ตอนที่ 5
"สวัสดีค่ะพี่พัตเตอร์"
"ท่านประธาน"
"!? "
"เรียกฉันว่าท่านประธาน เพราะที่นี่คือที่ทำงาน จะไม่มีพี่หรือน้องอะไรทั้งนั้น" พี่พัตเตอร์พูดสวนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบและสีหน้านิ่งๆ ทันทีที่ฉันพูดจบ ทำเอาฉันถึงกับสตั้นไปเลย เพราะไม่คิดว่าจะโดนตอกหน้ากลับมาแบบนี้
นอกจากจะไม่รับคำทักทายของฉัน และไม่คุยเล่นกับฉันเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ของพี่เจ้าขุนแล้ว แถมยังหยิ่งใส่ฉันอีกต่างหาก
แต่ไม่เป็นไร เพื่ออนาคตที่ดีอีกสี่เดือนของเจ้าขา ต้องหน้าด้านเข้าไว้ หึๆ
"แหม๋~ พี่เตอร์ก็ อย่าเข้มงวดกับเจ้าขามากสิคะ คนกันเองน่า" จะไม่ให้มีพี่มีน้องได้ยังไงกัน ก็ในเมื่อคนมันจะตีสนิทอะ จะให้เรียก
ท่านประธานงั้นเหรอ ห่างเหินเป็นบ้าเลย แล้วอีกอย่างเรียกพี่พัตเตอร์ก็จะดูเรียกยากไป ขอเรียกพี่เตอร์เลยละกัน เรียกง่ายดี แถมยังดูสนิ๊ทสนิทกันอีกด้วย
"ฉันไม่ชอบพูดซ้ำ" ชิ! เสียงแข็งเป็นบ้าเลย อีกทั้งยังส่งสายตาดุๆ มาให้ฉันด้วย แต่มีหรอที่คนอย่างเจ้าขาจะกลัว เพราะคนอย่างฉันไม่เคยกลัวอะไร...ยกเว้นเฮียเจ้าขุน!
"ก็ไม่ต้องพูดสิคะ เจ้าขาเข้าใจค่ะ" ฉันพูดแล้วยิ้มพร้อมกับมองหน้าพี่เตอร์ไปด้วย
"เข้าใจ? " พี่เตอร์ขมวดคิ้วถามพลางมองฉัน ประมาณว่าเข้าใจแล้วจริงๆ เหรอ เหมือนไม่เชื่อว่าฉันจะเข้าใจอะไรได้ง่ายๆ
"ค่ะ เจ้าขาเข้าใจแล้ว" ฉันเข้าใจที่พี่เตอร์พูดจริงๆ แต่แค่เข้าใจเฉยๆ นะ ไม่ได้คิดจะทำตาม
"อืม เข้าใจก็ดี" พี่เตอร์พยักหน้าลงเล็กน้อย ส่วนฉันก็ค่อยๆ เดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามพี่เตอร์อย่างถือวิสาสะและไม่รอให้เจ้าของห้องเชิญนั่ง เพราะดูเหมือนพี่เตอร์จะไม่มีวี่แววว่าจะบอกให้ฉันนั่งเลย ฉันก็เลยต้องหน้าด้านเดินมานั่งเอง ให้ยืนนานๆ มันก็เมื่อยนะคะ แล้วอีกอย่างยืนคุยกับผู้ใหญ่มันไม่ดีนะเด็กๆ
พี่เตอร์ก็มองฉันที่มานั่งลงตรงหน้าอย่างไม่วางตาเหมือนกัน
สีหน้าก็เหมือนจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นะที่ฉันมานั่งตรงนี้โดยที่ไม่ได้รับอนุญาต
อะไรวะ!? แค่นั่งก็ไม่ได้เหรอ หยิ่งไม่พอยังขี้งกแม้กระทั่งที่นั่งด้วยเหรอวะเนี่ย แต่...
"^^" ยิ้มเข้าไว้ หน้าด้านเข้าไว้ เขาหยิ่งแบบนี้ได้ไม่นานหรอก เชื่อสิ แล้วพี่เตอร์ก็หันไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ข้างห้องก่อนจะหันกลับมามองฉันด้วยสายตาที่แบบ...เหมือนจะหงุดหงิด
"เอ่อ...คือว่า...เจ้าขาน่ะ..."
"เรียนอะไรมา" แต่ในขณะที่ฉันกำลังจะพูดแก้ตัวเรื่องการมาสายของฉัน พี่เตอร์ก็ปรับสีหน้าให้กลับมานิ่งเหมือนเดิมก่อนจะถามฉันขึ้นมาเสียงนิ่งปนดุนิดนึง
"เรียนการตลาดมาค่ะ" ฉันตอบไป
"อืม งั้นก็ไปฝึกที่ฝ่ายการตลาด เดี๋ยวจะให้เลขาของฉันพาไป" ยัยเจ๊ปากแดง! จะต้องเจอกันอีกแล้วเหรอวะเนี่ย!?
"อ๋อค่ะ...แล้ว...เจ้าขาต้องได้ทำอะไรบ้างเหรอคะ" ที่ถามนี่ต้องการแนวทางในการวางแผนการล้วนๆ ไม่ได้ตื่นเต้นกับการทำงานใดๆ ทั้งสิ้น!
"แล้วทำอะไรเป็นบ้าง" จริงๆ งานที่เกี่ยวกับการตลาด ฉันก็ทำเป็นเกือบหมดเลยนะ เพราะนอกจากจะเรียนมาแล้ว ยังได้เข้าไปช่วยป๊าทำบ้าง ฉันก็เลยได้เรียนรู้มาเยอะพอสมควร แต่จะตอบแบบนั้นไม่ได้สิ...
"เอ่อ...ไม่เป็นเลยค่ะ พี่ตะ...เอ่อ..ท่านประธาน" เกือบแล้ว เกือบหลุดเรียกพี่เตอร์ไปแล้วมั้ยล่ะ
"ไม่เป็น? " พี่เตอร์ถามกลับมาแล้วมองฉันเหมือนไม่ค่อยเชื่อ
"ค่ะ ไม่เป็น" ขืนตอบว่าทำเป็นนะ ฉันต้องได้ทำงานหนักแน่ๆ เชื่อสิ
"อืม" พูดจบพี่เตอร์ก็กดโทรศัพท์ภายในแล้วเรียกยายเจ๊ปากแดงที่นั่งอยู่หน้าห้องให้เข้ามาข้างใน ส่วนฉันก็ได้แต่นั่งรอชิลล์ๆ
อ่า...ชักอยากจะไปเห็นสภาพแวดล้อมที่ทำงานของตัวเองแล้วสิ ว่าจะเป็นแบบไหน แล้วพอคิดว่าจะต้องทำงานที่มันสบายๆ ไม่หนัก
ฉันก็เริ่มมีแผนผุดขึ้นมาในหัวบ้างแล้วล่ะ ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าอะไรๆ มันจะง่ายและลงตัวแบบนี้
นั่งรอไม่นานยายเจ๊ปากแดงเลขาหน้าห้องของพี่เตอร์เดินเข้ามาก่อนจะพูดขึ้น
"ค่ะ ท่านประธาน"
"พาเธอไปที่ฝ่ายการตลาด..." พี่เตอร์พูดแล้วมองมาที่ฉัน คำว่า 'เธอ' ก็หมายถึงฉันนี่แหละ เรียกให้มันสนิทๆ หน่อยไม่ได้รึไง ชิ!
"ค่ะ" ยายเจ๊ตอบรับคำสั่งของพี่เตอร์
"แล้วก็บอกหัวหน้าฝ่าย ให้สอนงานเธอจนกว่าเธอจะทำงานเป็นและเข้าใจระบบงานของบริษัททุกอย่างที่เกี่ยวกับการตลาดภายในสามวัน"
"ฮะ!? " ฉันรีบหันไปมองหน้าพี่เตอร์ด้วยความตกใจทันที ถ้าให้สอนจริงๆ สามวันนี่ถือว่าสอนโหดมากเลยนะ นี่พี่เตอร์กะจะไม่ให้ฉันอยู่ว่างๆ เลยหรือไง ฉันทำเป็นก็จริงนะ งานการตลาดน่ะ แต่ระบบงานของแต่ละบริษัทมันก็ต่างกัน จะให้เรียนรู้แค่สามวันแบบนี้มันไม่โหดไปหน่อยเหรอสำหรับเด็กฝึกงานที่เพิ่งบอกว่าทำอะไรไม่เป็นเลย
"มีปัญหาหรือเปล่า" พี่เตอร์ถามฉัน
"ให้แค่สามวันเองเหรอคะ เจ้าขาขอเพิ่มเป็นหนึ่งสัปดาห์ได้ไหม สามวันเจ้าขาว่ามันน้อยไป" น้อยไปสำหรับการเรียนรู้ระบบของบริษัท แล้วก็น้อยไปสำหรับการปลีกตัวไปทำอย่างอื่นด้วยน่ะสิ!
