้ ก็เพราะว่าไม่ว่าจะเรื่องไหนที่เฮียพูดมาในวันนี้คือฉันผิดเต็มๆ เลยยังไงล่ะ "เฮียควรจะทำยังไงกับเราดีเจ้าขา ไหนลองบอกเฮียมาสิ" เฮียถามและยกมือขึ้นมากอดอกพลางทำสีหน้าเหมือนกำลังคิดว่าจะทำยังไงกับฉันดี เอาจริงๆ ฉันอยากจะพูดนะว่าไม่ต้องทำอะไรเลยได้ไหม แต่ดูจากท่าทางของเฮียตอนนี้แล้วคงจะไม่ได้หรอก ฉันก็เลยต้องนั่งเงียบเพื่อรอฟังบทลงโทษของตัวเอง "เทอมหน้าเราต้องฝึกงานแล้วใช่ไหม" แล้วอยู่ๆ เฮียก็พูดขึ้นมาหลังจากเงียบคิดไปสักพัก "...ใช่ค่ะ" ตอนนี้ฉันเรียนอยู่ปีสาม แต่ก็จะจบปีสามแล้วล่ะ เพราะเหลืออีกไม่กี่วันฉันก็จะสอบเสร็จและปิดเทอม แต่เทอมหน้าที่ฉันต้องขึ้นเป็นปีสี่ ฉันต้องฝึกงานน่ะสิ ซึ่งฉันก็คิดไว้แล้วว่าฉันจะฝึกที่ไหน และแน่นอนว่าฉันเลือกที่จะฝึกบริษัทของครอบครัวตัวเองอยู่แล้ว เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะว่าคนในบริษัทต้องไม่กล้าใช้งานฉันแน่ๆ ฉันก็จะได้ไม่ต้องทำอะไรเลยยังไงล่ะ พอไม่ต้องทำอะไรฉันก็จะมีเวลาไปทำอย่างอื่น เป็นไง ฉันฉลาดไหม "จะมาฝึกที่บริษัทใช่ไหม" "ใช่ค่ะ ก็ที่เจ้าขาเคยบอกเฮียไง" ฉันเคยบอกเฮียไปแล้วนะเรื่องที่ฉันจะเข้าไปฝึกงานที่นั่นน่ะ แต่ถ้าเฮียถามฉันแบบนี้แล้วยิ่งในสถานการณ์แบบนี้แล้วด้วย มันทำให้ฉันเริ่มรู้สึกไม่ดียังไงไม่รู้ "อืม เฮียจำได้ว่าเราบอกเฮียแล้ว แต่..." "? " "เฮียจะลงโทษเรา...โดยให้เราไปฝึกที่บริษัทอื่นแทน" "เฮีย! แต่เจ้าขาหาที่อื่นไม่ทันแล้วนะ! " ฉันรีบพูดขึ้นเสียงดังทันทีเมื่อเฮียพูดจบ เพราะที่มหา'ลัยเขาให้ส่งชื่อองค์กรหรือบริษัทที่จะฝึกได้ถึงพรุ่งนี้ยังไงล่ะ ถามว่ามหา'ลัยให้เวลาส่งนานไหม ตอบได้เลยว่านาน ซึ่งฉันก็ได้ที่จะฝึกแล้วไงก็เลยไม่รีบ ผลัดวันมาเรื่อยๆ จนจะถึงวันสุดท้ายแล้ว แล้วถ้าให้เปลี่ยนตอนนี้มันก็ไม่ทันแล้วป้ะ กว่าฉันจะเข้าไปติดต่อที่บริษัทใหม่อีก แล้วอีกอย่างนะ ถ้าไม่ใช่บริษัทที่ฉันมีอำนาจฉันจะทำอะไรได้สะดวกเหรอ มันฝึกตั้งสี่เดือนเลยนะเว้ย "ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเรื่องนั้นเฮียจัดการให้" "เฮีย! ไม่เอานะ! เจ้าขาอยากฝึกที่บริษัทเรา" "อย่าคิดว่าเฮียไม่รู้นะว่าที่เราอยากมาฝึกที่บริษัทเรา...เราคิดอะไรอยู่" เฮียพูดขึ้นมาอย่างรู้ทัน ฉันจึงชักสีหน้าและมองเฮียอย่างไม่พอใจ "ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลย เราโตแล้วนะเจ้าขา หัดออกไปเรียนรู้และใช้ชีวิตข้างนอกบ้าง ไม่ใช่อะไรๆ ก็จะใช้แต่อำนาจของป๊า" "เจ้าขาไม่คุยกับเฮียแล้ว! " _____โปรดติดตามตอนต่อไป_____ ฝากกดหัวใจให้ด้วยนะค้าาา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม