เข้าใจ แต่ไม่ทำตาม

1856 คำ
ตอนที่ 5 "สวัสดีค่ะพี่พัตเตอร์" "ท่านประธาน" "!? " "เรียกฉันว่าท่านประธาน เพราะที่นี่คือที่ทำงาน จะไม่มีพี่หรือน้องอะไรทั้งนั้น" พี่พัตเตอร์พูดสวนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบและสีหน้านิ่งๆ ทันทีที่ฉันพูดจบ ทำเอาฉันถึงกับสตั้นไปเลย เพราะไม่คิดว่าจะโดนตอกหน้ากลับมาแบบนี้ นอกจากจะไม่รับคำทักทายของฉัน และไม่คุยเล่นกับฉันเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ของพี่เจ้าขุนแล้ว แถมยังหยิ่งใส่ฉันอีกต่างหาก แต่ไม่เป็นไร เพื่ออนาคตที่ดีอีกสี่เดือนของเจ้าขา ต้องหน้าด้านเข้าไว้ หึๆ "แหม๋~ พี่เตอร์ก็ อย่าเข้มงวดกับเจ้าขามากสิคะ คนกันเองน่า" จะไม่ให้มีพี่มีน้องได้ยังไงกัน ก็ในเมื่อคนมันจะตีสนิทอะ จะให้เรียก ท่านประธานงั้นเหรอ ห่างเหินเป็นบ้าเลย แล้วอีกอย่างเรียกพี่พัตเตอร์ก็จะดูเรียกยากไป ขอเรียกพี่เตอร์เลยละกัน เรียกง่ายดี แถมยังดูสนิ๊ทสนิทกันอีกด้วย "ฉันไม่ชอบพูดซ้ำ" ชิ! เสียงแข็งเป็นบ้าเลย อีกทั้งยังส่งสายตาดุๆ มาให้ฉันด้วย แต่มีหรอที่คนอย่างเจ้าขาจะกลัว เพราะคนอย่างฉันไม่เคยกลัวอะไร...ยกเว้นเฮียเจ้าขุน! "ก็ไม่ต้องพูดสิคะ เจ้าขาเข้าใจค่ะ" ฉันพูดแล้วยิ้มพร้อมกับมองหน้าพี่เตอร์ไปด้วย "เข้าใจ? " พี่เตอร์ขมวดคิ้วถามพลางมองฉัน ประมาณว่าเข้าใจแล้วจริงๆ เหรอ เหมือนไม่เชื่อว่าฉันจะเข้าใจอะไรได้ง่ายๆ "ค่ะ เจ้าขาเข้าใจแล้ว" ฉันเข้าใจที่พี่เตอร์พูดจริงๆ แต่แค่เข้าใจเฉยๆ นะ ไม่ได้คิดจะทำตาม "อืม เข้าใจก็ดี" พี่เตอร์พยักหน้าลงเล็กน้อย ส่วนฉันก็ค่อยๆ เดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามพี่เตอร์อย่างถือวิสาสะและไม่รอให้เจ้าของห้องเชิญนั่ง เพราะดูเหมือนพี่เตอร์จะไม่มีวี่แววว่าจะบอกให้ฉันนั่งเลย ฉันก็เลยต้องหน้าด้านเดินมานั่งเอง ให้ยืนนานๆ มันก็เมื่อยนะคะ แล้วอีกอย่างยืนคุยกับผู้ใหญ่มันไม่ดีนะเด็กๆ พี่เตอร์ก็มองฉันที่มานั่งลงตรงหน้าอย่างไม่วางตาเหมือนกัน สีหน้าก็เหมือนจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นะที่ฉันมานั่งตรงนี้โดยที่ไม่ได้รับอนุญาต อะไรวะ!? แค่นั่งก็ไม่ได้เหรอ หยิ่งไม่พอยังขี้งกแม้กระทั่งที่นั่งด้วยเหรอวะเนี่ย แต่... "^^" ยิ้มเข้าไว้ หน้าด้านเข้าไว้ เขาหยิ่งแบบนี้ได้ไม่นานหรอก เชื่อสิ แล้วพี่เตอร์ก็หันไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ข้างห้องก่อนจะหันกลับมามองฉันด้วยสายตาที่แบบ...เหมือนจะหงุดหงิด "เอ่อ...คือว่า...เจ้าขาน่ะ..." "เรียนอะไรมา" แต่ในขณะที่ฉันกำลังจะพูดแก้ตัวเรื่องการมาสายของฉัน พี่เตอร์ก็ปรับสีหน้าให้กลับมานิ่งเหมือนเดิมก่อนจะถามฉันขึ้นมาเสียงนิ่งปนดุนิดนึง "เรียนการตลาดมาค่ะ" ฉันตอบไป "อืม งั้นก็ไปฝึกที่ฝ่ายการตลาด เดี๋ยวจะให้เลขาของฉันพาไป" ยัยเจ๊ปากแดง! จะต้องเจอกันอีกแล้วเหรอวะเนี่ย!? "อ๋อค่ะ...แล้ว...เจ้าขาต้องได้ทำอะไรบ้างเหรอคะ" ที่ถามนี่ต้องการแนวทางในการวางแผนการล้วนๆ ไม่ได้ตื่นเต้นกับการทำงานใดๆ ทั้งสิ้น! "แล้วทำอะไรเป็นบ้าง" จริงๆ งานที่เกี่ยวกับการตลาด ฉันก็ทำเป็นเกือบหมดเลยนะ เพราะนอกจากจะเรียนมาแล้ว ยังได้เข้าไปช่วยป๊าทำบ้าง ฉันก็เลยได้เรียนรู้มาเยอะพอสมควร แต่จะตอบแบบนั้นไม่ได้สิ... "เอ่อ...ไม่เป็นเลยค่ะ พี่ตะ...เอ่อ..ท่านประธาน" เกือบแล้ว เกือบหลุดเรียกพี่เตอร์ไปแล้วมั้ยล่ะ "ไม่เป็น? " พี่เตอร์ถามกลับมาแล้วมองฉันเหมือนไม่ค่อยเชื่อ "ค่ะ ไม่เป็น" ขืนตอบว่าทำเป็นนะ ฉันต้องได้ทำงานหนักแน่ๆ เชื่อสิ "อืม" พูดจบพี่เตอร์ก็กดโทรศัพท์ภายในแล้วเรียกยายเจ๊ปากแดงที่นั่งอยู่หน้าห้องให้เข้ามาข้างใน ส่วนฉันก็ได้แต่นั่งรอชิลล์ๆ อ่า...ชักอยากจะไปเห็นสภาพแวดล้อมที่ทำงานของตัวเองแล้วสิ ว่าจะเป็นแบบไหน แล้วพอคิดว่าจะต้องทำงานที่มันสบายๆ ไม่หนัก ฉันก็เริ่มมีแผนผุดขึ้นมาในหัวบ้างแล้วล่ะ ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าอะไรๆ มันจะง่ายและลงตัวแบบนี้ นั่งรอไม่นานยายเจ๊ปากแดงเลขาหน้าห้องของพี่เตอร์เดินเข้ามาก่อนจะพูดขึ้น "ค่ะ ท่านประธาน" "พาเธอไปที่ฝ่ายการตลาด..." พี่เตอร์พูดแล้วมองมาที่ฉัน คำว่า 'เธอ' ก็หมายถึงฉันนี่แหละ เรียกให้มันสนิทๆ หน่อยไม่ได้รึไง ชิ! "ค่ะ" ยายเจ๊ตอบรับคำสั่งของพี่เตอร์ "แล้วก็บอกหัวหน้าฝ่าย ให้สอนงานเธอจนกว่าเธอจะทำงานเป็นและเข้าใจระบบงานของบริษัททุกอย่างที่เกี่ยวกับการตลาดภายในสามวัน" "ฮะ!? " ฉันรีบหันไปมองหน้าพี่เตอร์ด้วยความตกใจทันที ถ้าให้สอนจริงๆ สามวันนี่ถือว่าสอนโหดมากเลยนะ นี่พี่เตอร์กะจะไม่ให้ฉันอยู่ว่างๆ เลยหรือไง ฉันทำเป็นก็จริงนะ งานการตลาดน่ะ แต่ระบบงานของแต่ละบริษัทมันก็ต่างกัน จะให้เรียนรู้แค่สามวันแบบนี้มันไม่โหดไปหน่อยเหรอสำหรับเด็กฝึกงานที่เพิ่งบอกว่าทำอะไรไม่เป็นเลย "มีปัญหาหรือเปล่า" พี่เตอร์ถามฉัน "ให้แค่สามวันเองเหรอคะ เจ้าขาขอเพิ่มเป็นหนึ่งสัปดาห์ได้ไหม สามวันเจ้าขาว่ามันน้อยไป" น้อยไปสำหรับการเรียนรู้ระบบของบริษัท แล้วก็น้อยไปสำหรับการปลีกตัวไปทำอย่างอื่นด้วยน่ะสิ! "สามวันก็คือสามวัน ถ้าเรื่องแค่นี้ทำไม่ได้ เธอก็ไม่ควรที่จะมาฝึกงานที่บริษัทนี้" ก็ไม่ได้อยากมาตั้งแต่แรกอยู่แล้วปะ ถ้าไม่ติดว่าโดนเฮียส่งมาฉันก็ไม่มาหรอก แล้วถ้าไม่ฝึกฉันก็เรียนไม่จบด้วยไงล่ะ "สามวันก็ได้ค่ะ" ฉันตอบพลางลอบหันไปมองยายเจ๊ที่กำลังมองฉันอยู่ด้วยแววตาสะใจที่เห็น พี่เตอร์พูดแบบนั้นกับฉัน เหอะ! สะใจไปเถอะ เดี๋ยวได้รู้กัน! "ดี...งั้นพาเธอลงไปได้เลย ถ้ามีอะไรเดี๋ยวฉันจะแจ้งลงไปที่หัวหน้าฝ่ายเอง" พี่เตอร์หันไปพูดกับยายเจ๊เลขา "รับทราบค่ะ ท่านประธาน" ยายเจ๊ค้อมศีรษะให้พี่เตอร์เล็กน้อย แล้วก็หันมาพูดกับฉัน "เชิญ" น้ำเสียงนี่ฟังดูดีนะ ถ้าไม่มองหน้า จิกได้จิกไป เดี๋ยวมีโอกาสเมื่อไหร่ เจอกันแน่ ฉันยันตัวให้ลุกขึ้นยืนแล้วหันไปไหว้พี่เตอร์ก่อนจะเดินตามหลังยายเจ๊ปากแดงออกไป "เดี๋ยว..." แต่เดินยังไม่ถึงประตูพี่เตอร์ก็พูดขึ้นมาก่อน "คะ? " "? " ยายเจ๊กับฉันหันกลับไปมองพี่เตอร์พร้อมกัน ส่วนพี่เตอร์ก็มองหน้าฉันแวบหนึ่งก่อนจะเบนสายตาหันไปพูดกับยายเจ๊ "บอกหัวหน้าฝ่ายด้วย ว่าวันนี้เด็กฝึกงานต้องอยู่ทำงานถึงหนึ่งทุ่ม" "ฮะ?! " เป็นฉันเองที่ต้องร้องขึ้นมาอย่างตกใจ ปกติบริษัทเลิกงานห้าโมงเย็น แล้วจะให้อยู่ทำไมถึงหนึ่งทุ่ม เสียเวลาทำมาหากินโว้ย "วันนี้เธอมาสาย" พี่เตอร์พูด "แต่เจ้าขามีเหตุผลนะคะ" ฉันรีบแย้งขึ้นมาทันที แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล เพราะพี่เตอร์พูดขึ้นมาว่า... "ฉันไม่สนว่าเหตุผลจะคืออะไร สำหรับฉัน...มาสายก็คือมาสาย" "!! " ต่อมา~ "สมน้ำหน้า! " พอเดินออกมาจากห้องทำงานของพี่เตอร์ได้สักพัก ยายเจ๊ปากแดงก็พูดขึ้นมาเบาๆ พร้อมกับเบ้ปากมองฉัน "อย่าพึ่งหาเรื่องได้ไหมเจ๊ คนยิ่งเครียดๆ อยู่" ฉันกรอกตามองบนใส่ยายเจ๊ก่อนจะพูดขึ้น บอกตรงๆ เลยว่าตอนนี้ฉันเครียดมาก ที่ฉันต้องเครียดแบบนี้ก็ไม่ใช่อะไรหรอก ก็วันนี้ฉันนัดไอ้เอกไว้ที่สนามน่ะสิ เพราะมีคนมาท้าแข่งรถกับฉันอีกแล้ว