"สามวันก็คือสามวัน ถ้าเรื่องแค่นี้ทำไม่ได้ เธอก็ไม่ควรที่จะมาฝึกงานที่บริษัทนี้" ก็ไม่ได้อยากมาตั้งแต่แรกอยู่แล้วปะ ถ้าไม่ติดว่าโดนเฮียส่งมาฉันก็ไม่มาหรอก แล้วถ้าไม่ฝึกฉันก็เรียนไม่จบด้วยไงล่ะ
"สามวันก็ได้ค่ะ" ฉันตอบพลางลอบหันไปมองยายเจ๊ที่กำลังมองฉันอยู่ด้วยแววตาสะใจที่เห็น พี่เตอร์พูดแบบนั้นกับฉัน
เหอะ! สะใจไปเถอะ เดี๋ยวได้รู้กัน!
"ดี...งั้นพาเธอลงไปได้เลย ถ้ามีอะไรเดี๋ยวฉันจะแจ้งลงไปที่หัวหน้าฝ่ายเอง" พี่เตอร์หันไปพูดกับยายเจ๊เลขา
"รับทราบค่ะ ท่านประธาน" ยายเจ๊ค้อมศีรษะให้พี่เตอร์เล็กน้อย แล้วก็หันมาพูดกับฉัน "เชิญ"
น้ำเสียงนี่ฟังดูดีนะ ถ้าไม่มองหน้า จิกได้จิกไป เดี๋ยวมีโอกาสเมื่อไหร่ เจอกันแน่ ฉันยันตัวให้ลุกขึ้นยืนแล้วหันไปไหว้พี่เตอร์ก่อนจะเดินตามหลังยายเจ๊ปากแดงออกไป
"เดี๋ยว..." แต่เดินยังไม่ถึงประตูพี่เตอร์ก็พูดขึ้นมาก่อน
"คะ? "
"? " ยายเจ๊กับฉันหันกลับไปมองพี่เตอร์พร้อมกัน ส่วนพี่เตอร์ก็มองหน้าฉันแวบหนึ่งก่อนจะเบนสายตาหันไปพูดกับยายเจ๊
"บอกหัวหน้าฝ่ายด้วย ว่าวันนี้เด็กฝึกงานต้องอยู่ทำงานถึงหนึ่งทุ่ม"
"ฮะ?! " เป็นฉันเองที่ต้องร้องขึ้นมาอย่างตกใจ ปกติบริษัทเลิกงานห้าโมงเย็น แล้วจะให้อยู่ทำไมถึงหนึ่งทุ่ม เสียเวลาทำมาหากินโว้ย
"วันนี้เธอมาสาย" พี่เตอร์พูด
"แต่เจ้าขามีเหตุผลนะคะ" ฉันรีบแย้งขึ้นมาทันที แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล เพราะพี่เตอร์พูดขึ้นมาว่า...
"ฉันไม่สนว่าเหตุผลจะคืออะไร สำหรับฉัน...มาสายก็คือมาสาย"
"!! "
ต่อมา~
"สมน้ำหน้า! " พอเดินออกมาจากห้องทำงานของพี่เตอร์ได้สักพัก ยายเจ๊ปากแดงก็พูดขึ้นมาเบาๆ พร้อมกับเบ้ปากมองฉัน
"อย่าพึ่งหาเรื่องได้ไหมเจ๊ คนยิ่งเครียดๆ อยู่" ฉันกรอกตามองบนใส่ยายเจ๊ก่อนจะพูดขึ้น บอกตรงๆ เลยว่าตอนนี้ฉันเครียดมาก ที่ฉันต้องเครียดแบบนี้ก็ไม่ใช่อะไรหรอก ก็วันนี้ฉันนัดไอ้เอกไว้ที่สนามน่ะสิ เพราะมีคนมาท้าแข่งรถกับฉันอีกแล้ว อ้อ! แล้วไม่ต้องห่วงเลยนะ ว่าเข้าไปคราวนี้ฉันจะโดนเฮียจับได้อีก เพราะวันนี้เฮียไปต่างจังหวัดพอดีน่ะสิ
ก็เลยทางสะดวก
ส่วนเรื่องที่ฉันรู้ได้ยังไงน่ะเหรอ ก็ฉันซื้อตัวคนรายงานฉันเรื่องสถานการณ์ที่สนามใหม่แล้ว รับรองคนนี้ไว้ใจได้ชัวร์ แถมยังมีอำนาจพอๆ กับไอ้พี่ธูปเลย เผลอๆ อาจจะมากกว่าอีก แต่ก็ต้องระวังพี่ธูปอยู่ดีนั่นแหละ
ส่วนไอ้พี่ธูปฉันยังไม่ได้จัดการเลย แต่ฉันไม่ลืมแน่ๆ
ก็เพราะว่าวันนี้ฉันต้องไปสนามแข่งนี่แหละ การที่ต้องเลิกงานหนึ่งทุ่ม จึงเป็นเหตุผลที่ฉันต้องมาเครียดอยู่แบบนี้
"ถึงแล้ว! " ยายเจ๊พูดขึ้นเมื่อพาฉันลงมายังชั้นที่ฝ่ายการตลาดทำงานอยู่ ก่อนจะเดินเข้าไปคุยกับหัวหน้าฝ่ายในห้องทำงาน ปล่อยให้ฉันยืนรออยู่ข้างหน้า
ฉันค่อยมองสำรวจไปรอบๆ คนที่นี่ทำไมตั้งใจทำงานกันจังเลย แบบนี้ฉันจะเข้ากับใครได้บ้างไหมเนี่ย เริ่มคิดหนักแล้วนะ เหมือนแผนที่คิดไว้มันเริ่มจะมีกลิ่นพังๆ ยังไงก็ไม่รู้
"เดี๋ยวเจ๊" ฉันรีบดึงแขนยายเจ๊ไว้ เมื่อเจ๊แกไปคุยกับหัวหน้าฝ่ายเสร็จแล้วกำลังจะเดินกลับไป
"อะไร" เจ๊แกหันกลับมามองฉันหน้าเหวี่ยงๆ แต่ก็เอาเถอะ ยังไงวันนี้ฉันจะมองข้ามไปก่อนละกัน เพราะถือว่าเจ๊ยังมีประโยชน์กับฉันอยู่
"วันนี้พี่เตอร์จะออกจากบริษัทกี่โมง แล้วระหว่างวันพี่เตอร์ต้องออกไปไหนหรือเปล่า"
"พี่เตอร์!? " ยายเจ๊มองหน้าฉันงงๆ ปนไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
"หมายถึงท่านประธานน่ะ"
"ฉันรู้ย่ะว่าหล่อนหมายถึงท่านประธาน แต่ที่ฉันสงสัยคือ...หล่อนกล้าดียังไงถึงได้เรียกท่านประธานว่าพี่เตอร์แบบนั้น ฮะ!? "
อ๋อ~ สงสัยเรื่องนี้นี่เอง
"ก็...คนมันสนิทกันอ่ะนะเจ๊" ฉันพูดอย่างอารมณ์ดีเหมือนคนเหนือกว่า
"ถึงจะสนิทแค่ไหนท่านประธานก็ไม่ให้เรียกแบบนั้นหรอกนะ
จำเอาไว้ด้วย"
"แต่พี่เตอร์ก็ไม่เห็นว่าอะไรนะ ตอนฉันเรียกพี่เตอร์ว่าพี่เตอร์น่ะ" ไม่ว่าซะเมื่อไหร่ล่ะ เล่นทำเอาฉันเบรกแทบไม่ทัน ก็ในเมื่อเรียกต่อหน้าไม่ได้ก็ไม่เรียก แต่จะมาเรียกต่อหน้าลูกน้องแทนไง แค่นี้ทุกคนก็รู้แล้วว่าฉันสนิทกับพี่เตอร์ (สนิทแบบปลอมๆ)
แล้วที่ฉันบอกพี่เตอร์ว่าเข้าใจน่ะ คือฉันเข้าใจจริงๆ แต่ก็แค่เข้าใจเฉยๆ ไง ไม่ได้คิดจะทำตาม
_____โปรดติดตามตอนต่อไป_____
ฝากกดหัวใจให้ด้วยน้าา