ตอนที่ 5.2 ยามศึกเรารบ ยามสงบก็รบกันเอง

961 คำ
มนต์พิชชาที่ไม่เห็นแบบที่กวินเห็น ทำได้แค่ตัดสินใจรีบปั๊มตราลงบนกระดาษ ก่อนจะถูกเด็กหนุ่มกระชากแขนแล้ววิ่งลงบันไดโดยไม่หันกลับไปมองอีกเลย แม้ว่าจะรู้สึกดีในยามค่ำคืนแบบนี้คนที่มาด้วยเป็นรุ่นพี่ที่แอบชอบก็เถอะ แต่ให้มาอยู่กันสองต่อสองในสถานที่สยองขวัญแบบนี้ก็ไม่ได้ดีเสียทีเดียว นอกจากจะให้พี่เขาเห็นมุมไม่หล่อไม่เท่แล้ว แถมไม่มีเวลาหรือกระจิตกระใจจะไปแอบเต๊าะพี่เขาอีกต่างหาก "ที่ต่อไปที่ไหน" มนต์พิชชาที่ถูกรุ่นน้องลากออกมาเกือบร้อยเมตร หันไปถามเขาด้วยเสียงหอบเหนื่อย ตอนนี้เธอรู้สึกอยากจะรีบเล่นเกมนี้ให้จบและรีบกลับไปนอนเต็มที ปีนี้รุ่นพี่ปี4จัดหนักจัดเต็มเกินไปไหมเนี่ย "ห้องสมุดเก่าครับ" "ไม่ใช่เราไปมาแล้วเหรอ" "มันเขียนแบบนี้อ่ะ พี่ดูหน่อยสิ" กวินยื่นตราปั๊มไปให้รุ่นพี่ เธอกวาดสายตามองเล็กน้อยถึงเห็นความแตกต่าง "อ่อ.. อันนี้ห้องสมุดเล็กตึกนิเทศ ไปกันเถอะ" ทั้งสองมองหน้ากันเล็กน้อยก่อนจะพากันเดินไปตามทางที่เธอเดินนำ มนต์พิชชามองหน้าปัดนาฬิกาที่แสดงให้เห็นว่าเหลือเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ไม่เพียงเท่านั้นยังรู้สึกอีกว่าความสว่างของไฟฉายจากนาฬิกาประดิษฐ์ ผลงานล่าสุดของรุ่นพี่ปี4นั้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด "ไฟฉายนี่อยู่ได้ไม่ถึงสองชั่วโมง" "พี่ว่าไงนะ" "ดูสิ ไม่รู้สึกเหรอว่าแสงมันอ่อนลง" "งั้นปิดของผมไว้ใช้ยามฉุกเฉิน" กวินยิ้มหวานก่อนจะกดปิดไฟฉายจากของตนเอง เขาเดินเข้ามาใกล้พีชมากจนร่างกายของทั้งคู่นั้นอยู่ห่างกันเพียงคืบ "แล้วทำไมนายต้องเข้ามาใกล้ขนาดนี้ด้วยเนี่ย” "ก็ผมไม่มีไฟ ถ้าอยู่ห่างพี่ก็หลงดิ ไม่เอาหรอกผมจะอยู่ใกล้ ๆ พี่นี่แหละ" เธอยืนมองหน้ารุ่นน้องอย่างหมดคำจะบรรยาย ก่อนจะถอนหายใจแล้วเดินไปยังตึกนิเทศโดยไม่เอ่ยอะไรออกมาอีก ห้องสมุดเก่านี้ตั้งอยู่ด้านในสุดของคณะนิเทศ เพราะเป็นห้องสมุดเล็กทำให้คนที่มาใช้งานนั้นค่อนข้างน้อย และเพราะมีห้องสมุดใหม่เปิดให้บริการแทนทำให้ที่นี่คล้ายห้องสมุดร้างไม่น้อย ทั้งสองเดินเข้าไปในอาคาร ผ่านชั้นวางหนังสือสูงท่วมหัว และฝุ่นหนาเตอะปกคลุมไปทั่ว “กลิ่นฝุ่นขนาดนี้ไม่ทำความสะอาดกันเลยเหรอ” “มันเป็นเฉพาะของคณะนิเทศศาสตร์ ไม่รู้เหมือนกัน” “ผมสังเกตตั้งแต่พวกเราเริ่มเล่นเกม ทำไมเราถึงไม่เจอคนอื่นเลยล่ะ” “ไม่รู้สิ” แม้ว่าเธอเองจะสงสัยเหมือนกัน แต่ก็ทำได้เพียงเดินหน้าหาตราปั๊มต่อไป และเพราะไม่อยากทำให้รุ่นน้องขวัญหนีดีฝ่อไปมากกว่านี้ คงต้องรีบจบเกมนี้ให้ไวที่สุด “ตราปั๊มน่าจะอยู่ตรงเคาน์เตอร์” เธอพูดเบา ๆ แล้วเดินไปที่โต๊ะบรรณารักษ์ แต่จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมาจากด้านหลัง เขาหันไปมองระหว่างชั้นหนังสือ แวบหนึ่งเหมือนมีเงาคนตะคุ่มยืนอยู่ตรงทางเดินแคบ ๆ นั้น ทำให้กวินกลืนน้ำลายลงคอแล้วรีบเดินตามรุ่นพี่ไปติด ๆ “เจอแล้ว” กวินหันไปตามเรียวนิ้วของรุ่นพี่ก็พบว่ามีตราปั๊มวางอยู่บนโต๊ะจริงๆ แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะเข้าไปหยิบมันมาประทับ หนังสือเล่มหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะนั้นก็เปิดออก หน้ากระดาษมีรอยขีดเขียนคล้ายข้อความเก่า ๆ จับใจความได้ประมาณว่า ออกไป ก่อนที่มันจะมา “ไปเถอะพี่พีช!” กวินรีบคว้าข้อมือพีชแล้วเตรียมลากออกจากห้องสมุด แต่รุ่นพี่อย่างเธอหันไปหยิบตราที่วางข้างกันนั้นมาปั๊มแล้วรีบเดินตามรุ่นน้องออกไปทันที และแม้ว่าเธอจะไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวสักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าปีนี้รุ่นพี่เล่นใหญ่มากจริง ๆ ในชนิดที่ว่าเธอไม่รู้เลยว่าใช้วิธีไหน "เล่นใหญ่กันมาก" เธอสบทออกมาก่อนจะหยุดลงตรงทางเชื่อมระหว่างตึก เมื่อหยิบกระดาษที่ประทับตราออกมาดูก็พบว่าสถานที่ต่อไปนั้นเป็นสนามบาสเก่าที่ถูกทิ้งร้าง "ทำไมมีแต่อะไรที่มันน่าขนหัวลุก ให้ไปสนามบาสร้างตอนจะตีสองเนี่ยนะ รุ่นพี่คิดอะไรอยู่เนี่ย" กวินที่อดสงสัยไม่ได้เอ่ยออกมาอย่างไม่เข้าใจ มนต์พิชชามองหน้าของรุ่นน้องที่ขมวดคิ้วตลอดเวลาแล้วได้แต่ขำ "ถ้าอยากรู้ขนาดนั้น พรุ่งนี้จะถามรุ่นพี่ให้เอาไหม" เธอพูดขำ ๆ ก่อนจะคว้ามือกวินเอาไว้ แล้วลากให้เดินตามไปอย่างลืมตัว "ฮั่นแน่~ พี่พีชแอบแต๊ะอั๋งผมเหรอ อยากจับมือผมก็บอกดี ๆ ก็ได้นี่นา" รุ่นน้องยิ้มหวานด้วยท่าทางล้อเลียน ทำให้หญิงสาวรีบปล่อยมือเขาออกทันทีราวกับโดนน้ำร้อน เธอมองหน้ารุ่นน้องด้วยสายตาไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่ "เฮ้ย ๆ ปล่อยทำไมอ่า ผมล้อเล่น ~ ไม่เอา ๆ จับใหม่ ๆ" "ไม่จับ! เดินมาเองเลย" "โธ่~ พี่พีชครับผมผิดไปแล้ว~ จับหน่อยนะนะ แค่หลงพี่พีชอย่างเดียวผมก็หาทางออกไม่ได้แล้ว เดี๋ยวผมหลงทางขึ้นมาอีกจะทำไง”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม