ตอนที่.6 บนบานเนื้อคู่

1225 คำ
หลายวันผ่านไป โรงเรียนมัธยม ฉันเก็บอาการน้อยใจเอาไว้ในใจรู้สึกเหมือนมีอะไรทิ่มแทงกลางอก "อีแป๋วเป็นไร.." จินสะกิดถามตามมาด้วยหนุนตัก "เออเห็นเหม่อแต่เช้า" "กูปกติดี" "เหรอ!!" "อย่าถามเยอะ" ฉันไม่ได้จะตอบเพื่อนรู้ว่าพวกมันเป็นห่วงแต่ว่าปกติไม่ว่าฉันจะเจอปัญหาอะไรแต่สักพักก็จะกลับมาสดใสในไม่ช้า ตึบ "กูมีทฤษฎีใหม่มาฝาก" ปุยนุ่มส่งยิ้มหวานพลางวางหนังสือบนโต๊ะดังลั่น "เขาบอกว่าถ้าเราไปจุดธูปขอเนื้อคู่ที่ป่าช้าอาจจะสมหวังแต่ต้องมีหัวหมูน้ำแดงแล้วก็เลือดสดไปถวายด้วยนะ" "มึงไปเอามาจากไหน" ฉันเอ่ยถาม "กูได้พวกผู้ใหญ่เขาพูดกันแอบได้ยินมาเว้ย แต่ว่าเราต้องมีคนที่ชอบก่อนนะ" "____" ท่าทีของแป๋วดูสนใจก่อนจะถามถึงพิธีกรรมไสยศาสตร์ที่วิทยาศาสตร์ก็ไม่สามารถอธิบายได้ ตอนเย็น "กูอีกแล้ว!!" จินกับบอยสบถพร้อมกันเมื่อถูกแป๋วบังคับให้มา "พวกมึงจะบ่นอะไรกูแค่ให้มาส่งเฉยๆ น่ะ" "แต่พูดกูก็ไม่เข้าใจว่ามึงไปแอบชอบใครที่ไหนอีกล่ะ.." "ปะเปล่า" "แต่ถ้าจะมาขอบนให้ได้เป็นเนื้อคู่ก็ต้องมีคนที่ชอบไม่ใช่หรือไงอีปุยนุ่นบอก" ในขณะที่จินซักไซ้แป๋วก็เดินเลี่ยงถืออุปกรณ์เข้าไปในป่าช้าข้างเมถุนในเวลาเกือบจะหนึ่งทุ่มตรง "มึงขอใครเป็นเนื้อคู่" บอยเท้าเอวถาม "มึงไปชอบใครตั้งแต่เมื่อไหร่" "เรื่องของกู" "แต่กูเป็นเพื่อนมึงนะบอกมาสิวะ" "ไม่บอก" "ถ้างั้นกูกลับ" "มึงกลับกูถีบ!!" ท่าทางของบอยเอาเรื่องยังคงโต้เถียงในขณะที่จินยืนส่องไฟฉายอย่างกล้าๆ กลัวๆ "พวกมึงจะเถียงกันทำไมรีบทำก็รีบกลับสิบรรยากาศโคตรวังเวง" จินพูดแทรกสักพักบอยก็บ่นเสียงดัง " ก็แค่บอกว่าอยากได้ใครเป็นเนื้อคู่ยากนักหรือไง" สุดความอดทนแป๋วนำของที่เตรียมมาไหว้วางลงที่พื้นแล้วหันกลับมาบอกเพื่อน "นายกจบไหม..หรือให้กูเอ่ยชื่อ ประ.." "พอ!!! อีสัสหาคุก" บอยกับจินเดินเลี่ยงถอยห่างทันทีเมื่อคำพูดของเพื่อนที่กวนส้นตีนกำลังจะหาตารางมาให้ บรรยากาศเย็นสบายแถมยังเป็นแสงจันทร์กลมโตที่ส่องสว่างไสวแป๋วนั่งลงกราบไหว้ทำตามพิธีที่ปุยนุ่นบอกทุกขั้นตอน "เพี้ยง!เนื้อคู่เนื้อคู่" ฉันยิ้มอย่างมีเลศนัยทั้งในใจนึกถึงแต่หน้าของพี่หมอตอนนี้รู้สึกว่าชอบเขาซะแล้วล่ะ "เพี้ยง" ในขณะที่ฉันกำลังรินเหล้าขาวใส่ขวดแก้วเพื่อเรียกวิญญาณสัมภเวสีมาดื่ม "อีแป๋ว" น้ำเสียงจินสั่น "อีสัสแป๋ว" "เรียกหาแม่มึงเหรอกูกำลังทำพิธีอย่างใจจดใจจ่อ" "เนื้อคู่มึงมา" "ไหน!!" ฉันรีบหันขวับไปหาเพื่อนก่อนที่ไฟฉายในมือมันจะส่ายไปยังมุมต้นไม้ "ฉิบหาย" กรี๊ดดดดด!! ทุกคนต่างวิ่งกระเจิงเนื่องจากหมาของสัปเหร่อที่ได้ชื่อว่าดุมันหลุดออกมาท่าทางเกรี้ยวกราดแถมยังโชว์เขี้ยวแหลมคมตอนนี้ทุกคนจึงวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทาง "วิ่งไวฉิบหายไม่รอกูเลยพวกเหี้ย" เสียงของฉันที่บ่นพร่ำเพื่อพร้อมกับเตะฝุ่นในขณะที่เดิมอยู่ริมถนน "แล้วคือ..เดินกลับเมื่อไหร่จะถึง" บรื้นนน แต่เหมือนกับสวรรค์ยังมีตาฟ้ายังประธานรถเก๋งคันงามจอดอยู่ตรงหน้าคงจะเห็นว่าฉันเป็นเด็กใส่ชุดนักเรียนอยู่ละมั้ง "พี่หมอ!!!" หรือการขอเนื้อคู่จะได้ผลเป็นเขาจริงๆ ใบหน้าหล่อเหลาเปิดกระจกส่งสายตาโกรธเกรี้ยวพลางเอ่ยขึ้น "เด็กบ้า" "อิอิ ดีใจจังเลยค่ะนึกว่าจะได้เดินกลับซะแล้ว" "เฮ้อออ" ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ไม่น่ากลับมาเวลานี้แต่เพราะถนนหนทางมืดเห็นเพียงไฟกิ่งจึงคิดว่าเด็กผู้หญิงคนเดียวมาเดินคนเดียวคงไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ บนรถ "ไปไหนมาหรือคะไม่เห็นหน้าตั้งหลายวัน" ฉันส่งยิ้มหวานถามไถ่เป็นมิตร "ไปธุระในเมืองสิใครจะว่างมาเต๊าะคนเล่นแบบเธอ" "หนูชื่อว่าแป๋วนะคะ" "ใคร.." "หนูไง" "ใครถาม" เมื่อรับขึ้นรถมาก็ฉอดไม่หยุดพูดนั่นพูดนี่เป็นผู้หญิงคนเเรกที่รู้สึกว่าเหนื่อยมากเวลาที่อยู่ใกล้ ทั้งที่ผมชอบพุ่งชนจะตายกับสตรีแต่คงยกเว้นคนนี้ "หนูขอถามอะไรหน่อยได้ไหมผู้หญิงที่นั่งรถไปกับพี่...แฟนเหรอคะ" "มันเป็นเรื่องส่วนตัวของฉันนะ" "ก็แค่ถามหน่อยไม่ได้หรือยังไงคะใจร้ายจัง" "เป็นเพื่อนที่มาจากเมืองนอกเขาแวะมาเยี่ยมก็เลยไปส่งเท่านั้น" ผมตอบให้ส่งๆ ไปแต่มันก็คือเรื่องจริงและไม่คิดว่าเด็กนี่จะเห็นด้วยซ้ำ "ถ้าอย่างนั้นแปลว่าพรุ่งนี้พี่หมอก็เปิดคลินิกแล้วสินะคะ" รู้สึกดีใจก็อยากเจอเขาทุกวัน "ฉันเปิดคลินิกรักษาคนไข้ไม่ได้เปิดอนุบาลเนอสเซอรี่รับเลี้ยงเด็กนะไม่ต้องมาวุ่นวาย" "หนูโตแล้วเลี้ยงตัวเองได้ค่ะ" "จริงหรอ..รู้สึกว่ายังแบมือขอเงินพ่อแม่อยู่เลยนะ" "แต่หนูก็ช่วยงานแม่นะเสียบไก่ทุกวัน" เราพูดคุยกันแต่ท่าทางพี่หมอยังหยิ่งยโสเหมือนเดิมจนกระทั่งมีคำถามคาใจเลยตัดสินใจพูดออกไปตามตรง "พี่หมอคะไอ้ที่อยู่ใกล้กางเกงของพี่แล้วมันหัวนูนๆ ออกมามันคืออะไรคะ" เอี๊ยด โป๊ก! "อักกกก" บ้าเอ้ย จู่จู่ เขาก็เบรกรถกะทันหันหัวของฉันเหวี่ยงไปโดนที่วางเอกสารด้านหน้าอย่างเต็มแรง "นี่เธอไม่คาดเบลล์เหรอเนี่ย.." "ใครคือเบลล์ อึก!" "แป๋วแหวว" "เย้พี่จำชื่อหนูได้แล้ว" "เลือดเธอออกหัว" "!!!!" คลินิกเอกชน "เจอเธอทีไรต้องเป็นเรื่องทุกทีเลยนะ" สุดท้ายผมก็ต้องพากลับมาคลินิกที่บ้านของตัวเอง เนื่องจากหัวคิ้วใกล้ขมับโขกสับจนเลือดซิบไหลออกมาเป็นทาง "บ้าจริง" "ก็พี่หมอขับรถแรงแถมยังเบรกเร็วหนูเกร็งคอไม่ทัน" "ใครเขานั่งเกร็งกันต้องคาดเข็มขัดนิรภัยสิ" "หนูมีแต่มอเตอร์ไซค์กับจักรยานเอาอะไรมาคาดคะใครจะรู้!" "เถียงคำไม่ตกฟากด้วยนะ" หงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกก่อนที่ผมจะหยิบอุปกรณ์มาทำแผลให้เด็กมัธยมปลายสวมใส่ชุดนักเรียนแต่แต่งหน้าจัดเหมือนไปเล่นงิ้วก็คงจะได้นั่นแหละนะ "เชี่ย" เสียงสบถบางคำออกมาในขณะดวงตาเล็กพับปิดก็ค่อยๆ ลืมตื่นขึ้น ทั้งคู่อยู่ใกล้กันจนกลิ่นอายความรู้สึกบางอย่างทำให้หัวใจเต้นแทบจะคร่อมจังหวะ "ว่าแต่..เธออายุสิบแปดบริบูรณ์หรือยังปกติเด็กมอหกจะสิบเจ็ด" น้ำเสียงแหบพร่าถามสาวน้อยตาแป๋วตรงหน้าก่อนที่เธอจะส่งคำตอบกลับมา "ครบสิบแปดบริบูรณ์สิคะหนูเกิดต้นปี" "แปลว่าบรรลุนิติภาวะแล้วสินะ" "ค่ะ.." "พ้นขอหาพรากผู้เยาว์" "____"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม