หลายวันผ่านไป
โรงเรียนมัธยม
ฉันเก็บอาการน้อยใจเอาไว้ในใจรู้สึกเหมือนมีอะไรทิ่มแทงกลางอก
"อีแป๋วเป็นไร.." จินสะกิดถามตามมาด้วยหนุนตัก
"เออเห็นเหม่อแต่เช้า"
"กูปกติดี"
"เหรอ!!"
"อย่าถามเยอะ"
ฉันไม่ได้จะตอบเพื่อนรู้ว่าพวกมันเป็นห่วงแต่ว่าปกติไม่ว่าฉันจะเจอปัญหาอะไรแต่สักพักก็จะกลับมาสดใสในไม่ช้า
ตึบ
"กูมีทฤษฎีใหม่มาฝาก" ปุยนุ่มส่งยิ้มหวานพลางวางหนังสือบนโต๊ะดังลั่น "เขาบอกว่าถ้าเราไปจุดธูปขอเนื้อคู่ที่ป่าช้าอาจจะสมหวังแต่ต้องมีหัวหมูน้ำแดงแล้วก็เลือดสดไปถวายด้วยนะ"
"มึงไปเอามาจากไหน" ฉันเอ่ยถาม
"กูได้พวกผู้ใหญ่เขาพูดกันแอบได้ยินมาเว้ย แต่ว่าเราต้องมีคนที่ชอบก่อนนะ"
"____"
ท่าทีของแป๋วดูสนใจก่อนจะถามถึงพิธีกรรมไสยศาสตร์ที่วิทยาศาสตร์ก็ไม่สามารถอธิบายได้
ตอนเย็น
"กูอีกแล้ว!!" จินกับบอยสบถพร้อมกันเมื่อถูกแป๋วบังคับให้มา
"พวกมึงจะบ่นอะไรกูแค่ให้มาส่งเฉยๆ น่ะ"
"แต่พูดกูก็ไม่เข้าใจว่ามึงไปแอบชอบใครที่ไหนอีกล่ะ.."
"ปะเปล่า"
"แต่ถ้าจะมาขอบนให้ได้เป็นเนื้อคู่ก็ต้องมีคนที่ชอบไม่ใช่หรือไงอีปุยนุ่นบอก"
ในขณะที่จินซักไซ้แป๋วก็เดินเลี่ยงถืออุปกรณ์เข้าไปในป่าช้าข้างเมถุนในเวลาเกือบจะหนึ่งทุ่มตรง
"มึงขอใครเป็นเนื้อคู่" บอยเท้าเอวถาม "มึงไปชอบใครตั้งแต่เมื่อไหร่"
"เรื่องของกู"
"แต่กูเป็นเพื่อนมึงนะบอกมาสิวะ"
"ไม่บอก"
"ถ้างั้นกูกลับ"
"มึงกลับกูถีบ!!"
ท่าทางของบอยเอาเรื่องยังคงโต้เถียงในขณะที่จินยืนส่องไฟฉายอย่างกล้าๆ กลัวๆ
"พวกมึงจะเถียงกันทำไมรีบทำก็รีบกลับสิบรรยากาศโคตรวังเวง" จินพูดแทรกสักพักบอยก็บ่นเสียงดัง " ก็แค่บอกว่าอยากได้ใครเป็นเนื้อคู่ยากนักหรือไง"
สุดความอดทนแป๋วนำของที่เตรียมมาไหว้วางลงที่พื้นแล้วหันกลับมาบอกเพื่อน
"นายกจบไหม..หรือให้กูเอ่ยชื่อ ประ.."
"พอ!!! อีสัสหาคุก"
บอยกับจินเดินเลี่ยงถอยห่างทันทีเมื่อคำพูดของเพื่อนที่กวนส้นตีนกำลังจะหาตารางมาให้
บรรยากาศเย็นสบายแถมยังเป็นแสงจันทร์กลมโตที่ส่องสว่างไสวแป๋วนั่งลงกราบไหว้ทำตามพิธีที่ปุยนุ่นบอกทุกขั้นตอน
"เพี้ยง!เนื้อคู่เนื้อคู่" ฉันยิ้มอย่างมีเลศนัยทั้งในใจนึกถึงแต่หน้าของพี่หมอตอนนี้รู้สึกว่าชอบเขาซะแล้วล่ะ "เพี้ยง"
ในขณะที่ฉันกำลังรินเหล้าขาวใส่ขวดแก้วเพื่อเรียกวิญญาณสัมภเวสีมาดื่ม
"อีแป๋ว" น้ำเสียงจินสั่น "อีสัสแป๋ว"
"เรียกหาแม่มึงเหรอกูกำลังทำพิธีอย่างใจจดใจจ่อ"
"เนื้อคู่มึงมา"
"ไหน!!"
ฉันรีบหันขวับไปหาเพื่อนก่อนที่ไฟฉายในมือมันจะส่ายไปยังมุมต้นไม้ "ฉิบหาย"
กรี๊ดดดดด!!
ทุกคนต่างวิ่งกระเจิงเนื่องจากหมาของสัปเหร่อที่ได้ชื่อว่าดุมันหลุดออกมาท่าทางเกรี้ยวกราดแถมยังโชว์เขี้ยวแหลมคมตอนนี้ทุกคนจึงวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทาง
"วิ่งไวฉิบหายไม่รอกูเลยพวกเหี้ย" เสียงของฉันที่บ่นพร่ำเพื่อพร้อมกับเตะฝุ่นในขณะที่เดิมอยู่ริมถนน "แล้วคือ..เดินกลับเมื่อไหร่จะถึง"
บรื้นนน
แต่เหมือนกับสวรรค์ยังมีตาฟ้ายังประธานรถเก๋งคันงามจอดอยู่ตรงหน้าคงจะเห็นว่าฉันเป็นเด็กใส่ชุดนักเรียนอยู่ละมั้ง
"พี่หมอ!!!" หรือการขอเนื้อคู่จะได้ผลเป็นเขาจริงๆ ใบหน้าหล่อเหลาเปิดกระจกส่งสายตาโกรธเกรี้ยวพลางเอ่ยขึ้น
"เด็กบ้า"
"อิอิ ดีใจจังเลยค่ะนึกว่าจะได้เดินกลับซะแล้ว"
"เฮ้อออ"
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ไม่น่ากลับมาเวลานี้แต่เพราะถนนหนทางมืดเห็นเพียงไฟกิ่งจึงคิดว่าเด็กผู้หญิงคนเดียวมาเดินคนเดียวคงไม่ปลอดภัยเท่าไหร่
บนรถ
"ไปไหนมาหรือคะไม่เห็นหน้าตั้งหลายวัน" ฉันส่งยิ้มหวานถามไถ่เป็นมิตร
"ไปธุระในเมืองสิใครจะว่างมาเต๊าะคนเล่นแบบเธอ"
"หนูชื่อว่าแป๋วนะคะ"
"ใคร.."
"หนูไง"
"ใครถาม"
เมื่อรับขึ้นรถมาก็ฉอดไม่หยุดพูดนั่นพูดนี่เป็นผู้หญิงคนเเรกที่รู้สึกว่าเหนื่อยมากเวลาที่อยู่ใกล้ ทั้งที่ผมชอบพุ่งชนจะตายกับสตรีแต่คงยกเว้นคนนี้
"หนูขอถามอะไรหน่อยได้ไหมผู้หญิงที่นั่งรถไปกับพี่...แฟนเหรอคะ"
"มันเป็นเรื่องส่วนตัวของฉันนะ"
"ก็แค่ถามหน่อยไม่ได้หรือยังไงคะใจร้ายจัง"
"เป็นเพื่อนที่มาจากเมืองนอกเขาแวะมาเยี่ยมก็เลยไปส่งเท่านั้น"
ผมตอบให้ส่งๆ ไปแต่มันก็คือเรื่องจริงและไม่คิดว่าเด็กนี่จะเห็นด้วยซ้ำ
"ถ้าอย่างนั้นแปลว่าพรุ่งนี้พี่หมอก็เปิดคลินิกแล้วสินะคะ" รู้สึกดีใจก็อยากเจอเขาทุกวัน
"ฉันเปิดคลินิกรักษาคนไข้ไม่ได้เปิดอนุบาลเนอสเซอรี่รับเลี้ยงเด็กนะไม่ต้องมาวุ่นวาย"
"หนูโตแล้วเลี้ยงตัวเองได้ค่ะ"
"จริงหรอ..รู้สึกว่ายังแบมือขอเงินพ่อแม่อยู่เลยนะ"
"แต่หนูก็ช่วยงานแม่นะเสียบไก่ทุกวัน"
เราพูดคุยกันแต่ท่าทางพี่หมอยังหยิ่งยโสเหมือนเดิมจนกระทั่งมีคำถามคาใจเลยตัดสินใจพูดออกไปตามตรง
"พี่หมอคะไอ้ที่อยู่ใกล้กางเกงของพี่แล้วมันหัวนูนๆ ออกมามันคืออะไรคะ"
เอี๊ยด โป๊ก!
"อักกกก" บ้าเอ้ย จู่จู่ เขาก็เบรกรถกะทันหันหัวของฉันเหวี่ยงไปโดนที่วางเอกสารด้านหน้าอย่างเต็มแรง
"นี่เธอไม่คาดเบลล์เหรอเนี่ย.."
"ใครคือเบลล์ อึก!"
"แป๋วแหวว"
"เย้พี่จำชื่อหนูได้แล้ว"
"เลือดเธอออกหัว"
"!!!!"
คลินิกเอกชน
"เจอเธอทีไรต้องเป็นเรื่องทุกทีเลยนะ" สุดท้ายผมก็ต้องพากลับมาคลินิกที่บ้านของตัวเอง เนื่องจากหัวคิ้วใกล้ขมับโขกสับจนเลือดซิบไหลออกมาเป็นทาง "บ้าจริง"
"ก็พี่หมอขับรถแรงแถมยังเบรกเร็วหนูเกร็งคอไม่ทัน"
"ใครเขานั่งเกร็งกันต้องคาดเข็มขัดนิรภัยสิ"
"หนูมีแต่มอเตอร์ไซค์กับจักรยานเอาอะไรมาคาดคะใครจะรู้!"
"เถียงคำไม่ตกฟากด้วยนะ"
หงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกก่อนที่ผมจะหยิบอุปกรณ์มาทำแผลให้เด็กมัธยมปลายสวมใส่ชุดนักเรียนแต่แต่งหน้าจัดเหมือนไปเล่นงิ้วก็คงจะได้นั่นแหละนะ
"เชี่ย"
เสียงสบถบางคำออกมาในขณะดวงตาเล็กพับปิดก็ค่อยๆ ลืมตื่นขึ้น ทั้งคู่อยู่ใกล้กันจนกลิ่นอายความรู้สึกบางอย่างทำให้หัวใจเต้นแทบจะคร่อมจังหวะ
"ว่าแต่..เธออายุสิบแปดบริบูรณ์หรือยังปกติเด็กมอหกจะสิบเจ็ด"
น้ำเสียงแหบพร่าถามสาวน้อยตาแป๋วตรงหน้าก่อนที่เธอจะส่งคำตอบกลับมา
"ครบสิบแปดบริบูรณ์สิคะหนูเกิดต้นปี"
"แปลว่าบรรลุนิติภาวะแล้วสินะ"
"ค่ะ.."
"พ้นขอหาพรากผู้เยาว์"
"____"