“นายมาหาพี่มีอะไรเล็ก?”
คล้อยหลังพิรฏาออกไปวิชญะก็เอ่ยถามน้องชายทันทีด้วยทีท่าหัวเสีย ไม่ชอบใจในคำพูดของวิชยุตม์ที่มีต่อพิรฏา
“ผมจะมาหาพี่บ้างไม่ได้หรือไง ขนาดผู้หญิงคนนั้นพี่ยังเจอเธอได้ แล้วผมล่ะ...เราเป็นพี่น้องกันนะ”
วิชยุตม์ตอบอย่างยียวน คนฟังถอนหายใจกับวาจาก่อกวนอารมณ์นั้นหนักๆอย่างพยายามระงับความโกรธ
“อย่ามากวนพี่นะเล็ก”
เขาเอ่ยเสียงหนัก น้ำเสียงจริงจัง ทำให้วิชยุตม์เบะปากอย่างคนเจ้าอารมณ์
“ก็แค่จะมาบอกพี่ว่าให้กลับบ้านเสียบ้าง อย่ามัวแต่หลงนังแม่ม่ายลูกติดนั่นจนโงหัวไม่ขึ้น ถึงขนาดลืมลูกกับเมียที่บ้าน น้องวิธมันคิดถึงพ่อ โผล่ไปให้มันเห็นหน้าบ้างก่อนที่ลูกมันจะลืมหน้าพ่อหมด!”
เขาเอ่ยบอกปนประชดปนแดกดัน ทำให้คนฟังรู้สึกไม่ชอบใจแต่ก็โต้แย้งอะไรไม่ได้
สุดท้ายจึงได้แต่เอ่ยถามเบี่ยงความสนใจอีกฝ่าย ด้วยตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นวิชยุตม์ต้องไปทำธุระที่ต่างประเทศและเขาก็ไม่รู้ว่าน้องชายของตนเองกลับมาแล้ว
“แล้วนี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมพี่ไม่รู้”
“ก็พี่เล่นไม่กลับบ้าน...ไม่รู้ก็ไม่แปลก”
แต่คนตอบกลับตอบยียวนเสียอย่างนั้น ทำเอาวิชญะถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเรื่องมันวนกลับมาที่จุดเดิมอีกครั้ง ชายหนุ่มถอนหายใจแล้วเอ่ยอย่างยอมแพ้ในที่สุด
“โอเคๆ งั้นเย็นนี้เลิกงานแล้วก็รอพี่หน่อยแล้วกัน เดี๋ยวกลับบ้านพร้อมกับ”
วิชยุตม์พยักหน้างึกหงัก สีหน้าพอใจเมื่อวิชญะยอมกลับบ้านกับเขาในเย็นวันนี้
๐๐๐๐๐
20.00 น.
เด็ชายวิธวินท์ได้เสียงรถยนต์คุ้นหูแล่นเข้ามาภายในก็ผุดลุกขึ้นจากการนอนราบกับพื้นพรมภายในห้องนั่งกับเพื่อทำการบ้านกับแม่ของตนก็ผุดลุกขึ้นมาในทันที เด็กชายมีสีหน้าและแววตาที่เป็นประกายลิงโลดด้วยความดีใจแล้ววิ่งตื๋อออกจากห้องทันที โดยที่ผู้เป็นแม่คว้าตัวเอาไว้ไม่ทัน
เมษิณีได้ยินเสียงรถคุ้นหูคันนั้นเหมือนผู้เป็นลูกชายเช่นกัน แต่สิ่งที่เธอทำคือไม่ใช่การวิ่งออกไปรอเขาที่หน้าบ้านอย่างที่เคยกระทำ มือบางกำเป็นหมัดแน่น แล้วรีบเงยหน้าขึ้นสูดลมหายใจลึกเข้าปอด ระงับน้ำตาที่ทำท่าจะเอ่อท้นบริเวณขอบตา เมื่อคิดว่าตนเองระงับอารมณ์ได้ในระดับหนึ่งแล้ว เมษิณีจึงค่อยๆลุกขึ้นจากพื้นพรมช้าๆแล้วเดินตรงไปยังบริเวณโถงหน้าบ้านตามลูกชายออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เมษิณีหยุดฝีเท้าห่างจากกลุ่มบุคคลที่ยืนชุมนุมกันอยู่ ดวงตาของเธอฉายแววกราดเกรี้ยวเมื่อเห็นว่า ‘ใคร’ ยืนโดดเด่นอยู่ในกลุ่มคนนั้น
“คุณแม่ครับ...มานี่สิครับ”
เสียงของเด็กชายวิธวินท์เอ่ยเรียกมารดาด้วยน้ำเสียงดีอกดีใจ พ่อหนูน้อยอยู่ในอ้อมแขนแกร่งของคนเป็นพ่อ และข้างๆกันก็คืออาเล็กที่ยืนมองภาพนี้ด้วยรอยยิ้ม
แต่คนเดียวที่ไม่ยินดีกับภาพนั้นก็คือเมษิณี
หญิงสาวเมินเฉยกับเรียกของบุตรชาย ตอนนี้ดวงตาของเธอมีแต่ภาพของผู้ชายที่ทรยศและประหารจิตใจเธออย่างเลือดเย็นที่สุดเท่านั้น!
“เข้ามานี่สิครับเม...ลูกเรียกแหนะเห็นไหม?”
วิชญะเอ่ยเรียกหญิงสาวย้ำพร้อมรอยยิ้มที่แต่งแต้มขึ้นมาเพื่อเอาใจหญิงสาวโดยเฉพาะ เขารู้...ทุกครั้งที่เขายิ้มแบบนี้เมษิณีจะให้อภัยเขาเสมอ
แต่...วิชญะคิดผิด
แววตาของเมษิณีไม่ได้ดูอ่อนแสงลงดังเช่นทุกครั้งที่เห็นรอยยิ้มนี้ของวิชญะ ตรงกันข้ามเธอกลับสร้างกำแพงที่ชื่อว่าความเย็นชามาโอบล้อมจิตใจของตนเองให้มันแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นจนเข้าขั้นแข็งกระด้างเลยด้วยซ้ำ สร้างความแปลกใจให้แก่วิชญะเป็นอย่างมาก
“เมษิณี...”
วิชญะลองเรียกเธอด้วยชื่อเต็มอีกครั้ง แต่ท่าทีของหญิงสาวก็ไม่ได้เปลี่ยน จนวิชยุตม์ที่เห็นท่าไม่ดีเอ่ยแทรกขึ้น
“คุณเมครับ มาทางนี้กับผมแป๊บนึงนะครับ”
นอกจากจะเอ่ยเป็นคำพูดแล้วชายหนุ่มยังแตะท่อนแขนกลมกลึงของพี่สะใภ้เบาๆเป็นเชิงให้เธอเดิมตามเขามา ซึ่งเมษิณีก็ทำตามแต่โดยดี
วิชญะมองภาพน้องชายและภรรยาของตนแล้วขมวดคิ้ว ทั้งสองเดินเคียงกันไปไกลจนพ้นรัศมีการได้ยินของเขา วิชญะอยากจะรู้ใจจะขาดว่าทั้งคู่พูดอะไรกัน...แต่เขาทำไม่ได้
ชายหนุ่มได้แต่คิดอย่างกระวนกระวาย
๐๐๐
ทางด้านวิชยุตม์และเมษิณีนั้นเมื่อทั้งคู่แน่ใจแล้วว่าที่นี้นั้นห่างจากรัศมีการได้ยินของวิชญะ ชายหนุ่มก็เริ่มเปิดฉากก่อนทันที
“ผมว่าคุณเมไม่ควรทำท่ามึนตึงอย่างนั้นใส่พี่ใหญ่นะครับ เรารู้นิสัยของเขาดีอยู่แล้วว่าพี่ใหญ่ไม่ชอบให้ใครประชดประชันใส่เขา”
“แต่เมทนไม่ไหวนะคุณเล็ก” เมษิณีแย้งขึ้นด้วยน้ำเสียงเจ็บช้ำ “คุณใหญ่ทำกับเมเกินไป คุณเล็กไม่เคยถูกคนรักนอกใจคุณไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกของเมหรอกว่าเมเจ็บ เมร้อนในอกแค่ไหน”
หญิงสาวยกมือขึ้นตบอกตนเองแรงๆ ดวงตาคู่สวยหม่นเศร้าและคลอไปด้วยหยาดน้ำตา
“ผมเข้าใจ...ถ้าไม่เข้าใจผมจะไม่มีวันช่วยดึงพี่ใหญ่กลับมาให้คุณเมเด็ดขาด” วิชยุตม์แย้งเสียงหนักเช่นกันเมื่อเห็นน้ำตาคลอหน่วยของพี่สะใภ้ “ผมก็ไม่อยากเห็นครอบครัวของพี่ชายผมต้องแตกแยกเหมือนกัน คุณเมเป็นคนดี ไม่สมควรต้องมาเจออะไรแบบนี้ ส่วนพี่ใหญ่ปล่อยให้ผมจัดการเขาเอง นะครับ...เชื่อผม”
วิชยุตม์กล่อมอีกฝ่าย เขาชอบหญิงสาวที่มาเป็นพี่สะใภ้ของเขามากพอเกินกว่าที่จะปล่อยให้พี่ชายของเขาทำร้ายจิตใจเธอและลูกได้ ความชอบพอของเขาไม่ใช่ในเชิงชู้สาว...แต่เป็นความรู้สึกเหมือนเธอคือคนในครอบครัว...ครอบครัวที่เขาจะต้องปกป้องและดูแล
“ถ้างั้นคุณเล็กจะให้เมทำยังไง?”
เมษิณีถาม
และวิชยุตม์ก็คลี่ยิ้มชนิดหนึ่งออกมาเมื่อคิดถึงวิธีจัดการผู้หญิงคนนั้นให้ออกไปจากชีวิตของวิชญะ
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปดึงมือบอบบางของพี่สะใภ้ขึ้นมากุมไว้ด้วยมือใหญ่ทั้งสองข้างของเขา แล้วตบหลังมือเธอเบาๆให้เธอรู้สึกคลายใจ
“คุณเมทำตัวตามปกตินะแหละครับ อย่าไปตั้งแง่ใส่พี่ใหญ่ เพราะเขาไม่ชอบ สิ่งที่คุณเมทำก็คือดึงเขามาด้วยความรักของคุณเม ส่วนผู้หญิงคนนั้นปล่อยให้ผมจัดการ ผมเห็นหน้าเธอมาแล้ว ผู้หญิงแบบนั้นก็เป็นได้มากก็แค่ผู้หญิงหิวเงินคนหนึ่ง ส่วนพี่ใหญ่นั้นก็แค่หลงเธอไปชั่วครู่”
“คุณเล็กแน่ใจนะคะ”
วิชยุตม์หัวเราะลงคอเบาๆ ดวงตาสีดำสนิทดุจรัตติกาลในคืนเดือนมืดของเขาทอประกายบางชนิดที่ทำให้คนมองรู้สึกมั่นใจ แต่คนที่จะโดนเขากำจัด...อาจถอยห่างก็เป็นได้
“ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อดึงพี่ใหญ่กลับมาหาคุณเมกับตาวิธให้ได้...เชื่อมือผมเถอะครับ...”
๐๐๐
“คุยกะไรกันทำไมมาคุยต่อหน้าพี่ไม่ได้หือเล็ก?”
วิชญะยามทันทีที่น้องชายของเขาและภรรยาเดินกลับมาหาเขา วิชยุตม์ยักไหล่แล้วเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงสแลคสีดำของตนเองจากนั้นก็เบือนหน้าหนีทำเป็นไม่ได้ยิน ในขณะที่เมษิณีพยายามฝืนยิ้มหวานให้เขาแม้จะไม่สนิทใจนัก เธอพยายามเก็บอาการเคืองขุ่นไว้ข้างในแล้วทำตามในสิ่งที่วิชยุตม์แนะนำ
มือเรียวแตะท่อนแขนสามีแล้วบอกว่า
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณใหญ่”
“แน่นะ?”
วิชญะถามย้ำด้วยไม่อยากจะปักใจเชื่อ
“แน่สิคะ” หญิงสาวเน้นย้ำ แล้วรีบกู้สถานะการณ์โดยการมองหน้าเล็กๆของลูกชายที่อยู่ในอ้อมแขนของผู้เป็นพ่อทันที
“น้องวิธวิ่งหนีออกมาแบบนี้ไม่ดีรู้ไหมครับ เรายังทำการบ้านกันไม่เสร็จเลยรู้เปล่า”
เมษิณีพูดกับลูกชายของตน เด็กชายวิธวินท์หน้าม่อยลงในขณะที่ซบหน้าลงกับบ่าแกร่งของผู้เป็นพ่อที่อุ้มเขาอยู่ แล้วพูดตามประสาเด็กว่า
“ก็น้องวิธคิดถึงคุณพ่อใหญ่นี่ครับ น้องวิธไม่ได้เห็นหน้าพ่อตั้งนาน”
คำพูดซื่อๆของพ่อหนูน้อยทำเอาผู้ใหญ่สามคนที่ยืนอยู่ถึงกับสะอึกไปตามๆกัน โดยเฉพาะวิชญะที่ถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว
ชายหนุ่มรู้สึกถึงก้อนแข็งๆที่มาจุกที่ลำคอยามเมื่อได้ยินถ้อยคำนั้นของบุตรชายตัวน้อย...แม้วิชญะจะไม่ใช่สามีและพ่อที่ดี แต่สิ่งหนึ่งที่เขามีก็คือ...เขารักลูก และการละเลยลูกนั้นก็ทำให้เขารู้สึกละอายใจ
มือหนายกขึ้นลูบผมบุตรชายแล้วกล้ำกลืนความรู้สึกผิดลงกับอก
“พอดีคุณพ่อติดงานครับ...” เขาเอ่ยแก้ต่างให้ตัวเอง และเป็นคำแก้ต่างที่เมษิณีอดรู้สึกหยามหยันอีกฝ่ายในใจไม่ได้ คนโกหก! “แต่ตอนนี้คุณพ่อก็มาหาวิธแล้วนะครับ”
พ่อหนูน้อยยิ้มกว้าง สองแขนเล็กๆโผกอดรัดคอคุณพ่อแล้วพูดว่า
“วิธรักคุณพ่อที่สุดเลยครับ...อ้อ คุณแม่กับอาเล็กด้วยนะครับ” พ่อหนูน้อยรีบต่อทันทีที่เห็นผู้ใหญ่อีกสองคนยินอยู่ตรงนั้นด้วย
วิชยุตม์ยิ้มกว้างกับภาพพ่อ แม่ ลูกของครอบครัวพี่ชายแล้วหมายมั่นกับตนเองในใจ
ความสมบูรณ์ของครอบครัวของพี่ชายคือตัวแทนครอบครัวสุขสันต์และความสุขที่เขาไม่เคยมีและไม่เคยได้สัมผัส พ่อหย่ากับแม่ในตอนที่เขายังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจเหตุผลของพวกผู้ใหญ่ แต่เขาก็โตพอมีความคิดและรับรู้ได้จากสิ่งที่พ่อกระทำกับแม่
เขาจะไม่ยอมให้ใครมาลบอนุสรณ์ทางใจของเขาเด็ดขาด!