เมื่อบอกลาเจ้าบ่าวเจ้าสาวแล้ว ล้อรถของเขาก็หมุนทันที โดยหญิงสาวทำหน้าที่โชว์เฟอร์ เพราะเธอไม่ยอมท่าเดียว
“อูย...ซี๊ดส์” ระหว่างทางเธอเผลอร้องออกมาเบา ๆ แต่เขาดันได้ยิน
“เป็นอะไรอ่ะ”
“ท้องอืดน่ะ แน่นจุกไปหมดเลย” เมื่อได้รับคำตอบ เขาถึงกับหัวเราะกร๊าดออก ลืมความเซ็งไปเลย
“ก็เล่นตะกระตะกรามซะขนาดนั้น คนเรานะ เห็นว่าเป็นของฟรีเข้าหน่อยก็ซัดเอา ๆ ไม่ห่วงตัวเองเลย”
“แล้วทำไมจะต้องมาทับถมกันด้วยเนี่ย”
“โอเค ไม่ทับถมแล้ว ว่าแต่ปวดมากมั้ยล่ะ”
“พอทนได้”
“ไปหาหมอมั้ย เผื่ออาหารเป็นพิษ”
“ไม่ต้อง ไม่ใช่หรอก มันไม่ได้ปวดรุนแรงขนาดนั้น เดี๋ยวถึงห้องค่อยกินยาธาตุเอาก็ได้”
“แน่ใจนะ”
“แน่สิ นี่มันร่างฉัน ท้องของฉัน ฉันไม่ปล่อยให้มันเป็นอะไรไปหรอก ไม่ต้องห่วงค่ะ”
“ไม่ได้ห่วงเลย แต่เผื่อคุณอาการหนักขึ้นมา หมอเดียร์รู้เข้าก็อาจตำหนิผมได้ไง”
“อ๋อ...หวงตัวเองว่างั้น งั้นไม่ต้องห่วง เรื่องที่ฉันไปกินบุพเฟ่ห์โรงแรมหรูกับคุณ ฉันจะปิดให้มิด ไม่ให้ใครรู้เลยเด็ดขาด...สบายใจยัง”
เธอแอบรู้สึกน้อยใจอย่างบอกไม่ถูก ก่อนลงจากรถจึงเรอใส่เขาไปทีหนึ่ง แล้วก็หันหลังให้เขาเลย ไม่ยืนรอส่งให้รถเขาออกไปตามมารยาท
“หึ...กลัวหมอเดียร์จะโกรธ ไม่ได้ห่วงเลย ช่างเป็นสุภาพบุรุษซะเหลือเกิน”
เมื่อถึงห้อง...พิมพ์ใจก็เปิดตู้เย็น คว้ายาธาตุน้ำขาวมาเปิดดื่มไปประมาณหนึ่ง ก่อนจะนั่งพักที่โซฟาเพื่อให้ร่างกายและท้องไส้ได้ผ่อนคลาย
“เฮ่อ...ชีวิตฉัน...ทำไมมันโรแมนติกขนาดนี้เนี่ย”
เธอประชด...วินาทีนี้อยากจะซดเบียร์มากกว่ายาธาตุน้ำขาวเสียอีก !!!
รุ่งเช้าของวันใหม่...
พิมพ์ใจตื่นขึ้นมาในสภาพเหมือนซอมบี้ เพราะเธอแน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อจนนอนไม่หลับแทบทั้งคืน
ร่างก็พัง ใจก็เพลีย อารมณ์ความรู้สึกละเหี่ยละโหยไปหมด เธออยากจะซุกอยู่ในผ้าห่ม บ่มตัวอยู่บนที่นอน ไม่อยากจะลงจากเตียง ไม่อยากจะออกไปไหนเลย
“ไม่ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ฉันจะไม่ไป...ฉันจะป่วย ป่วย ๆ ๆ ๆ เฮ้อ...ทำไมฉันไม่ป่วยวะ ทำไมตัวไม่ร้อน ทำไม!”
ขณะโวยวายอยู่นั้น พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นโทรศัพท์วางอยู่ใกล้มือ มันกำลังส่งสัญญาณเตือนว่ามีไลน์เด้งเข้ามาหลายข้อความ!!
“ไม่ ฉันจะไม่เช็คโทรศัพท์ ฉันจะไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ฉันจะตัดขาดจากโลกโซเชี่ยล” ขาดคำนั้นเธอก็คว้ามันมาเปิดดูด้วยความกระหาย
“อะ....” พอดูเท่านั้นแหละ ไอ้ความเฉาความหมองความหม่นก่อนหน้านี้แทบจะหายวับทันตา
“หืม...” เป็นไปไม่ได้แน่...เธอต้องขยี้ตารัว ๆเมื่อเห็นว่าทัดเทพส่งสติ๊กเกอร์มาให้เธอทางไลน์ถึงสิบอัน
“อะไรเนี่ย ส่งอะไรมาตั้งเยอะตั้งแยะ” เธอตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกทีเดียว รู้สึกมือเย็นเท้าเย็นไปหมด “อย่าบอกนะ...ว่าเป็นห่วงใช่มั้ย ทำเป็นปากแข็ง”
เฮ้อ...หรือว่าการท้องอืดของเธอเมื่อคืนจะทำให้เขารู้ใจตัวเอง รู้ว่าเป็นห่วงเธอมากแค่ไหน
“ฮิ ๆ” เธอตาสว่างทันทีหลังจากงัวเงียง่วงงุน สายฝนพลิ้วไหวนอกหน้าต่างแปรเปลี่ยนเป็นหิมะขาวละมุนละไม
พิมพ์ใจสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆยาว ๆเพื่อให้กำลังใจตัวเอง แล้วกดเปิดไลน์ดูสติ๊กเกอร์ รวมถึงข้อความทักทายแรกของชายหนุ่ม
“อ๊ะ!” หากแล้ว...เธอหุบยิ้มแทบไม่ทัน และหากยั้งใจไม่อยู่ เธอคงปาโทรศัพท์ทิ้งไปแล้วจริง ๆ
“ขอบคุณ...มากเลยค่ะ ที่อุตส่าห์ส่งมา” หากเธอไม่ได้ตาฝาดไป....มันคือรูปตัวการ์ตูน Moon นั่งอึ๊บนโถส้วม หมีอึ๊ แมวอึ๊ หมาอึ๊ และอึ๊เพียวๆอีกหลายกอง
“หืมมมม...กองทัพขี้!” พร้อมข้อความปิดท้ายว่า...ไปขี้ซะ จะได้หายอึดอัด!!!
“ไอ้...ไอ้....ไอ้....” เธอไม่รู้จะสรรหาคำใดมาด่ามันให้สาสมกับการกระทำ คงไม่มีคำใดที่จะแทนความเป็นมันได้ตรงตัวเท่า.... “อร๊ายยยย....ไอ้สารเลว!!!”
พิมพ์ใจสูดลมหายใจลึกยาวอีกหลายครั้งเพื่อให้ปอดที่อัดแน่นไปด้วยควันไฟปลอดโปร่งโล่งสว่างขึ้น
“ฮึ่ย! ส่งภาพขี้มาขนาดนี้...เราคงหวังอะไรไม่ได้แล้วจริงๆ หยุดมโน หยุดเข้าข้างตัวเองซะเถอะนะ”
ความจริงเธอก็แอบหวังลึก ๆนะ ถ้าเขาถูกนาเดียร์หักอก เธอจะดามหัวใจให้เขาเอง แต่ตอนนี้เธอควรดามหัวใจให้ตัวเองก่อนซึ่งรอยร้าวของมันอาจสาหัสถึงขั้นเข้าเฝือกหัวใจได้เลย
“เฮ่อ...ทำไมผู้ชายถึงอยากเป็นเพื่อนกับเราตลอดเลยนะ เราไม่น่าเอาเป็นเมียเหรอ” เธอบ่นกับตัวเองขณะกดส่งข้อความกลับไปให้ผู้ชาย
“ขี้แล้วโว๊ย...” และเพียงสามวินาทีที่ส่งไป หน้าจอก็ขึ้นบอกว่าอ่านแล้ว แต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา “ไม่ตอบ ไม่มีมารยาท”
เธอหวังเพียงเล็ก ๆอีกแล้วว่าเขาจะตอบไลน์กลับมา แต่ไม่มีคำตอบใดสำหรับเธอ บางทีความว่างเปล่ามันคือคำตอบก็เป็นได้
พิมพ์ใจอาบน้ำและแต่งตัวสวยน่ารักตามแบบฉบับของเธอ เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์ขาสั้นและรองเท้าผ้าใบลายน่ารัก เธอแต่งหน้าอ่อน ๆ ดูเป็นธรรมชาติ และรวบผมทำทรงซาลาเปาเผยต้นคอระหง
“ฉันรักตัวเองจัง”
หญิงสาวบอกกับตัวเองว่าเธอควรมีความสุข ไม่ควรจมตัวเองอยู่ในความทุกข์ตรมที่คนอื่นสร้างให้ เธอจะสู้กับวันใหม่ด้วยพลังอันเต็มเปี่ยม เธอจะทำงานอย่างยอดเยี่ยมและมีความสุขที่ร้านกาแฟสุดรักของเธอ