ตอนที่ 4
ผมทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาในห้องทำงานของไอ้เจ้าขุน และมองหน้ามันเพื่อรอว่ามันมีเรื่องอะไรจะคุยกับผม รอไม่นานไอ้เจ้าขุนมันก็เริ่มพูดเปิดประเด็นขึ้นมา
"กูมีเรื่องอยากจะให้มึงช่วย เรื่องน้องกู"
"คนไหน? " ผมถามมันกลับไปอย่างนิ่งๆ ที่ผมถามมันว่าคนไหน ก็เพราะว่าคนที่มันเรียกว่าน้องก็มีอยู่สี่คนคน คือเจ้าขาที่เป็นน้องแท้ๆ ของมัน กับจันทร์เจ้า ไอ้ซิกซ์เซ้นส์และจินที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของมัน ผมก็เลยไม่แน่ใจว่าน้องที่มันกำลังพูดถึง มันหมายถึงน้องคนไหน
"เจ้าขา"
"อืม แล้วจะให้กูช่วยเรื่องอะไร"
"ตอนนี้ที่บริษัทของมึงมีนโยบายรับเด็กฝึกงานไหม" ไอ้เจ้าขุนมันถามผม
"ไม่" ผมตอบมันกลับไปทันที เพราะบริษัทผมไม่เคยมีนโยบายรับเด็กฝึกงานเลย แล้วก็ไม่คิดจะมีด้วย เพราะผมมองว่าเด็กฝึกงานมีแต่จะสร้างความวุ่นวาย และความล่าช้าให้กับบริษัทของผม ผมก็เลยไม่เคยอนุมัติให้มีนโยบายรับเด็กฝึกงาน
"แต่กูอยากจะให้มึงช่วยรับเจ้าขาเข้าไปฝึกงานที่บริษัทมึงหน่อยจะได้ไหมวะ"
"ทำไม" ผมถามอย่างไม่เข้าใจ ทำไมต้องมาฝึกที่บริษัทของผม ทั้งๆ ที่จะฝึกที่บริษัทตัวเองก็ได้
"คืองี้..."
จากนั้นมันก็เล่าให้ผมฟัง ว่าน้องมันไปทำอะไรเอาไว้บ้าง และคิดจะทำอะไรบ้างถ้าเกิดว่าเจ้าขาได้ฝึกงานในบริษัทของครอบครัวตัวเอง คือผมก็เข้าใจไอ้เจ้าขุนนะ เพราะเท่าที่ผมเคยเจอเจ้าขา ก็น่าจะแสบเอาเรื่องอยู่ แต่ก็มีเรื่องที่ผมไม่เข้าใจอยู่เรื่องหนึ่งคือ...
"แล้วทำไมต้องเป็นบริษัทกู" ทำไมต้องให้มาฝึกงานที่บริษัทผม ทั้งๆ ที่บริษัทของเพื่อนคนอื่นก็มี อย่างบริษัทไอ้ทราฟฟิคงี้ บริษัทมันมีนโยบายรับเด็กฝึกงานทุกปี แถมยังสนับสนุนเต็มที่เลยด้วยซ้ำ ทำไมไม่ไปฝากไอ้ทราฟฟิค จะเอามาฝากผมทำไม
"เพราะกูไว้ใจมึงไง" มันตอบผมมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"มึงจะบอกว่ามึงไม่ไว้ใจไอ้ทราฟ" ผมเลิกคิ้วขึ้นพร้อมถามมัน
"ก็ไม่เชิงว่ากูไม่ไว้ใจมันหรอก แต่จากที่กูเห็น...ไอ้ทราฟกับเจ้าขาเข้ากันได้ดีจนเกินไป กูว่ามันคุมเจ้าขาไม่อยู่หรอก" ก็จริงอย่างที่มันพูด ไอ้ทราฟกับเจ้าขาก็น่าจะพอๆ กันนั่นแหละ เพราะไม่ว่าเจ้าขาจะทำอะไร ไอ้ทราฟมันก็เห็นดีเห็นงามไปด้วยหมด แถมยังชอบใจมากด้วยซ้ำ
แตกต่างจากผมที่ไม่ค่อยชอบเด็กอย่างเจ้าขาเท่าไหร่... ไม่สิ ต้องบอกว่า ไม่ชอบเลยด้วยซ้ำ
"แล้วมึงคิดว่ากูจะคุมน้องมึงได้? "
"กูก็ไม่ค่อยแน่ใจหรอก แต่จากที่กูดูๆ มา กูคิดว่ามึงน่าจะคุมน้องกูได้มากที่สุดแล้ว"
"..? "
"เพราะกูดูจากนิสัยของมึง กูคิดว่ามึงไม่น่าจะชอบคนที่นิสัยเหมือนเจ้าขา" ใช่แล้วครับ เด็กที่สร้างแต่ความวุ่นวาย อยู่ด้วยก็มีแต่จะปวดหัว
"แล้ว? "
"กูก็เลยคิดว่า ฝากเจ้าขาไว้กับมึงน่าจะดีที่สุด" ก็คงอาจจะเป็นเพราะผมไม่ค่อยคุยไม่ค่อยยุ่ง และไม่ได้สนิทกับเจ้าขาด้วยนั่นแหละ กอปรกับนิสัยของผมที่ไม่ชอบอะไรแบบนั้น มันคงจะคิดว่าเพราะผมไม่ชอบ แล้วยิ่งถ้าน้องมันสร้างปัญหา ผมก็คงจะต้องหาวิธีจัดการ...ไอ้เจ้าขุนมันคงคิดแบบนี้สินะ
"มึงโอเคหรือเปล่า"
ถ้าถามว่าผมอยากรับน้องมันมาฝึกงานที่บริษัทไหม ผมตอบได้เลยว่าไม่ ยังไงผมก็ยังมองว่าเด็กฝึกงานไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับบริษัทผมขนาดนั้น อีกทั้งเด็กฝึกงานคนนี้อาจจะสร้างปัญหาในบริษัทผมอีกต่างหาก
แต่ในเมื่อเจ้าขุนมันเอ่ยปากขอผมขนาดนี้ ผมก็คงต้อง..
"ไว้เดี๋ยวกูจะเก็บไปคิดดูอีกที เดี๋ยวกูบอกละกัน" พอผมพูดจบเสียงโทรศัพท์ของไอ้เจ้าขุนก็ดังขึ้นพอดี มันหยิบขึ้นมาดูว่าใครโทร. มาก่อนจะหันมาพูดกับผม
"กูฝากด้วย"
ผมก็พยักหน้ารับนิ่งๆ จากนั้นมันก็ลุกออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอก
หึ! เด็กฝึกงานงั้นเหรอ ผมโคตรเกลียดเลยล่ะ
แต่...แค่รับน้องไอ้เจ้าขุนเข้ามาแค่คนเดียว มันคงไม่เสียหายเท่าไหร่หรอกมั้ง...
Patter talk end.
.
หนึ่งเดือนต่อมา~
รอยยิ้มเล็กๆ เริ่มผุดขึ้นมาบนใบหน้าของฉัน เมื่อฉันรู้ว่าบริษัทที่ฉันต้องมาฝึกงานคือบริษัทสายการบินยักษ์ใหญ่อย่าง Pt.Airline ของพี่พัตเตอร์เพื่อนสนิทของพี่เจ้าขุน ตอนแรกฉันก็เครียดอยู่ตั้งนานว่าจะได้ไปฝึกที่บริษัทไหนไกลๆ กับคนที่ไม่รู้จัก แต่ที่ไหนได้...หึๆ
ถึงแม้จะไม่ใช่บริษัทของครอบครัวตัวเองอย่างที่ตั้งเป้าเอาไว้ในตอนแรก แต่เป็นของเพื่อนพี่เจ้าขุนแบบนี้ ก็คงพอจะทำอะไรได้บ้างแหละนะ ขึ้นชื่อว่ารู้จักกับผู้บริหารซะอย่าง เด็กเส้นน่ะรู้จักป้ะ ฮ่าๆๆ
เอ่อ...ถึงแม้ฉันจะไม่ได้รู้จักหรือสนิทกับพี่พัตเตอร์มากก็เถอะ ไม่ดิ ไม่สนิทเลยด้วยซ้ำ! ก็เวลาเจอกันทีไรก็เห็นทำเหมือนไม่ค่อยจะอยากพูดอะไรกับฉันเท่าไหร่หรอก มีแต่ปั้นหน้านิ่งๆ ใส่ ฉันก็เลยไม่ค่อยกล้าที่จะเข้าไปคุยด้วย แต่ต่อไปนี้คงต้องเข้าไปคุยด้วยบ่อยๆ แล้วล่ะมั้ง จะได้สนิทกันไว้ คิกๆ
"เอ่อ...สวัสดีค่ะพี่ พี่พอจะทราบไหมคะว่าเด็กฝึกงานที่มาวันแรกต้องไปรายงานตัวที่ไหน" ฉันเดินตรงเข้ามาถามพี่ผู้หญิงที่นั่งประจำอยู่ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ เพราะฉันไม่รู้ว่าควรจะไปทางไหนน่ะสิ บริษัทใหญ่ขนาดนี้ ฉันก็ไปไม่ถูกหรอกนะ
ที่สำคัญฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าฉันต้องฝึกที่แผนกไหน จะได้ทำอะไรบ้าง และจะตรงกับที่ฉันเรียนมาหรือเปล่า และฉันก็ไม่รู้ว่าเฮียไปคุยกับเพื่อนเขาให้ว่ายังไงด้วย
"ฮะ! เด็กฝึกงาน!? " พี่ประชาสัมพันธ์มองหน้าฉันอย่างงงๆ งงทำไมอะคะ
"ใช่ค่ะ หนูมาฝึกงานที่บริษัทนี้ และวันนี้ก็เป็นวันแรก หนูก็เลยไม่รู้ว่าต้องไปตรงไหน"
"น้องฝึกที่นี่แน่เหรอคะ บริษัทของเราไม่เคยมีนโยบายรับเด็กฝึกงานนะคะ"
ฮะ! หมายความว่าไง!? ไม่มีนโยบายรับเด็กฝึกงาน แต่เฮียบอกให้ฉันมาฝึกที่นี่คืออะไร เจ้าขาเริ่มงงแล้วนะ
"งั้นรบกวนพี่ลองติดต่อพี่พัตตะ...เอ่อ...ติดต่อประธานบริษัทให้หนูหน่อยได้ไหมคะ" คือฉันคิดว่าพี่พัตเตอร์น่าจะยังไม่ได้แจ้งคนในบริษัทปะว่ารับเด็กฝึกงาน เพราะถ้าพี่พัตเตอร์ไม่รับ เฮียคงไม่กล้าบอกฉันมาหรอกจริงไหม
"งั้นรอแป๊ปนึงก่อนนะ เดี๋ยวพี่ลองโทร. ขึ้นไปถามข้างบนให้"
พี่ประชาสัมพันธ์ทำหน้างงๆ ก่อนยกโทรศัพท์ภายในขึ้นมาแนบหู
"ค่ะ" จากนั้นฉันก็ยืนรอพลางยกนาฬิกาข้อมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่อยากจะบอกเลยนะคะว่ามาฝึกงานวันแรก ฉันก็สายเลยค่ะ!
ไม่ใช่สายเพราะมาไม่ถูกหรือหลงทางหรอกนะ แต่มันสายเพราะฉันไม่รีบเอง แล้วก็ไม่ได้สายแค่สิบยี่สิบนาทีด้วย แต่มันสายไปตั้งสองชั่วโมงแล้ว เวลาเข้างานคือแปดโมงตรง แต่ตอนนี้สิบโมงนิดๆ แล้ว และในเมื่อมันได้สายแล้ว ฉันก็เลยปล่อยให้มันสายไปเลย ไม่ได้มีความรีบอะไรทั้งนั้นที่ตัวเองมาฝึกงานสาย...ชิลล์ค่ะชิลล์
"น้องคะๆ ท่านประธานบอกให้น้องขึ้นไปพบท่านประธานที่ห้องข้างบนก่อนค่ะ" และรอไม่นานพี่ประชาสัมพันธ์ก็วางสายโทรศัพท์และพูดบอกฉัน
"อ๋อ...ขอบคุณค่ะ ว่าแต่ว่าห้องท่านประธานนี่อยู่ชั้นไหนเหรอคะพี่"
"ชั้นยี่สิบห้าจ้ะ ชั้นบนสุดเป็นชั้นผู้บริหาร เดินออกจากลิฟต์แล้วเดินตรงไปอีกนิด ก็จะเจอเลย"
"อ๋อ ขอบคุณนะคะพี่"
จากนั้นฉันก็เดินมาขึ้นลิฟต์แล้วกดไปยังชั้นที่พี่คนนั้นบอก และระหว่างที่อยู่ในลิฟต์ฉันก็พลางคิดหาคำแก้ตัวไปด้วย เรื่องที่มาสายวันนี้แถมยังเป็นวันแรกซะด้วย เรื่องหาคำแก้ตัวแบบนี้เจ้าขาถนัดโคตรๆ เลยนะจะบอกให้
"เอ่อ..สวัสดีค่ะพี่ ท่านประธานบอกให้หนูขึ้นมาพบค่ะ" พอเดินมาถึง ฉันก็แจ้งกับเลขาที่นั่งอยู่หน้าห้องท่านประธานด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าอ่อนน้อมสุดๆ
"รอแป๊ป" แต่เจ๊แกกลับมองแรงใส่ฉันซะงั้น ฉันว่าฉันยังไม่ได้ทำไรให้เลยนะ แล้วมามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นหมายความว่ายังไง แถมน้ำเสียงฟังดูก็รู้ว่าไม่ได้เต็มใจจะคุยกับฉันเลยสักนิด
เหอะ! ยายเจ๊ปากแดงเอ๊ย!
ฉันแอบเบ้ปากให้เจ๊แกเบาๆ เพราะวันนี้เป็นวันเริ่มต้นที่ดีของฉัน เอ่อ..ถึงแม้จะสายไปหน่อยก็เถอะ ฉันจะปล่อยเจ๊แกผ่านไปก่อนละกัน แต่ถ้ามีอีกเจ้าขาคนนี้รับประกันได้เลยว่ายายเจ๊คนนี้ได้ทำงานอย่างไม่มีความสุขแน่ๆ
"ตามเข้ามา" พูดจบเจ๊ปากแดงก็เดินนำฉันไปเปิดประตูห้องประธานบริษัท แล้วหันมาทำสายตาจิกๆ ใส่ฉันเพื่อให้ฉันเดินตามเข้าไปข้างใน
"ค่ะ! " หึๆ ส่วนฉันก็ยิ้มให้เจ๊แกไปแบบประชดพร้อมพูดกระแทกเสียงเบาๆ แล้วเดินตามเจ๊แกเข้าไป
"นี่น้องนักศึกษาฝึกงานค่ะท่านประธาน"
โอ้โฮ! น้ำเสียงกับท่าทางของเจ๊แกโคตรต่างกับที่พูดกับฉันเมื่อกี้เลยนะ! นี่มันสองมาตรฐานชัดๆ!
"อืม...ออกไปทำงานต่อเถอะ" พี่พัตเตอร์พูดกับยายเจ๊ปากแดงไปด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ก่อนที่ยายเจ๊จะหมุนตัวกลับไป แต่ก็ไม่วายหันมามองฉันด้วยสายตาที่โคตรไม่เป็นมิตรเลย
ชิ! ฉันเลิกสนใจยายเจ๊ปากแดง แล้วหันกลับมาสนใจพี่พัตเตอร์ที่กำลังนั่งมองฉันอยู่... ก่อนจะพูดทักทายพร้อมกับยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
"สวัสดีค่ะพี่พัตเตอร์"
"ท่านประธาน"
"!? "
"เรียกฉันว่าท่านประธาน เพราะที่นี่คือที่ทำงาน จะไม่มีพี่หรือน้องอะไรทั้งนั้น"
_____โปรดติดตามตอนต่อไป_____
ฝากกดหัวให้ใจด้วยน้าา