เหมือนว่ายิ่งนานก็จะยิ่งอับจนหนทาง จนป่านนี้แล้วลภิสราก็ยังหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดไม่ได้ พอเธอว่าคิดจะหยิบยืมใคร แค่โทรหาแล้วพูดเรื่องเงิน คนเหล่านั้นก็วางสายใส่ทันที ทำให้ลภิสราอับจนหนทางจนต้องตัดสินใจทำในสิ่งที่ตนเองไม่คิดจะทำมาก่อน นั่นก็คือการเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปหาเชน ไม่รู้ว่าเขาจะมีครอบครัวหรือยัง แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกแล้ว ไม่อย่างนั้นเธอคงได้แต่นั่งมองบุตรสาวตายลงไปต่อหน้าอย่างแน่นอน
“น้องพลอยอยู่กับป้าเจียมไปก่อนนะลูก แม่ไปธุระสักสองวันเดี๋ยวแม่กลับมาหาหนูนะคะ” ลภิสราบอกบุตรสาวด้วยความกังวล แต่ครั้นจะพาบุตรสาวที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเข้ากรุงเทพฯ ไปกับเธอ มันก็คงไม่ได้จริงๆ ดังนั้นเธอจึงต้องฝากบุตรสาวไว้กับป้าที่อยู่ข้างบ้านซึ่งเธอเคารพนับถือท่านเป็นอย่างมาก
“แม่จะไปไหนคะ น้องพลอยไปด้วยไม่ได้เหรอคะ” เด็กน้อยทำหน้าเศร้าเมื่อต้องห่างจากมารดา
“แม่จะไปธุระค่ะ หนูยังไม่แข็งแรง เดินทางไกลไม่ได้นะคะลูก” ลภิสราเอ่ยออกมาด้วยความลำบากใจ เพราะนอกจากเรื่องไม่ค่อยแข็งแรงของบุตรสาว เธอยังกังวลเรื่องผลตอบรับที่จะเกิดขึ้น หากว่าเธอขอความช่วยเหลือจากเชน เพราะไม่รู้เลยว่าเชนจะไล่ส่ง หรือจะช่วยเหลือเธอ
“อยู่กับยายเจียมเนี่ยแหล่ะ เดี๋ยวยายพาดูการ์ตูน ปล่อยแม่เขาไปทำธุระเถอะนะน้องพลอย” นางเจียมเอ่ยกับเด็กน้อยด้วยความเมตตา นางสงสารสองคนแม่ลูกนี้มาก ยิ่งมารู้ว่าเด็กหญิงพลอยสุดาป่วยด้วยโรคหัวใจ นางก็ยิ่งสงสารจับใจ แต่ครั้นจะให้ช่วยเรื่องเงินนางก็ไม่ไหว เพราะลำพังตัวนางเอง นางยังต้องอาศัยเบี้ยยังชีพของผู้สูงอายุอยู่เลย แต่ครั้งนี้คงเป็นธุระสำคัญมากจริงๆ แหล่ะ ไม่อย่างนั้นลภิสราคงไม่ยอมฝากบุตรสาวที่รักยิ่งกว่าชีวิตไว้กับนาง
“ใช่จ่ะลูก อยู่กับยายเจียมนะ ถ้าแม่ทำธุระเสร็จ แม่จะรีบกลับมาหาหนูทันทีเลยนะคะ” ลภิสราก็สำทับกับคำพูดของนางเจียม
“ค่ะแม่ งั้นแม่รีบกลับมานะคะ น้องพลอยจะรอแม่ค่ะ” แม้ว่าจะงอแงอยู่บ้าง แต่เด็กหญิงพลอยสุดาก็เป็นเด็กที่เชื่อฟังคำสั่งมารดาเป็นอย่างมาก นั่นทำให้เด็กน้อยตอบตกลงแม้ว่าจะขัดใจมากเท่าใดก็ตาม