อ้อ! แล้วไม่ต้องห่วงเลยนะ ว่าเข้าไปคราวนี้ฉันจะโดนเฮียจับได้อีก เพราะวันนี้เฮียไปต่างจังหวัดพอดีน่ะสิ ก็เลยทางสะดวก ส่วนเรื่องที่ฉันรู้ได้ยังไงน่ะเหรอ ก็ฉันซื้อตัวคนรายงานฉันเรื่องสถานการณ์ที่สนามใหม่แล้ว รับรองคนนี้ไว้ใจได้ชัวร์ แถมยังมีอำนาจพอๆ กับไอ้พี่ธูปเลย เผลอๆ อาจจะมากกว่าอีก แต่ก็ต้องระวังพี่ธูปอยู่ดีนั่นแหละ ส่วนไอ้พี่ธูปฉันยังไม่ได้จัดการเลย แต่ฉันไม่ลืมแน่ๆ ก็เพราะว่าวันนี้ฉันต้องไปสนามแข่งนี่แหละ การที่ต้องเลิกงานหนึ่งทุ่ม จึงเป็นเหตุผลที่ฉันต้องมาเครียดอยู่แบบนี้ "ถึงแล้ว! " ยายเจ๊พูดขึ้นเมื่อพาฉันลงมายังชั้นที่ฝ่ายการตลาดทำงานอยู่ ก่อนจะเดินเข้าไปคุยกับหัวหน้าฝ่ายในห้องทำงาน ปล่อยให้ฉันยืนรออยู่ข้างหน้า ฉันค่อยมองสำรวจไปรอบๆ คนที่นี่ทำไมตั้งใจทำงานกันจังเลย แบบนี้ฉันจะเข้ากับใครได้บ้างไหมเนี่ย เริ่มคิดหนักแล้วนะ เหมือนแผนที่คิดไว้มันเริ่มจะมีกลิ่นพังๆ ยังไงก็ไม่รู้ "เดี๋ยวเจ๊" ฉันรีบดึงแขนยายเจ๊ไว้ เมื่อเจ๊แกไปคุยกับหัวหน้าฝ่ายเสร็จแล้วกำลังจะเดินกลับไป "อะไร" เจ๊แกหันกลับมามองฉันหน้าเหวี่ยงๆ แต่ก็เอาเถอะ ยังไงวันนี้ฉันจะมองข้ามไปก่อนละกัน เพราะถือว่าเจ๊ยังมีประโยชน์กับฉันอยู่ "วันนี้พี่เตอร์จะออกจากบริษัทกี่โมง แล้วระหว่างวันพี่เตอร์ต้องออกไปไหนหรือเปล่า" "พี่เตอร์!? " ยายเจ๊มองหน้าฉันงงๆ ปนไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ "หมายถึงท่านประธานน่ะ" "ฉันรู้ย่ะว่าหล่อนหมายถึงท่านประธาน แต่ที่ฉันสงสัยคือ...หล่อนกล้าดียังไงถึงได้เรียกท่านประธานว่าพี่เตอร์แบบนั้น ฮะ!? " อ๋อ~ สงสัยเรื่องนี้นี่เอง "ก็...คนมันสนิทกันอ่ะนะเจ๊" ฉันพูดอย่างอารมณ์ดีเหมือนคนเหนือกว่า "ถึงจะสนิทแค่ไหนท่านประธานก็ไม่ให้เรียกแบบนั้นหรอกนะ จำเอาไว้ด้วย" "แต่พี่เตอร์ก็ไม่เห็นว่าอะไรนะ ตอนฉันเรียกพี่เตอร์ว่าพี่เตอร์น่ะ" ไม่ว่าซะเมื่อไหร่ล่ะ เล่นทำเอาฉันเบรกแทบไม่ทัน ก็ในเมื่อเรียกต่อหน้าไม่ได้ก็ไม่เรียก แต่จะมาเรียกต่อหน้าลูกน้องแทนไง แค่นี้ทุกคนก็รู้แล้วว่าฉันสนิทกับพี่เตอร์ (สนิทแบบปลอมๆ) แล้วที่ฉันบอกพี่เตอร์ว่าเข้าใจน่ะ คือฉันเข้าใจจริงๆ แต่ก็แค่เข้าใจเฉยๆ ไง ไม่ได้คิดจะทำตาม _____โปรดติดตามตอนต่อไป_____ ฝากกดหัวใจให้ด้วยน้าา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม