ถูกลงโทษ (2)

1664 คำ
ตอนที่ 3 อึก! อึก! อึก! "เบาๆ หน่อยโว้ย นี่มึงเล่นแดกคนเดียวจนจะหมดขวดอยู่แล้วนะ" ไม้เอกหรือไอ้เอกเพื่อนสนิทของฉันร้องทักขึ้นมา เมื่อฉันยกแก้วเหล้าขึ้นมากระดกจนหมดแก้วอีกครั้งหลังจากที่พึ่งยกไปได้ไม่นาน "เรื่องของกู" ฉันตอบมันไป "แต่มันเปลือง เหล้ามันแพงมึงเข้าใจป้ะ" ไอ้ขี้งก!! "เดี๋ยวกูจ่ายเอง" "นั่นแหละครับเพื่อนรัก เยี่ยมเลย! " ฉันตวัดสายตามองหน้ามันอย่างเซ็งๆ เพราะฉันก็หมดคำจะพูดกับคนอย่างมัน บ้านก็รวยฉิบหาย แต่โคตรขี้งก แล้วที่มันบอกว่าเหล้าแพงไม่ใช่ไรหรอก มันแค่อยากจะกินเหล้าฟรี เป็นแบบนี้ประจำ จนฉันชินแล้ว แต่อย่าพึ่งมองว่าไอ้เอกมันเป็นคนไม่ดีนะ ถึงมันจะไม่ดีจริงๆ ก็เถอะ แต่มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก มันก็เสียแค่เรื่องนี้แหละ นอกนั้นก็ดีหมดนะ...เอ่อ...แค่สำหรับฉันนะ แล้วอย่าคิดว่าฉันเป็นคนที่ใจดีมากถึงขนาดเลี้ยงเหล้าเพื่อนบ่อยๆ นะ เพราะที่ฉันพูดว่าฉันจะจ่ายเองน่ะ ฉันไม่ได้เป็นคนจ่ายจริงๆ หรอก คนจ่ายจริงๆ คือเฮียเจ้าขุนต่างหาก ง่ายๆ คือฉันลงบัญชีเป็นชื่อเฮียไว้นั่นแหละ ถึงผับนี้จะเป็นของลุงคิงที่เป็นพี่ชายของพ่อฉันก็จริง แต่การที่เข้ามากินเหล้าแบบนี้ก็ไม่ได้มากินฟรีๆ หรอกนะ เพื่อความเป็นระบบระเบียบและง่ายต่อการทำบัญชี ก็ต้องจ่ายทุกคน ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใคร เป็นลูกหรือเป็นหลานก็ตาม เป็นไงครอบครัวฉัน บอกเลยว่างกกันทุกคน แล้วที่ฉันลงบัญชีเฮียไว้แบบนั้น ก็ไม่ใช่ว่าเฮียจะไม่รู้นะ เฮียรู้ทุกครั้งนั่นแหละ แต่ก็แค่บ่นฉันนิดๆ หน่อยๆ มันไม่ได้สะเทือนฉันหรอก แล้วสุดท้ายก็จ่ายให้อยู่ดี เพราะแค่กินเหล้ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เฮียกับป๊าไม่ได้ห้ามที่ฉันกินเหล้าเข้าผับอะไรพวกนี้หรอกนะ ขอแค่ไม่ไปสร้างปัญหาแล้วก็ไม่ไปมีเรื่องกับใครก็พอ ซึ่งฉันก็ไม่หาเรื่องใครก่อนอยู่แล้วถ้าไม่มาหาเรื่องฉันก่อน...มั้งนะ ไม่แน่ใจกับตัวเองเหมือนกัน แต่ที่ผับนอกจากกินเหล้าเฮฮาปาร์ตี้แล้ว ฉันก็ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรน่าทำเลยจริงๆ หรือว่าฉันไม่หาอะไรทำเองนะ... "เป็นไรวะ" นั่งกินไปสักพักไอ้เอกมันก็ขมวดคิ้วถามมาอย่างสงสัย พูดง่ายๆ ก็คือขี้เสือกนั่นแหละ มันคงจะสังเกตจากสีหน้าของฉันนั่นแหละมั้ง ถึงได้ถามแบบนี้ "เซ็ง" "เซ็งเรื่อง? " "ก็เรื่องที่กูเล่าให้มึงฟังนั่นแหละ" ฉันเล่าเรื่องวันนี้ที่สนามให้มันฟังหมดแล้ว และเพราะเรื่องนี้แหละที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันต้องมานั่งกินเหล้าเซ็งๆ อยู่ตอนนี้ "แค่นั้น? " "เออ" "ก็ไม่เห็นต้องเครียดขนาดนี้เลยปะวะ ก็แค่เปลี่ยนที่ฝึกงาน ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย" "มึง แต่แผนที่กูเคยวางไว้มันพังหมดเลยนะเว้ย มึงคิดดูว่าถ้ากูไปฝึกงานที่บริษัทอื่นกูจะหารายได้ได้ยังไง" ไปฝึกงานที่อื่นนอกจากจะใช้อำนาจไม่ได้แล้ว ก็อาจจะได้ทำงานหนักมากๆ อีกทั้งยังจะโดนใช้งานจากมนุษย์ป้าในนั้นอีก แค่คิดก็สยองแล้วมะ "ห่วงรายได้ ว่างั้น? " "ก็เออสิ! มึงก็รู้ว่าของที่กูอยากได้ครั้งนี้ราคามันไม่ใช่เล่นๆ เลยนะเว้ย กูต้องเก็บเงินอีกเยอะมากๆ กูถึงจะซื้อมันได้" ฉันเคยบอกไปแล้วใช่ไหมว่าเวลาที่ฉันอยากได้อะไร ฉันมักจะได้เก็บเงินซื้อเองเสมอ เพราะป๊าไม่ซื้อให้ แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งก่อนๆ น่ะสิ เพราะของที่ฉันอยากได้มันคือรถ แล้วก็ไม่ใช่รถยนต์ธรรมดาๆ อย่างคนทั่วไปขับหรอกนะ มันคือรถสปอร์ตที่ต้องสั่งนำเข้าจากต่างประเทศเท่านั้น แถมยังมีแค่ยี่สิบคันทั่วโลก และที่สำคัญมันราคาสูงมาก สูงมากจริงๆ และแน่นอนที่สุดคือ...หนึ่งในยี่สิบมันต้องเป็นของฉัน แต่ก็เหมือนว่า...ตอนนี้มันจะไม่ได้แล้ว ตอนแรกฉันวางแผนเอาไว้ว่าถ้าฝึกงานอยู่ที่บริษัทของครอบครัวตัวเองมันก็อู้ได้ไง สบายๆ ไม่มีใครกล้าใช้งานฉันแน่นอน หรือถ้ามีงานที่ฉันต้องทำจริงๆ ดีไม่ดีมีคนในแผนกอาจจะเสนอตัวมาทำให้ฉันด้วยซ้ำ เพราะอยากได้หน้ากันไง สังคมการทำงานมันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะบริษัทใหญ่แค่ไหนก็ต้องมีคนพวกนี้ปนอยู่ทุกที่นั่นแหละ และที่สำคัญฉันไม่ได้จะฝึกอยู่ตึกเดียวกันกับเฮียด้วย มันเลยเป็นอะไรที่ง่ายมากถ้าฉันจะแอบออกไปข้างนอกบ่อยๆ และเฮียก็งานเยอะมากคงไม่มีเวลามาดูฉันตลอดเวลาหรอก ถ้ามันเป็นแบบนี้นะ ภายในเวลาสี่เดือนที่ฉันฝึกงาน ฉันคิดว่าฉันน่าจะเก็บเงินซื้อรถได้มากถึงประมาณเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เลยล่ะ แต่สุดท้ายแผนที่ฉันคิดไว้ทั้งหมดมันก็พัง พังแบบพังเละเลย "แล้วมึงไม่ขอพ่อมึงซื้อเลยวะ" ไอ้เอกมันยังคงถามฉันต่อ และเป็นคำถามที่ปัญญาอ่อนมาก "ถ้าพ่อกูให้กูง่ายๆ กูคงไม่ต้องมานั่งแดกเหล้ากับมึงแบบนี้หรอก ถามอะไรไม่คิด" "เออ กูลืมไปว่าพ่อมึงเลี้ยงลูกไม่เหมือนคนอื่น" ก็ไม่เชิงว่าไม่เหมือนคนอื่นนะ แค่คนส่วนมากไม่เป็นเหมือนพ่อฉันเท่านั้นเอง "แล้วแม่ล่ะวะ ทำไมมึงไม่ลองคุยกับแม่ดู เผื่อจะได้" ไอ้เอกเสนอทางเลือกอีกทาง แต่... "ถ้าพ่อกูไม่อนุญาตใครก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้นแหละ" ป๊าตามใจแม่มากก็จริงนะ แต่ถ้าป๊าบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้ คือฉันก็ลองมาหมดแล้วเหมือนกัน ไอ้การหลอกล่อให้แม่ไปคุยให้เนี่ย แต่ก็ไม่ได้ผล อ้อ! ได้อยู่ครั้งหนึ่งตอนม. ต้น แต่ก็แค่ผ้าใบคู่ละห้าหกพันแค่คู่เดียว พ่อก็เลยใจอ่อน นอกนั้นก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า "หรือไม่มึงก็ลองคุยกับพี่มึงดูอีกทีดิ เผื่อจะเปลี่ยนใจให้มึงฝึกที่บริษัทเหมือนเดิม" "ไม่เอาอะ กูโกรธเฮียอยู่" ฉันโกรธจริงนะ คือลงโทษอย่างอื่นก็ได้ ทำไมต้องเป็นเรื่องนี้ด้วย ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ถ้าเป็นเรื่องอื่นก็ยังน่าจะพอทำใจยอมรับได้ แต่เรื่องนี้มันยอมรับยากจริงๆ นะ แม่งเอ๊ย คือรถน่ะฉันอยากได้มากๆ แล้วคือฉันเฝ้ารอคอยมาตลอดว่ามันจะผลิตเมื่อไหร่ แล้วพอมันมีข่าวออกมาว่ากำลังเริ่มผลิต ฉันก็เลยวางแผนรีบเตรียมเงินให้พร้อม แล้วพอเฮียมาทำแบบนี้ บอกเลยว่าฉันโคตรๆ เฟล! "...งั้นกูก็ขอให้มึงโชคดีละกันนะจ๊ะเพื่อนรัก" เมื่อคิดอะไรช่วยฉันไม่ออก ไอ้เอกมันก็พูดขึ้นมาพลางทำเสียงกวนตีนล้อเลียนฉัน "โชคดีพ่อง! " Patter talk. ตอนนี้ผมก็อยู่ที่สนามแข่งรถของไอ้เจ้าขุน เนื่องจากวันนี้เป็นวันที่เพื่อนๆ ในแก๊งของผมมีนัดปาร์ตี้สังสรรค์ ที่มักจะมีขึ้นทุกเดือน คือทุกๆ หนึ่งเดือนต้องมีหนึ่งวันที่พวกผมต้องออกมาเจอกันให้ครบ แต่จริงๆ แล้วพวกผมก็นัดเจอกันบ่อยนะ แต่มันก็จะมากันไม่ครบ เนื่องจากพวกเราทุกคนทำงานกันแล้ว จึงมีเวลาว่างไม่ตรงกัน "วันนี้มึงจะลงแข่งไหม ถ้าไม่กูจะลง" เสียงไอ้วินเซนต์เอ่ยถามไอ้จีโน่ขึ้นทันที เมื่อเห็นไอ้จีโน่กับไอ้เจ้าขุนเดินเข้ามาในห้องรับรองพิเศษ ที่พวกผมใช้เป็นสถานที่ในการสังสรรค์และดูการแข่งรถในสนาม "ไม่ว่ะ มึงลงเลย วันนี้กูเหนื่อย" จีโน่ตอบ "มึงไปทำไรมาวะ" ไอ้ทราฟฟิคหันไปถามจีโน่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นทันที "ไม่" จีโน่ตอบ "ไม่รู้? " "ไม่ยุ่งสิค้าบ~" "สัส! ไอ้เด็กเวร! " "ฮ่าๆๆๆๆ " จากนั้นทุกคนก็ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ "วันนี้ผมแค่ไม่อยากแข่ง มันเซ็งๆ ยังไงไม่รู้" หลังจากที่ทุกคนหยุดหัวเราะ ไอ้จีโน่ก็หันไปพูดกับไอ้ทราฟฟิค "ทำไมวะ โดนทิ้งมา? " "ก็ไม่เชิงว่ะพี่" จีโน่ยกมือลูบท้ายทอยตัวเอง "เฮ้ย! ถามจริง มึงมีแฟนเหรอวะ" ไอ้ทราฟฟิคถามขึ้นมาอย่างตกใจ ส่วนไอ้จีโน่ก็เอามือลูบต้นคอตัวเองเบาๆ เหมือนกำลังคิดแล้วหันมาหน้าไอ้ผมแวบนึง ก่อนมันจะกลับไปตอบไอ้ทราฟฟิค "ไม่มีอะ แหะๆ " ผั้วะ! แล้วมันก็โดนไอ้ทราฟฟิคตบหัวไป ก่อนที่ด่าไปอีกหนึ่งที "ไอ้เวร! " "ไร้สาระ" ผมบ่นขึ้นมาเบาๆ และส่ายหัวไปมาอย่างเอือมๆ พลางกระดกเหล้าขมๆ ลงคอ "เออไอ้พัตเตอร์ กูมีเรื่องจะคุยกับมึงหน่อยว่ะ" ผมหันไปมองหน้าไอ้เจ้าขุนทันทีที่มันพูดจบ มีเรื่องจะคุยกับผมงั้นเหรอ เรื่องอะไร ผมเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ เป็นเชิงถามมันว่ามีเรื่องอะไร "เรื่องน้องกู..." "!? "
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม